ศบค. ย้ำความสำคัญช่วงผ่อนคลาย ต้องป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และสามารถดำรงชีวิตอย่างปลอดภัย ภายใต้เศรษฐกิจพอเพียง

ศบค. ย้ำความสำคัญช่วงผ่อนคาย ต้องป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และสามารถดำรงชีวิตอย่างปลอดภัย ภายใต้เศรษฐกิจพอเพียง

วันนี้ (2 พ.ค.63) เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน และมาตรการในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

1. สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในไทย

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ในประเทศไทย  พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงตัวเลขที่ 6 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสมเป็น 2,966 ราย ผู้ที่หายป่วยแล้ว 2,732 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม ผู้ป่วยอยู่ในกลุ่มอายุเฉลี่ยที่ 39 ปี ซึ่งเป็นวัยที่กำลังเดินทางเข้าและออกในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศในขณะนี้ ซึ่งต้องขอให้ช่วยกันดูแลด้วย เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยง สำหรับผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอยู่ที่ 180 ราย และพบผู้ป่วยที่อยู่ใน State Quarantine อีก 2 ราย

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 6 รายในวันนี้ มี 2 รายที่เป็นผู้ป่วยที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ โดยรายแรก เป็นผู้ป่วยหญิง อายุ 22 ปีอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต รายที่สอง เป็นผู้ป่วยชายอายุ 48 ปี อยู่ที่กรุงเทพฯ  ผู้ป่วยที่พบจากการค้นหาเชิงรุก ที่อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 2 ราย เป็นผู้หญิงอายุ 21 ปี และ 58 ปี นอกจากนี้ พบผู้ป่วยอีก 2 รายที่อยู่ใน State Quarantine โดยเป็นผู้ชายอายุ 52 ปี มีประวัติเดินทางในประเทศญี่ปุ่นโดยรถไฟฟ้าร่วมกับคนญี่ปุ่น กลับมาเมืองไทยเมื่อ 21 เมษายน 63 อีกราย เป็นผู้หญิงอายุ 52 ปี เป็นนักบวชเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่ประเทศอินเดีย กลับมาเมืองไทยเมื่อ 24 เมษายน 63 สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของระบบ Local Quarantine และ State Quarantine ทำให้สามารถพบผู้ที่ติดเชื้อ ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ

โฆษก ศบค. รายงานผู้ป่วยต่างจังหวัดมีแนวโน้มที่ดีแล้ว ขอฝากเจ้าของพื้นที่ได้ช่วยดูแล ทำให้เป็นพื้นที่สีเขียวปลอดโรคได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นความหวังในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยกรุงเทพฯ ยังมีจำนวนผู้ป่วยที่มากอยู่เป็นอันดับที่ 1 ขณะที่อัตราส่วนผู้ป่วยต่อแสนประชากร ภูเก็ตจะเป็นอันดับ 1 ส่วนการกระจายตัวของผู้ป่วยในจังหวัดต่าง ๆ พบว่า จังหวัดระยอง ตาก อุดรธานี ปรับลงมาอยู่ในกลุ่มจังหวัดที่ไม่มีการรายงานผู้ป่วยในช่วง 28 วันที่ผ่านมา นอกจากนั้น อยู่ในระดับที่ดีทั้งหมด

2. สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 โลก

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ของโลก พบตัวเลขผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,401,002 ราย เสียชีวิต 239,602 ราย หายป่วยแล้วประมาณกว่า 1,000,000 ราย คิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ที่อาการดีขึ้นถึงหายได้ อย่างไรก็ตามแต่ การเสียชีวิตยังมีตัวเลขที่สูงอยู่ คือร้อยละ  7 ซึ่งยังเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจที่มีคนเสียชีวิตจากโรคนี้เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา วานนี้เสียชีวิตเพิ่ม 1,915 ราย รวมยอดสะสมผู้เสียชีวิตขณะนี้อยู่ที่กว่า 65,000 ราย อังกฤษ เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 739 ราย ตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมกว่า  27,000 ราย และบราซิล เสียชีวิตเพิ่ม 406 ราย ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตอยู่ 6,400 กว่าราย

