รมว.สธ. เปิดประชุมส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 13 “ไทยรู้ สู้วิกฤติ”

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมวิชาการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 13 “ไทยรู้ สู้วิกฤติ” และเสวนาทางไกล “การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โอกาสในวิกฤติ” กับผู้แทนสาธารณรัฐประชาชนจีน และสิงคโปร์

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมวิชาการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 13 “ไทยรู้ สู้วิกฤติ” และเสวนาทางไกล “การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โอกาสในวิกฤติ” กับผู้แทนสาธารณรัฐประชาชนจีน และสิงคโปร์

20 พ.ค.63 ที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมวิชาการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 13 พ.ศ. 2563 “ไทยรู้ สู้วิกฤติ” เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งในและต่างประเทศ ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19)

พร้อมปาฐกถาพิเศษและเสวนาทางไกล “PP&P โอกาสในวิกฤติ” กับ ดร. หวู่ จิ้น ผู้อำนวยการสำนักงานกลุ่มผู้นำด้านการป้องกันและควบคุมโรคระบาดแห่งมณฑลซานซี และประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งมณฑลซานซี (Dr.Wu Jin,  Director-general Shanxi Provincial Health Commission) สาธารณรัฐประชาชนจีน และดร. ชอว์น วาซู ผู้อำนวยการด้านคลินิกศูนย์โรคติดต่อแห่งชาติ (Dr.Shawn Vasoo, Clinical Director National Center for Infectious Disease) ประเทศสิงคโปร์

นายอนุทินกล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 5 เดือนที่ผ่านมา ด้วยความร่วมมือของคนไทย และความทุ่มเทเสียสละของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ทำให้สถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด 19 อยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่น้อยลง ปัจจัยสำคัญคือ ความเข้มแข็งและมั่นคงของระบบสาธารณสุข ทั้งระบบเฝ้าระวังรับรู้เร็ว โต้ตอบจัดการโรคทันท่วงที การตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขระดับประเทศ มีคณะกรรมการโรคติดต่อทั้งระดับส่วนกลางและระดับจังหวัด ความเข้มแข็งในการตรวจคัดกรอง ณ ท่าอากาศยานทุกแห่ง ด่านชายแดน และด่านท่าเรือ หน่วยคัดกรองโรคโควิด 19 ในโรงพยาบาล

และการค้นหาเชิงรุก ซึ่งมี อสม. ทั่วประเทศกว่า 1 ล้าน 4 หมื่นคน ช่วยค้นหาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว นำเข้าสู่ระบบแยกกักและจัดการดูแลกลุ่มป่วยและกลุ่มเสี่ยง เพื่อการควบคุมการแพร่เชื้อโดยไม่ต้องสร้างโรงพยาบาลใหม่ การปรับปรุงโรงพยาบาลรัฐหรือโรงแรมของเอกชนให้เป็นโรงพยาบาลสนาม สำรองยารักษาและเตรียมการจัดหาและผลิตวัคซีน รวมทั้งศักยภาพในการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด 19 โดยมีอย่างน้อย 1 ห้องแล็บ 1 จังหวัด ขณะนี้มี 167 แห่ง ศักยภาพการตรวจได้ถึง 50,000 ตัวอย่างต่อวัน ซึ่งผู้ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) จะได้รับการตรวจโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หากติดเชื้อโควิด 19 รักษาฟรี ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

นายอนุทินกล่าวต่อว่า ขณะนี้ไทยเข้าสู่ระยะการผ่อนปรน ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายพัฒนาและรับรองมาตรฐานการดำเนินงานของสถานประกอบการและสถานที่สาธารณะเพื่อเปิดให้บริการอย่างปลอดภัย มีมาตรการหลักคือ การสวมหน้ากากทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ การทำความสะอาดสถานที่และจุดสัมผัสร่วม การบริการจุดล้างมือ การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลและการควบคุมจำนวนคน สิ่งสำคัญคือความร่วมมือจากประชาชน ตั้งแต่การใช้หน้ากากผ้า การหยุดเชื้ออยู่บ้าน การล้างมือบ่อยๆ  กินร้อน ใช้ช้อนและภาชนะส่วนตัว ซึ่งเป็นวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ในการดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัว ป้องกันการแพร่ระบาดรอบใหม่ “ร่วมพลังสร้างสังคมวิถีใหม่ ไทยรอบรู้สู้โควิด พลิกวิกฤติไปเป็นความมั่นคงด้านสุขภาพและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน”

แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัย ในฐานะองค์กรหลักของประเทศในการ “อภิบาลระบบส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม เพื่อประชาชนสุขภาพดี” ดำเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข ด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสู่ความเป็นเลิศ (PP&P Excellence) และในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายส่งเสริมความรอบรู้ สร้างความเข้าใจ และสื่อสารประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันตนเองและวิถีชีวิตในระยะผ่อนปรน

Written By
More from pp
“ธนวัฒน์” แรงไปอีกขั้นจัดของใหม่ “TOYO PROXES RR” คว้าแชมป์!! TOYO TIRES SCHAEFFLER RACING CAR THAILAND 2022 สนามสุดท้ายซิ่งสะท้านบุรีรัมย์
ปิดสนามการแข่งขันประจำปี 2022 อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยกองทัพรถแข่งมากเป็นประวัติการณ์ กับการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย TOYO TIRES SCHAEFFLER RACING CAR THAILAND สนามที่...
Read More
0 replies on “รมว.สธ. เปิดประชุมส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 13 “ไทยรู้ สู้วิกฤติ””