ศึกนี้ “ยังไม่หนัก”เกินแบก

เพราะเขารักและเชื่อใจหรอก……

ในความเป็นประชาชน จึงมอบอำนาจให้คนชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นำพาประเทศฉะนั้น ……..
เสียงท้วงติง ตำหนิ ว่ากล่าว สอง-สามวันที่ผ่านมา ใช่ว่าเป็นเสียงโกรธขึ้ง เกลียดชัง มุ่งหวังโค่นล้มทำลาย

นายกฯก็เหมือนหัวหน้าทีมนักเตะในสนาม มุ่งทำประตู-รักษาประตู ชุลมุนอยู่แต่ในพื้นที่เฉพาะตรงหน้า

ส่วนแฟนๆ กองเชียร์บนอัฒจันทร์ อยู่บนที่สูง มองเห็นรอบด้าน-รอบทิศ รอบสนาม
การตะโกนบอกนั้น-นี้ เป็นหวังดีของกองเชียร์ หาใช่แช่งชัก

ส่วนจะฟัง-ไม่ฟัง จะปรับแก้กลเกมหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องของนักเตะที่จะบริหารเกม


หัวใจของเกมนั้น มี “แพ้-ชนะ”
แต่ในความแพ้-ชนะ ……
ต้องเป็นแพ้-ชนะ ที่ไม่ทำให้สูญเสียศรัทธาและความเชื่อถือจากใจแฟนๆที่เป็นกองเชียร์!
นายกฯก็ต้องเข้าใจตรงนี้

ฉะนั้น ที่นายกฯ บอกว่า………
“เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมางอมเต็มที ใจผมก็แย่ไปทุกวัน จะว่าเหนื่อยก็คงเหนื่อย แต่ไม่มาก ยังทนไหว ไม่ใช่ทนหรอก คือมันต้องปลุกตัวเองให้ได้ก่อนว่าต้องทำ ถ้าไม่ทำแล้วจะทำอย่างไรกันต่อไป” นั้น

ก็ดีใจ ว่านักเตะคนนี้เป็น “นักสู้” ด้วยหัวใจ มีความรับผิดชอบสูง มีแฟนๆคือประชาชนอยู่ในหัวใจ มีมานะ มีลูกฮึด

ยังไงๆ ไม่สลัดสตั๊ดทิ้ง ……
แล้วออกจากสนามแข่งก่อนเวลาแน่นอน!

อยากบอกว่า “สถานการณ์รวม” ของการสู้ศึกโควิด-๑๙ ถึง ณ ขณะนี้ วันที่ ๙ มีค.๖๓

“ทีมสาธารณวุข”แพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์ ยังรักษารูปเกมและคุมเกมได้ดี ไม่มีอะไรเสียหาย

พระเอกหนังเกาหลี “นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์” รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงประจำวัน

-ขณะนี้ยังไม่มีผู้ป่วยรายใหม่
-ผู้ป่วยสะสมยังอยู่ที่ ๕๐ ราย(คงเดิม)
-กลับบ้านแล้ว ๓๓ ราย
-เสียชีวิต ๑ ราย(คงเดิม)
-นอนรักษาตัวใน รพ. ๑๖ ราย
-อาการหนัก ๑ ราย ยังอยู่ในดูแลแพทย์(รายเดิม)
-ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคทั้งหมด ๔,๕๑๘ ราย
-กลับบ้านแล้ว ๒,๗๒๙ ราย อยู่ในรพ.๑,๗๘๙ ราย


เห็นตัวเลขแล้ว ทั้งอุ่นใจและมั่นใจ “ทีมสาธารณสุข” โดยแพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์ของเรา ยังคงเป็น “กองทัพแข็งแแกร่ง” ด้วยศักยภาพมาตรฐานคงเส้น-คงวา!

ส่วนเสียงบ่นว่านั้น……..
ต้องบอกว่า เป็น “บ่นว่า” มาจากตัว “นักเตะค่ายครม.” ซึ่งมาตามโควตา ไม่ได้มาจากฝีตีน
เลยเป็นตัวถ่วงทีมเรียกส่งบ่น (และก่นด่า)!