นอกจากนี้ สหรัฐเมริกา ยังเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มจำนวนมากถึง 36,242 ราย รองลงมาคือรัสเซีย 7,933 รายและอังกฤษ 6,201 รายตามลำดับ ขณะเดียวกันอินเดียก็มีตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่สูงขึ้นถึง 2,394 ราย ภายในวันเดียว ทำให้ยอดรวมผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมอยู่ที่ 37,000 รายแล้ว ปากีสถาน มีผู้ป่วยรายใหม่ภายในวันเดียวเพิ่ม 1,297 ราย สิงคโปร์ ผู้ป่วยรายใหม่ 932 ราย ญี่ปุ่น ผู้ป่วยรายใหม่ลดลงมาที่ 217 ราย  อินโดนีเซีย ผู้ป่วยรายใหม่ 433 ราย ฟิลิปปินส์ ผู้ป่วยรายใหม่ 284 ราย มาเลเซีย ผู้ป่วยรายใหม่  69 ราย ขณะที่เกาหลีใต้ ผู้ป่วยรายใหม่ 6 ราย ซึ่งสถานการณ์ผู้ป่วยรายใหม่คล้ายกับประเทศไทย

สำหรับอันดับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในอาเซียนและเอเชียพบว่า อินเดีย เป็นอันดับที่ 1 รองลงมาคือปากีสถาน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ส่วนประเทศไทยลงไปอยู่ที่อันดับ 60 แล้ว ขณะที่แนวโน้มของสหรัฐอเมริกา ยังดูทรงอยู่แต่ก็ไม่น่าไว้วางใจ ด้านรัสเซีย บราซิล และอังกฤษ ยังเกาะกลุ่มกันอยู่ด้านล่าง ส่วนแนวโน้มของเอเชียนั้น อินเดีย เส้นกราฟยังพุ่งขึ้นเช่นเดียวกับทางปากีสถาน ขณะที่สิงคโปร์ ทิศทางแนวโน้มลดลง

โฆษก ศบค. รายงานสถานการณ์ประเด็นข่าวที่น่าสนใจในต่างประเทศว่า มาเลเซีย มีการระบุว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิตจากโควิด-19 สะสมเกิน 100 คน โดยมีข้อความสำคัญคือมาเลเซียอยู่ภายใต้มาตรการล็อคดาวน์ระดับเดียวกันทั่วประเทศแต่ต้องต่อเวลามาตรการดังกล่าวทุก 14 วัน โดยกำหนดการปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 ระหว่างนี้ภาครัฐก็ผ่อนคลายมาตรการอย่างเป็นลำดับขั้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิตของประชาชนไม่ให้ตึงเครียดเกินไป และสนับสนุนให้มีการขับเคลื่อนทางอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นก่อน ซึ่งจะเริ่มวัน 4 พฤษภาคม 2563

ประเทศญี่ปุ่น ฮอกไกโด มีการปิดเมืองอีกครั้งหนึ่งหลังเจอโควิด-19 รอบ 2 โดยมีรายงานว่าฮอกไกโดตอนเหนือของญี่ปุ่นพบการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ระลอกที่ 2 คาดว่าสืบเนื่องจากที่รัฐบาลท้องถิ่นคลายมาตรการล็อคดาวน์เร็วเกินไป โดยทางการท้องถิ่นฮอกไกโดได้ผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 63 ตั้งแต่ 2 เดือน ที่แล้ว ด้วยต้องการให้ภาคธุรกิจ โรงเรียน กลับมาเปิดทำการอีกครั้งหลังจากที่ยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายวันเหลือเพียงเลขหลักเดียว

โฆษก ศบค. กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายวันของญี่ปุ่นที่ลดลงนั้นคล้ายกับสถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้ที่จะให้มีการผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ  ซึ่งการผ่อนคลายของญี่ปุ่นทำให้เจอกับการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระลอกที่ 2 ซึ่งไทยต้องเฝ้าดูตัวเลขอย่างใกล้ชิดเช่นกัน

