“พิธา” ฟันธง ระบอบประยุทธ์ ไปต่อไปไม่ได้แล้ว เรียกร้องพรรคร่วมรัฐบาล “ตัดไฟแต่ต้นลม”

27 ต.ค.63 ผู้อภิปรายคนสุดท้ายในการประชุมสภาสมัยวิสามัญของพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลได้อธิบายวิถีทางพาประเทศไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตปัจจุบัน ซึ่งปรากฏชัดแล้วว่าระบอบประยุทธ์นี้ไปต่อไปไม่ได้แล้ว ประชาชนต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ต้องการระบบการเมืองที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน

โดยนายพิธาได้ตั้งข้อเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาลให้ถอนตัวออกจากการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยกันตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ซึ่งหากกดดันจนตัวนายกรัฐมนตรีลาออกได้แล้ว ขั้นตอนที่ตามก็จะเป็นดังนี้

“หนึ่ง – เราก็มาเริ่มกันใหม่ ใช้สภาเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยด้วยการเลือกนายกฯ คนใหม่จากบัญชีของพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร

ไม่ว่าจะเป็นจากพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคอื่น หากพรรคใดได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. มากที่สุด พวกเราสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแม้จะไม่ได้ร่วมรัฐบาลก็ยอมยกมือให้รายชื่อจากบัญชีของพรรคนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อไม่ต้องใช้เสียงจากสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งควรงดออกเสียง

พรรคก้าวไกลแม้จะไม่ได้ร่วมรัฐบาลชุดใหม่ และก็ไม่มีบัญชีรายชื่อเสนอใครเป็นนายก เรายืนยันว่าจะยอมยกมือให้นายกคนใหม่ที่มาจากเสียงข้างมากของ ส.ส. เพื่อให้มีเสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาโดยไม่ต้องใช้เสียงของ ส.ว. และไม่ต้องมีนายกคนนอก


สอง – เมื่อเราได้รัฐบาลชุดใหม่ที่ชอบธรรมมากขึ้นแล้ว รัฐสภาก็เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็วให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนทั้งหมด เคารพอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญของประชาชนให้สามารถจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทุกหมวดภายใต้กรอบที่ไม่ไปเปลี่ยนรูปของรัฐและระบอบการปกครอง

พร้อมกันนั้นก็แก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราที่จำเป็นไปด้วย โดยเฉพาะการยกเลิกอำนาจของวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นต้น ถ้าเราแก้ปัญหาทางการเมืองด่านแรกไปได้แล้ว การเมืองก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้นเพื่อสามารถจัดการปัญหาเศรษฐกิจที่หนักหน่วงได้ตามมา

สาม – หลังจากที่แก้รัฐธรรมนูญให้มี สสร. รวมทั้งปิดสวิตซ์ ส.ว. หรือแก้ระบบเลือกตั้งได้แล้ว รัฐบาลชุดใหม่ก็ควรยุบสภา ซึ่งเราสามารถที่จะจัดการเลือกตั้ง ส.ส. พร้อมกับเลือก สสร. พร้อมกันได้”

Written By
More from pp
‘ภูมิใจไทย’ พูดแล้วทำ ขอโอกาสดูแลคนกรุงเทพ
ความน่าสนใจหนึ่งของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งปี 2566 ที่อยู่ในสายตาของ “คอการเมือง” คือความกล้าวัดใจกับคนกรุงเทพฯ ด้วยการส่งผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง33 เขต และหาเสียงอย่างต่อเนื่อง และไม่ใช่เป็นการเปิดเวทีย่อย แต่กลับค่อยๆ...
Read More
0 replies on ““พิธา” ฟันธง ระบอบประยุทธ์ ไปต่อไปไม่ได้แล้ว เรียกร้องพรรคร่วมรัฐบาล “ตัดไฟแต่ต้นลม””