ส่วนจะเป็นคนไหน ผมคงไม่ต้องเอ่ยชื่อ เพราะรู้กันอยู่ ระบุไปก็จะหมางใจกันเปล่าๆ

ผมมันแก่แก้ว คนเกลียดเท่าที่สะสมไว้ ทุกวันนี้ มันก็มากเกินดอกไม้จันทน์ในพานอยู่แล้ว
จึงเห็นใจนายกฯ ด้วยเข้าใจความเป็นผู้นำรัฐบาลระบบเลือกตั้ง

ฉากหน้า ก็อ้างประชาชนเป็นใหญ่ เพื่อประชาชน
แต่ฉากในที่เป็นเนื้อแท้….
รัฐมนตรีแต่ละพรรคที่ร่วมเป็นรัฐบาล นั่นตะหาก เพื่อตัวและพวกเป็นใหญ่ทั้งนั้น

นายกฯ พูดเขาได้ สั่งเขาได้ ส่วนเขาจะทำ-ไม่ทำ ไปว่าอะไรเขาตรงๆ ก็ไม่ได้
ถ้าเขาไม่พอใจ เดี๋ยวเขาเท ทั้งนายกฯ ทั้งรัฐบาลก็คว่ำ

รัฐบาลระบบยึดปริมาณมือสส.แต่ละพรรคเป็นขาเก้าอี้มันก็เป็นเช่นนี้

เพราะนี่แหละคือ “ประชาธิปไตยกินได้” ที่โหยหากัน!

ณ ขณะนี้ ภาพรวม “ยังไม่มีอะไรเสียหาย”
เพียงแต่ประชาชนมองว่า บางสิ่ง-บางเรื่อง ในการบริหารปัญหาโควิด-๑๙
มันชักเละเทะ…….


ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนกระบวนการทัพและวิธีการบางอย่าง ที่ดีมาตลอดนั้น ในระยะปานกลางและระยะยาว
จากดี จะกลายเป็น “เลวร้าย”
คือจะไปถึงขั้น “ระบาดระหว่างคนในประเทศกันเอง”!

ตลอดมาถึง ณ วันนี้ ตัวเลขผู้ป่วยทั้งหมด เป็นคนนอกประเทศป่วยเดินทางเข้ามา และคนที่ติดเชื้อจากสัมผัสคนที่เดินทางเข้ามา

ในประเทศ “ไม่มีเชื้อ” ที่จะระบาดระหว่างคนในประเทศด้วยกันเลย!

สรุปได้ ณ ขณะนี้…….
ประเทศเรา ปลอดเชื้อโควิด-๑๙ ด้วยทีมสาธารณสุขไทยเรา “เอาอยู่”

ตบมือ ให้ทีมสาธารณสุขหน่อยซีครับ โดยเฉพาะ “ทุกคน” ที่สถาบันพระบำราศนราดูร
ฉะนั้น ถือเอาจุดนี้เป็นจุด “สตาร์ทใหม่”

พวกเราทุกคน ต้องช่วยกันอย่าให้เกิดคำว่า “พบผู้ป่วยติดเชื้อระบาดภายในประเทศ” ขึ้นได้เป็นอันขาด!

ท่านนายกฯอย่าทำให้ “ต้นทุนศรัทธา” จากประชาชนลดลงไปอีก

ตำแหน่งนายกฯ กระทั่งความเป็นรัฐบาล อยู่ได้-ไม่ได้
ช่างมัน!

ถ้า “ช่างมัน” นั้น เป็นช่างมันที่ทำให้โควิด-๑๙ ไม่สามารถกล้ำกรายเข้ามาระบาดในประเทศไทยได้
จงทำในสิ่งถูกต้อง ………
จงคัดสรรคนให้ถูกกับงาน จงยกย่องบุคลากรที่ควรยกย่อง จงตัดบุคลากรที่ควรตัด


เด็ดขาดก็ต้องเด็ดขาด ……..
เมื่อเด็ดขาดนั้น เป็นการเด็ดโควิด-๑๙ ให้ขาด ชื่อประเทศไทย ไม่มีปรากฏในทำเนียบ “ประเทศโรคระบาด”!

ไทยมี ๗๗ จังหวัด แบ่งส่วนบริหารแยกย่อยไปเยอะแยะ นั่นคือ ทุกส่วนอำนาจ ตั้งแต่กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านขึ้นไป จนถึงผู้ว่าฯ
ต้องระดมเข้ามาเป็นทีม “ผู้มีส่วนร่วม” ในการเผด็จศึกโควิด เพราะนี่เป็นโอกาสสร้าง “สำนึกร่วม” ในปัญหาประเทศ

ให้ทุกคนได้รับรู้ว่า ……
รัฐบาลเห็นความสำคัญในตัวเขา เมื่อทุกคนได้รับการยอมรับ จิตที่ปิดว่ากระจิดริด ก็จะฟูเปิด เกิดสำนึกที่จะร่วมกันต่อสู้-รักษา

และนั่น เสา-ทุกเสา, ซี่-ทุกซี่ กระทั่งหวาย-ตะปู แต่ละตัวตอกตรึง จะเกิดพลังรวมในความหมาย
“ประเทศชาติของเรา…พี่น้องประชาชนของเรา”

เมื่อความเป็น “ของเรา” เกิดในหัวใจแต่ละคน ทุกปัญหา จะมีทุกบ่าร่วมแบก
วันนี้และวันต่อๆ ไป เมื่อมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ทุกภาคส่วนก็จะสำนึกในหน้าที่

และนั่น คำว่า “ไม่ใช่เรื่องของเรา” ก็จะหมดไปจากใจสำนึกของแต่ละคน


ตอนนี้ แพทย์-พยาบาล-บุคลากรแพทย์เหนื่อย
ทหาร “เจนเนอรัลเบ๊” เหนื่อย(ตลอดกาล)
นักการเมืองก็เหนื่อย…….

