อุตสาหกรรมภาพยนต์-เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

“ป่วย-เป็นโรค ๓ แข็ง”
“ไหล่แข็ง-คอแข็ง-บ่าแข็ง” ร้าวลามลงไปถึงสันหลัง นอกนั้น “นิ่มป๋อย” ทั้งเนื้อ-ทั้งตัว เหมือนยางรถแตก
ยังดีนะ ที่ใจยังเต้นแขม็บๆ
ถ้าไม่เต้นละก็ คงอายุสั้นในวัยใกล้ร้อย ไปตั้งแต่วันศุกร์แล้ว!
ไอ้โรค ๓ แข็ง สะสมจากนั่งหน้าคอมฯ นานๆ นี่ ใครก็อย่านึกว่าเรื่องเล็กเชียวนะ
เป็นแล้วจะรู้ ใช้รถเครนมายกหัวให้ตั้งบนบ่าได้ แต่จะให้ลืมตาโดยไม่มีอาการเหมือน “ปั่นจิ้งหรีด” มันไม่ได้

เรื่องของเรื่อง ก็ต้องถึงหมอ
ขั้นต้นก็ต้องกายภาพเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน!

ถามนักกายภาพว่าอาการอย่างนี้มันจะหายมั้ย เพราะปีก่อนก็ทีแล้ว เขาบอกว่า หาย
“ต้องทำไงถึงหาย?” ผมถาม

เขาบอกง่ายนิดเดียว แค่เลิกคบกับไอ้คอมฯ ซะ ถ้าเลิกไม่ได้ ก็ให้คบกันห่างๆ!
ก็บอกเล่าเก้าสิบกัน ไม่ใช่สำออยคนอ่าน ไม่รู้จะสำออยเพื่ออะไร เพราะบางท่านถามไถ่มาทางเว็บว่า “หายไปไหน” ก็บอกให้ทราบ ว่าไม่สบายบวกขี้เกียจนิดๆ

วันเสาร์ “ฟ้ามืด-ฝนพรำ” ทั้งวัน กดรีโมทโทรทัศน์ไปเรื่อย แต่ละช่องรายการเขาดีหละ แต่หาที่ลงตัวกับจริตมันช่างยาก เลยไม่ได้ดูเป็นชิ้น-เป็นอัน

ปกติผมดูเฉพาะรายการข่าว เพิ่งดูหนังทั้งเรื่องก็เมื่อคืนวันเสาร์ ช่อง ทรู ๒๔ ตอน ๓-๔ ทุ่ม พอดีเป็นช่วงฉายหนัง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวร” ๑ ตอนตัวประกันหงสา ก็ดูซะจนจบตอน ๒ ยาม

ความจริง “ดูแล้ว-ดูอีก”
ดูเป็นครั้งที่เท่าไหร่ ไม่ได้จำ เจอเป็นแช่ดู ท่านมุ้ย “มจ.ชาตรีเฉลิม ยุคล” ผู้สร้างเรื่องนี้ ทำให้ผมรู้สึกว่า

ไทยเรามีฝือทำหนังได้มาตรฐานขนาดนี้แล้ว แต่ทำไมธุรกิจภาพยนต์ไทยจึงเหมือนรถไต่ถัง
ไต่ๆ แล้วก็ร่วง ไม่เคยขึ้นพ้นปากถังซักที!

เรื่องภาพยนต์ พูดกันจริงๆ คนไทยมีฝือ แต่อย่างว่า อะไรที่เป็นเฉพาะตัว คนไทยทำได้ ทำเก่งซะด้วย
แต่ให้ทำเป็นทีม-เก่งเป็นทีม มันยากเหลือเกิน!

ดูข่าว นายกฯ ไปเยี่ยมเป็นกำลังใจให้ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมขณะนี้ ที่สุโขทัยเมื่อวาน (๒๖ กย.๖๔)
นายกฯ บอกชาวบ้านว่า….

