รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้ รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจ เรียกร้องนายกฯลาออกปลดชนวนความขัดแย้ง

16 ตุลาคม 2563 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ในสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน ปัญหาอยู่ที่ผู้นำประเทศ หากปล่อยให้บริหารแบบนี้ประเทศไทยจะล้มเหลวทุกด้านอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน 2-3 วันที่ผ่านมานี้

ข่าวได้กระจายไปทั่วโลกแล้ว และได้สร้างความเสียหายกับภาพพจน์ประเทศ ทำลายความเชื่อมั่นของประเทศไทยอย่างหมดสิ้น หมดหวังแล้วที่รัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้อีกต่อไป

จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกในทันทีเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และเพื่อปลดชนวนความวุ่นวายของประเทศ และขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากร่วมรัฐบาลมิเช่นนั้นประชาชนจะจดจำไว้ว่ามีพรรคการเมืองไหนบ้างที่ร่วมสร้างความเสียหายให้กับประเทศ และทำร้ายประชาชน

ทั้งนี้ ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ รวมถึงนักเรียนนักศึกษา รู้ซึ้งเป็นอย่างดีว่าปัญหาการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวของรัฐบาลมาตลอด 6 ปี และมาซ้ำเติมโดยวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 จะทำให้อนาคตพวกเขามีปัญหาแน่ ถึงพวกเขาตั้งใจเรียนได้ดี จบการศึกษาสูง ก็จะหางานทำไม่ได้

เศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่มาโดยตลอด การส่งออกที่ทรุดหนัก และการลงทุนที่หายไป จะทำให้การจ้างงานหายไปด้วย ยิ่งเศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบอาจจะถึง -10.4 % ตามที่ธนาคารโลกคาดการณ์ จะทำให้การจ้างงานแทบไม่มีเลย แถมจะตกงานเพิ่มขึ้นกันอีกมาก


อีกทั้ง การใช้เงินของรัฐบาลจำนวนมากเป็นไปอย่างสะเปะสะปะ ฟื้นเศรษฐกิจไม่ได้ มีแต่แจกเงินอย่างเดียว แต่ไม่ได้พัฒนาความสามารถในการแข่งขัน อีกทั้งจะเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้า ซึ่งจะทำให้หนี้สาธารณะของไทยพุ่งทะลุ 60% ทำให้รัฐบาลในอนาคตจะมีปัญหาในการกู้เงินเพิ่มเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ แถมงบประมาณก็ยังทำแบบเก่าๆ ทั้งที่สถานการณ์ของโลกเปลี่ยนไปแล้ว

ตลอด 6 ปี มีการเพิ่มงบทางการทหารแบบไม่มีเหตุผล มีนายพลมากเกินจำเป็น และต้องเลิกเกณฑ์ทหารได้แล้ว จะเอาทหารเกณฑ์ไปรับลูกกระสุน หรือ รับระเบิด ที่ยิงมาจากโดรนไปทำไม แถมล่าสุดยังมีการนำเงินไปทำไอโอ จนถูกทวิตเตอร์จับได้และปิดบัญชีไป 926 บัญชี ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก

หนี้ครัวเรือนทะลุ 83.8% และสิ้นปีจะทะลุ 90% และหนี้ธุรกิจที่กำลังจะเจ๊งมาก จะทำให้หนี้เสียของระบบธนาคารพุ่งสูง ซึ่งจะทำให้คนรุ่นใหม่ นอกจากจะตกงานและไม่มีงานทำแล้ว การจะกู้ยืมเงินเพื่อทำทุนหรือเพื่อใช้จ่ายก็จะทำไม่ได้ เพราะธนาคารที่มีหนี้เสียมากจะไม่ปล่อยกู้ และจะต้องไปกู้หนี้นอกระบบแทน ที่คิดดอกเบี้ยเงินกู้อย่างมหาโหด ไม่มีทางที่จะกู้ไปทำธุรกิจอะไรแล้วจะกำไร อีกทั้งจะโดนทวงหนี้อย่างโหดร้าย และอาจข่มขู่ครอบครัวจนอาจต้องฆ่าตัวตาย ตามที่เห็นในข่าวบ่อยๆ

“ตลอด 6 ปีที่ผ่านมานี้ประเทศไทยไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับประชาคมโลกเลย การค้าการลงทุนจึงหดหาย โดยได้ไหลไปประเทศเพื่อนบ้านหมด ซึ่งหากไทยยังไม่รู้ตัวและไม่เร่งแก้ไข ไทยจะทรุดลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการเกิด disruption ทางเทคโนโลยีของโลก ก็จะยิ่งทำให้ไทยยิ่งแย่ลงอย่างรวดเร็ว

ดังนั้น การตื่นตัวของคนรุ่นใหม่ใหม่เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แนวทางต่างๆ ที่คนรุ่นใหม่นำมาใช้ก็สร้างสรรค์อย่างมาก ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าในอนาคตประเทศไทยจะอยู่ในมือของคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถที่เก่งพอ เพราะทุกคนต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่จะมีสัดส่วนของคนแก่เพิ่มขึ้นมาก หากคนรุ่นใหม่ไม่เก่งพอ จะไม่สามารถหารายได้เพื่อเลี้ยงดูคนแก่เหล่านี้ได้ คนจะเดือดร้อนกันอย่างมาก ประเทศจะเข้าสู่ภาวะที่ยากลำบากได้เลย ถึงเวลาแล้วที่คนรุ่นเก่าที่ตกยุคและถ่วงการพัฒนาจะต้องลาออกและให้คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศแทนได้แล้ว”

Written By
More from pp
พรรคเพื่อไทย แต่งตั้ง คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นประธาน คกก.อำนวยการเลือกตั้งท้องถิ่นกรุงเทพฯ สรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.
30 ก.ค.63 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค พร้อมแกนนำและ ส.ส.พรรคเพื่อไทย
Read More
0 replies on “รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้ รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจ เรียกร้องนายกฯลาออกปลดชนวนความขัดแย้ง”