อินโดนีเซีย พร้อมนำบทเรียน และประสบการณ์ของไทยไปประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ในประเทศ

22 มิ.ย.63 เวลา 09.00 น. ณ ห้องนารี 1 ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายอะฮ์มัด รุซดี (H.E. Mr. Ahmad Rusdi) เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้

รองนายกรัฐมนตรีขอบคุณเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือในตลอดช่วงระยะเวลาของการดำรงตำแหน่ง รวมทั้งขอบคุณเอกอัครราชทูต และรัฐบาลอินโดนีเซียที่ได้อำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ให้เดินทางกลับประเทศไทยด้วยเที่ยวบินพิเศษ เชื่อมั่นว่าเมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น จะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันในอนาคต พร้อมยืนยันให้ความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างไทย-อินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง

ด้านเอกอัครราชทูตฯ ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนการทำงานในไทยเสมอมา ชื่นชมมาตรการรับมือสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทยที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการด้านสาธารณสุข สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง และไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศติดต่อกันกว่า 27 วัน ถือเป็นแบบอย่างของประเทศที่ประสบความสำเร็จ

อินโดนีเซียจะนำบทเรียน และประสบการณ์ของไทยไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาภายในประเทศ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีได้ให้คำแนะนำถึงการจัดการโควิด-19 ว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้ไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ คือการได้รับความร่วมมือจากประชาชนที่สวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ และการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล (Social Distancing)


รองนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า อินโดนีเซียจะสามารถแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ให้คลี่คลายได้โดยเร็ว ซึ่งไทยพร้อมที่จะให้การสนับสนุนและช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ และเชื่อมั่นว่าทั้งสองประเทศจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างเข้มแข็ง ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการค้นคว้าวิจัยด้านการผลิตวัคซีนโรคโควิด-19 ในไทย ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างการทดลองและมีผลตอบสนองที่ดี กำลังเข้ากระบวนการทดลองในมนุษย์เป็นลำดับต่อไป

ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะสร้างความร่วมมือระหว่างกันในสาขาที่มีศักยภาพ เช่น การค้าการลงทุน การศึกษา และการท่องเที่ยว โดยรองนายกรัฐมนตรีเสนอให้พิจารณาการพัฒนาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) ซึ่งเป็นสาขาที่ไทยมีศักยภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านการพัฒนาความร่วมมือด้านการสาธารณสุข และด้านธุรกิจการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

Written By
More from pp
เชื้อโรคก็ต้องป้องกัน ผิวหนังก็ต้องดูแล หมดปัญหามือแห้งเสียพร้อมยับยั้งเชื้อในยุค New Normal ด้วย HARNN Hand Sanitizing และ Angel Hand Collection Purifying Temptation
หมดยุคที่จะพกแต่เมคอัพไว้ในกระเป๋า และเพิ่มไอเทมทำความสะอาดมือและสิ่งของรอบตัว เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ในยุค New Normal ที่ต้องปกป้องรอบด้าน “HARNN” (หาญ) แบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลก ผู้บุกเบิกบอดี้แคร์ สกินแคร์ ผลิตภัณฑ์สปาและอโรมาเธอราพีแบบออร์แกนิครายแรกของไทย
Read More
0 replies on “อินโดนีเซีย พร้อมนำบทเรียน และประสบการณ์ของไทยไปประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ในประเทศ”