“ผมพยายามคิดอะไรใหม่ๆ ไม่ว่าเรื่องการเกษตร โครงสร้างพื้นฐาน แก้ปัญหาความยากจน การกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มขีดความสามารถ​

ซึ่งทุกคนจะต้องพัฒนาขีดความสามารถ​ เพราะวันข้างหน้าลูกหลานต้องอยู่กับเทคโนโลยีดิจิทัล​
ต้องการเรียนภาษาโค้ดดิ้ง​คือคำสั่งการด้วยคอมพิวเตอร์เราต้องทำให้รุ่นหลังๆ ดีขึ้น

เราลำบากมามากแล้ว จะให้เขาลำบากอีกเหรอ วันหน้าต้องเรียนรู้มากขึ้น การทำเกษตรสมัยใหม่ ทำอย่างไรให้ที่ดิน 3-5 ไร่ได้ใช้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้น”
………………………..

“ต้องเดินหน้าพลิกโฉมประเทศไทย ทำอย่างไรให้คนไทยมีรายได้ที่เพียงพอ คนไทยทุกคน ต้องร่วมกันเดินหน้าต่อไปข้างหน้า

เดินหน้าสู่อนาคตที่เข้มแข็ง พร้อมกับการเข้าสู่โลกดิจิทัล นำเทคโนโลยีมาช่วยประกอบอาชีพ
โดยเฉพาะการทำการเกษตรต้องเป็นการเกษตรสมัยใหม่เพื่อการอุตสาหกรรม
มีรายได้เพิ่มขึ้น ขอให้ประชาชนเตรียมตัวให้พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น”

ครับ….
ผมเชื่อ ที่นายกฯ บอกว่า “พยายามคิดเรื่องใหม่ๆ” เพื่อพลิกโฉมประเทศ สู่อนาคตที่เข้มแข็ง

ท่านเน้นถึง “เกษตรสมัยใหม่” เพื่อการอุตสาหกรรมที่เทคโนโลยี ๕ จี จะเข้ามาเป็นตัวหลัก

ก็อย่างที่เห็น ในขณะที่ไทยเป็นประเทศเกษตร แต่น้ำท่วมสลับน้ำแล้งทุกปี สินค้าเกษตร นับวัน “ต้นทุนสูง” แต่พืชผลไม่แน่นอน ซ้ำค่อนไปทางต่ำ

นั่นคือ สินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกกับการท่องเที่ยว เป็นตัวสร้างรายได้หลักของประเทศ
แต่ “ความไม่แน่นอน” ผันแปรมาก!

ยิ่งมีโรคระบาดอย่างตอนนี้ เป็นตัวอย่างสะท้อนว่า จำเป็นที่เราต้อง “คิดอะไรใหม่ๆ” เป็นสินค้าทางอุตสาหกรรมให้หลากหลายมากขึ้น บนฐาน “ทรัพยากรประเทศ” ที่เรามี

วันก่อน…….
มีข่าว นายกฯ ให้กระทรวงวัฒนธรรมส่งเสริมวงการบันเทิง ให้ “หนัง-ละคร” ของไทย เป็น “อุตสาหกรรมภาพยนต์” เกิดขึ้นในประเทศ

ผมเห็นด้วย ถึงไม่ใช่ความคิดใหม่ แต่เป็นความคิดที่ใช่ ถ้าทำได้ จะเป็นอุตสาหกรรมใหม่ สร้างรายได้ให้ประเทศเสริมเข้ามาอีกตัว

ความจริง พูดกันมานานแล้วเกือบทุกรัฐบาลด้วยซ้ำ นายกฯ ประยุทธ์เอง สมัยคสช.ก็เคยมีเป็นนโยบายในแผน ๕ ปี จาก ๒๕๕๙-๒๕๖๔ ที่จะให้อุตสาหกรรมภาพยนต์เกิด

แต่ไม่เกิด เพราะอะไร?
เพราะขาด “สารตั้งต้น” หรือหัวรถจักร ที่จะฉุดลากนำขบวนหมายถึงนโยบาย ไปสู่การปฎิบัติให้เป็นรูป-เป็นร่างขึ้นนั่นเอง

อย่างที่ว่า องค์ประกอบที่จะทำอุตสาหกรรมภาพยนต์ของไทยมีพร้อม แต่ด้วยเอกลักษณ์ไทย คือเก่งเฉพาะตัว การนำแต่ละเก่งมารวมเป็นทีม มันยาก