นักการเมืองรัฐบาล เหนื่อยถ่ายรูปลงหน้า ๔
นักการเมืองฝ่ายค้าน เหนื่อยจ้องล้มรัฐบาล

ประชาชนก็เหนื่อย…….
คือเหนื่อยใจ ประชาธิปไตยส้นมือ-ส้นตีนอะไร คนทำก็ทำไป คนด่าก็ด่าไป คนแดกก็แดกไป คนไม่พาย ก็เอาตีนราน้ำไป คนจะล่มชาติ-ล่มเมือง ก็จ้องล่มไป

สรุปแล้ว ประเทศไทย “ธุระไม่ใช่” ของใครเลยซักคน!

เรื่อง “เสี่ยบอย” หน้ากากอนามัย ๒๐๐ ล้านชิ้น นั่นน่ะ ถ้าเป็นสมัยจอมพลสฤษดิ์ “ยิงเป้า” ไปแล้ว เพราะพฤติการณ์ “บ่อนทำลาย” ชัดๆ

ส่วน “รัฐมนตรีธรรมนัส” ถือว่าพระศุกร์เข้า-พระเสาร์แทรก ท่านบอกว่า……

“ผมเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง ถ้าวันหนึ่งประชาชนไม่เอาเราแล้ว เราไม่มีประโยชน์ต่อบ้านเมืองแล้ว ไม่ต้องปรับคณะรัฐมนตรี ผมยินดีจะไปทันที ผมไม่ได้มีอาชีพเป็นนักการเมือง”

ท่านนายกฯ ก็ควรสนองตอบสปิริตการเมืองของท่านรัฐมนตรีธรรมนัส ยึดภาษิตสิครับ “รักยาวให้บั่น-รักสั้นให้ต่อ”


เพื่อทางยาวในอนาคต ก็อย่าไปขัดขวางเจตนารมณ์ที่จะออกของท่านรัฐธรรมนัสเลย!

เรื่องหน้ากากอนามัยล่องหน ท่านรัฐมนตรีจุรินทร์ไม่ต้องเคี่ยวเข็ญกรมการค้าภายในไปตรวจโรงงานหรอก
จะบอกให้……

พ่อค้าจีนสมคบพ่อค้าไทยขนออกไปลงเรือชายแดนครั้งละ ๖๐-๗๐ ลำ แถวๆ เชียงของ-เชียงแสน ตั้งแต่ต้นกุมภา.ไปขึ้นที่ยูนาน
ขายในไทยแผ่นละ ๒.๕๐ บาท ไปขายในจีนถูกสุดแผ่นละ ๑๕ หยวน แพงสุดแผ่นละ ๕๐-๖๐ หยวน ๑ หยวนก็ ๔ บาท
มีเท่าไหร่”ไม่อั้น”!

ท่านรัฐมนตรีจุรินทร์คิดเอาละกัน สูตรจัดสรรปันส่วนตามมโนของทานที่ว่า

“หน้ากากอนามัย ๑.๒ ล้าน/วัน ให้ตัวแทนกระทรวงสาธารณสุขรับไป ๗ แสนชิ้น กระจายให้ รพ.ทุกสังกัดทั้งเอกชนและคลินิกทั่วประเทศ
๕ แสนชิ้น ให้กรมการค้าภายใน บริการจัดการ ให้ประชาชน ร้านขายยาทั่วประเทศ การบินไทย และกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ นั้น

การรู้แต่ตัวเลขเพื่อแถลง ก็คงมีแต่ตัวเลข
ส่วนตัวหน้ากาก ก็คงไม่มี มีแต่ “คนหน้านวล”!



Written By
More from plew
“ก็…ไม่ได้กู้มาโกงนี่ครับ” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน พี่ “หมอเดชา” ของผม…. “นาวาโทเดชา สุขารมณ์” ท่านจากไปโดยสงบเสียแล้ว เห็นข่าวใจหายแว๊บ!
Read More
0 replies on “ศึกนี้ “ยังไม่หนัก”เกินแบก”