สหรัฐอเมริกา รัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศสั่งปิดชายหาดทุกแห่งในภูมิภาคที่อยู่ทางตอนใต้อย่างไม่มีกำหนด หลังรับรายงานว่าประชาชนจำนวนมากไปรวมตัวพักผ่อนหย่อนใจกันอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการละเมิดมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมเพื่อความปลอดภัยด้านสาธารณสุข ขณะที่รัฐนิวยอร์กประกาศว่านับตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 63 เป็นต้นไป รถไฟใต้ดินทุกเส้นทางในนครนิวยอร์กจะปิดบริการระหว่างตี 1 ถึงตี 5 เพื่อทำความสะอาด

3. การดำเนินงานตามมาตรการ

มาตรการนำคนไทยกลับจากต่างประเทศ

วันนี้ เวลา 08.30 น. จะมีคนไทยเดินทางกลับมาจากคาซัคสถาน 55 คน เวลา 17.05 น. จากเนเธอร์แลนด์ 50 คน และเวลา 17.35 น. จากสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (ดูไบ) 129 คน พรุ่งนี้ (3 พฤษภาคม 63) เวลา 18.55 น. จะมีผู้เดินทางกลับมาจากสเปน 45 คน เวลา 17.25 น. จากสิงคโปร์ 175 คน และเวลา 10.30 น. จากรัสเซีย 70 คน  ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน – 1 พฤษภาคม 63 มีผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศแล้ว 3,584 คน จาก 24 ประเทศ โดยทุกคนจะต้องเข้าสู่สถานกักกันที่รัฐจัดให้

รายงานผู้เดินทางกลับเข้าประเทศผ่านจุดผ่านแดนทางบก มีผู้ลงทะเบียนทั้งหมด 466 คน  เดินทางเข้ามาแล้ว 546 คน โดยมีผู้เดินทางจากเมียนมา 11 คน สปป.ลาว 39 คน กัมพูชา 42 คน และมาเลเซีย 454 คน

การปฏิบัติงานตามมาตรการเคอร์ฟิว

รายงานผลจากการปฏิบัติการจากการประกาศมาตรการเคอร์ฟิวประจำวันที่ 2 พฤษภาคม 63 โดยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงพบว่า มีผู้กระทำความผิดกรณีชุมนุมมั่วสุม 75 ราย ลดลง 79 ราย ผู้กระทำความผิดกรณีออกนอกเคหสถาน 550 ราย เพิ่มขึ้น 57 ราย โดยเหตุของการชุมนุมมั่วสุม 3 อันดับแรกคือ เล่นการพนันคิดเป็นร้อยละ 41 ดื่มสุราร้อยละ 39 และยาเสพติดร้อยละ 20

โฆษก ศบค. กล่าววว่า ช่วงนี้เข้าสู่สภาวะผ่อนคลาย เพื่อลดผลกระทบในการทำมาหากิน อย่างไรก็ตาม โรคระบาดยังคงอยู่ ซึ่งมาตรการผ่อนคลายและข้อกำหนดต่าง ๆ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ป้องกันการระบาดของโรค 2. เพื่อให้ประชาชนดำรงชีวิตได้อย่างปลอดภัย ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยฝากประชาชนให้สวมใส่หน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยให้ได้ร้อยละ 100 และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลเพื่อลดโรคต่อไป

Written By
More from pp
อดได้โชว์ผลงาน! – สันต์ สะตอแมน
สันต์ สะตอแมน วายเอ็มโชว์.. คนรุ่นผมน่าจะพอคุ้นหรือจำได้แม่น โดยเฉพาะบรรดา “ราตรีชน” ที่ชอบแสงสีเสียงตามสถานบันเทิงอย่างสวนอาหาร คาเฟ่ ที่มีนักร้องสาวหลากไซส์คอยให้ความเพลิดเพลินด้วยเสียงเพลง พร้อมกับคอยปรนนิบัติบนโต๊ะเหล้า-โต๊ะข้าว ที่แม้เป็นคนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนทุกเรื่องไม่ได้.....
Read More
0 replies on “ศบค. ย้ำความสำคัญช่วงผ่อนคลาย ต้องป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และสามารถดำรงชีวิตอย่างปลอดภัย ภายใต้เศรษฐกิจพอเพียง”