ดังนั้น ถ้ารัฐบาลต้องการให้ศิลปการแสดง “หนัง-ละคร-ดนตรี” เป็นอุตสาหกรรมบันเทิงอีกแขนงของประเทศเกิดขึ้น
ต้อง “สานก้น” ให้เขา

เมื่อสานก้นเป็นรูปทรงขึ้นแล้ว ขบวนการ จะก่อรูปร่างธุรกิจอุตสาหกรรมภาพยนต์เป็น “สินค้า” ขึ้นเองอีกตัว เหมือนสินค้าเกษตรและการท่องเที่ยว

ถ้านายกฯ เอาจริงเรื่องอุตสาหกรรม ให้BOI “ส่งเสริมการลงทุน” ไปเลย
ให้ระบบราชการทำ มันเจ๊งตั้งแต่คิดแล้ว

ประกาศเชิญชวนต่างประเทศเข้ามาลงทุนด้านนี้ให้เป็น “อุตสาหกรรมเพื่อการบันเทิง” เพื่อการส่งออกเต็มตัว
ทั้งภาพยนต์-ดนตรี-ละคร-เพลง-ศิลปวัฒนธรรม เรียกว่า “บันเทิงครบวงจร”

หรืออีกที รัฐบาลมอบหมายผู้มีน้ำหนัก “ทางความเชื่อถือ” เป็นสารตั้งต้น สมมติ เช่น “ท่านมุ้ย”
เป็น “สารตั้งต้น”

ไปดึงผู้นำธุรกิจบันเทิงไทยมาร่วมกันปรึกษาหารือ โดยรัฐสนับสนุนและยินดี “ร่วมทุน” ด้วย
คิดหาแนวทาง-รูปแบบด้าน “อุตสาหกรรมบันเทิง” ทั้งหนัง-ละคร ลงตัวแล้ว ก็ตั้งเป็น “อุตสาหกรรมร่วม”

ชวน ลาว-เขมร-เวียตนาม-พมา และจีน มาร่วมลงขันได้ยิ่งดี
ตลาดจะโตและขยายกว้างพรวด!

ทรัพยากรต้นทุนของไทยเราด้านนี้ มีพร้อมมาก เพียงแต่เราทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มไม่ได้เท่าที่ควรเท่านั้น

มีอะไรบ้างล่ะ….
กระทรวงวัฒนธรรมแถลงเองวันก่อนมิใช่หรือ

เฟซบุ๊กเพจ Asian SEA Story โพสต์คอนเทนต์การจัดอันดับประเทศที่มีมรดกวัฒนธรรมที่ดีที่สุด ประจำปี ๒๐๒๑

ประเมินจากปัจจัยต่างๆ เช่น
โอกาสเข้าถึงวัฒนธรรม
ประวัติศาสตร์อันยาวนาน

ความดีเลิศด้านอาหาร
สถานที่ท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรม และ

สถานที่ท่องเที่ยวด้านภูมิศาสตร์
ไทย อันดับ ๑ ของอาเซียน ด้านมรดกทางวัฒนธรรม

เว็บไซต์ U.S. News จัดอันดับประเทศมีมรดกวัฒนธรรมที่ดีที่สุดในโลก จากทั้งหมด ๗๘
ประเทศไทยได้อันดับ ๗
อันดับ ๒ ของเอเชีย และ
อันดับ ๑ ของอาเซียน

เหล่านี้คือ “ฉาก” หรือเครื่องแกง ถ้านำมาปรุงให้เป็น-ให้ถึงทางอุตสาหกรรมภาพยนต์-ละคร สามารถขายได้ทั้งโลก

ไม่ต้องดูอะไรมาก…
แค่ “ลิซ่า แบล็กพิงค์” ใส่รัดเกล้ายอดทีเดียว
ทั้งโลก มีรูเลี้ยวไหนที่ไม่รู้จัก “ประเทศไทย” บ้าง!?

 

Written By
More from plew
๑๐ สิงหา.ของสามนิ้ว – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน กับคำถามที่ว่า…….. “พวกสามนิ้วจะออกมาจลาจลเมืองไปถึงไหน?” ผมว่าโน่นแหละ ถึงเดือนกันยา.เผลอๆ ถึงมกรา.ปีหน้า!
Read More
0 replies on “อุตสาหกรรมภาพยนต์-เปลว สีเงิน”