กว่า 3 ปี “มหิดล – วัดโพธิ์” ร่วมถวายงานสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส

กว่า 3 ปี ที่ศูนย์การแปลและการล่าม คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ คณะสงฆ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือ วัดโพธิ์ จัดทำหนังสือที่ระลึกในการถวายงานสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยหนังสือเล่มแรกคือ “คัมภีร์พระมาลัย การปริวรรตคัมภีร์อักษรขอม (บาลี – ไทย)” ที่คณะสงฆ์วัดพระเชตุพนฯ ปริวรรตจากอักษรขอมโบราณ เป็นบาลี จากบาลีเป็นไทยโบราณและไทยร่วมสมัย

หลังจากนั้นได้ทูลเกล้าถวายสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2561 และ หลังจากกลับจากทูลเกล้าถวายคัมภีร์พระมาลัย ณ นครรัฐวาติกัน คณะสงฆ์วัดพระเชตุพนฯ โดยพระธรรมรัตนากร เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ ได้มอบหมายให้พระราชรัตนสุนทร(วินัย) และ พระราชปริยัติมุนี(เทียบ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ เป็นบรรณาธิการ จัดทำหนังสือรายละเอียดเกี่ยวกับ คัมภีร์พระมาลัย การปริวรรตคัมภีร์อักษรขอม (บาลี-ไทย) ซึ่งหนังสือเล่มนี้เป็นการรวมรายละเอียดของการดำเนินการเกี่ยวกับการปริวรรต คัมภีร์พระมาลัยจนแล้วเสร็จ

ตลอดถึงพิธีการในการทูลเกล้าถวายคัมภีร์พระมาลัยที่ปริวรรตแล้วเสร็จแด่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยจัดทำเป็น 3 ภาษา คือ ไทย- อังกฤษ- อิตาลี ซึ่งภาษาอังกฤษและอิตาลี ศูนย์การแปลและการล่าม คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้ดำเนินการแปลให้ทั้งหมด

พระราชรัตนสุนทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ เปิดเผยว่า“อาตมาได้ให้คณะทำงานประสานงานไปยังมหาวิทยาลัยมหิดล เพราะทราบว่าที่นี่มีศูนย์การแปลและการล่าม น่าจะช่วยเหลือทางวัดได้ โดยในวันที่ได้มีการติดต่อไป ผศ.อรสิริ พลเดช ผู้อำนวยการศูนย์การแปลและการล่าม รีบตอบรับ และให้ความร่วมมือกับทางวัดพระเชตุพนฯ อย่างดีมาก แม้ว่าทางวัดจะติดต่อไปในระยะเวลาที่กระชั้นชิด คือ มีเวลาให้อาจารย์ทำการแปลไม่เกิน 2 เดือน แต่ทางคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทุ่มเทในการทำงานอย่างเต็มที่ จนงานแล้วเสร็จและได้จัดพิมพ์ หนังสือส่วนหนึ่งทางวัดได้มอบให้กับผู้แทนของนครรัฐวาติกัน อีกส่วนหนึ่งมอบให้สถานทูตวาติกันประจำประเทศไทยและอีกส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ วัดเพื่อมอบให้กับแขกหรือคณะผู้ใหญ่จากต่างประเทศที่เข้าเยี่ยมชมวัด รวมถึงญาติ-โยมที่มีความสนใจ”

หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 นครรัฐวาติกันได้มอบผู้แทน คือ พระคาร์ดินัล มิเกล แองเกิล อยุโซ กวี เดินทางมายังวัดพระเชตุพนฯ เพื่อร่วมงาน สมโภชพระอาราม230 ปี ซึ่งในครั้งนั้น ทางวัดได้มีการจัดพิมพ์หนังสือ “สมุดภาพนิทรรศการ 230 ปี วัดพระเชตุพนฯ ความทรงจำของโลก”

พระราชปริยัติมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งเป็นบรรณาธิการหนังสือเล่มนี้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “หนังสือ สมุดภาพนิทรรศการ 230 ปี วัดพระเชตุพนฯ ความทรงจำของโลก มีการรวบรวมประวัติและเหตุการณ์สำคัญๆของวัด รวมถึงการเยือนนครรัฐวาติกัน ของคณะสงฆ์วัดพระเชตุพนฯ และได้มีการจัดพิมพ์ เป็น 2 ภาษา คือ ไทย-อังกฤษ โดยมี ศูนย์การแปลและการล่ามมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้ให้ความอนุเคราะห์อีกเช่นเคย ทางคณะสงฆ์ได้มอบหนังสือเล่มนี้ให้กับพระคาร์ดินัล มิเกล แองเกิล อยุโซ กวีโซ และ เอกอัครสมณทูต นครรัฐวาติกัน ประจำประเทศไทย พอล ซาง อิน-นัม ซึ่งศูนย์การแปลและการล่าม คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย ผศ.ดร.ธนายุส ธนธิติ และ ผศ.อรสิริ พลเดช ได้มาร่วมในงานสมโภชพระอาราม 230 ปีครั้งนี้ด้วย

ต่อมาเมื่อทางสำนักวาติกันได้มีประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ เรื่องการเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ในระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 ทางคณะสงฆ์วัดพระเชตุพนฯ จึงได้ร่วมกับ ศูนย์การแปลและการล่าม คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดทำหนังสือ “วาติกัน-วัดพระเชตุพน มิตรภาพระหว่างสองศาสนา” เพื่อจัดพิมพ์เป็นที่ระลึกในการเสด็จเยือนประเทศไทยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส จัดทำขึ้นทั้งภาษาไทย-อังกฤษและอิตาลี เพื่อทูลถวายสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส และ พระราชรัตนสุนทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ อาตมาและคณะสงฆ์วัดพระเชตุพนฯ ได้มอบหนังสือเล่มนี้ให้กับคณะบาทหลวงชั้นผู้ใหญ่ที่ติดตามเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทุกคน รวมถึงมอบให้กับผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่เดินทางมาพร้อมกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส

นอกจากมิตรภาพระหว่างสองศาสนา “วาติกัน-วัดโพธ์” ที่มีมายาวนานร่วม 50 ปีแล้ว มิตรภาพในการทำงานร่วมกันระหว่าง “วัดพระเชตุพนฯ และมหาวิทยาลัยมหิดล” ที่มีต่อกันมา ช่วยเหลือกันมาตลอด ถือเป็นสิ่งล้ำค่า เป็นการแบ่งบันความรู้ซึ่งกันและกัน แม้จะเหน็ดเหนื่อยในระหว่างการทำงาน แต่ทุกคนก็ร่วมมือกันอย่างเต็มที่เพื่อให้นานแล้วเสร็จ

จุดประสงค์ของการทำงานครั้งนี้ คือการเผยแพร่หลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาของไทยไปสู่ทั่วโลก ตามพระสมณประสงค์ของสมเด็จพระสันตะปาปาในการเปิดกว้างยอมรับทุกศาสนา เพื่อให้โลกเกิดสันติสุข”

Written By
0 replies on “กว่า 3 ปี “มหิดล – วัดโพธิ์” ร่วมถวายงานสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส”