คำถามง่ายที่ทอนตายสนิท

เปลว สีเงิน

ครับ….

อันที่จริงผมไปเที่ยวกลับมาแต่วันศุกร์แล้ว เห็นคุณ “ผักกาดหอม” บรรเลงกำลังมันหยดติ๋ง เลยถือโอกาสขี้เกียจต่อ
แต่วันนี้ “ผักกาดหอม” เวนคืนพื้นที่มาให้ ก็คุยกันให้สมกับที่ผม คิดถึ้งงงง…คิดถึงไปเลย
ขอเอาหน้ากับรัฐบาลก่อนเลย!
คือจะบอกว่า รายการ “คนละครึ่ง” ปังมาก “ทั้งคนซื้อ-คนขายต่างแฮปปี้
ไม่ว่าตะลอนไปในเมือง-นอกเมือง ก้นถ้ำ ยันยอดดอยทางเหนือ ป้าย “คนละครึ่ง” เป็นโมบายพรึดร้านค้า -แผงลอย
กระทั่ง “แบกะดิน” แบบบ้านๆ ป้าย “คนละครึ่ง” ก็ยังมีแบเป็นแม่เหล็กดูดลูกค้าติดหนับ

แสดงว่า ทั้งรายการ “เที่ยวด้วยกัน” และรายการ “คนละครึ่ง” ของรัฐบาลได้ผลชะงัด

ทำให้คนออกท่องเที่ยวดูดซับสภาพฝืดออกจากระบบ สภาพคล่องลื่นไหลถึงมือ “คนค้า-คนขาย” รายย่อย วิน-วิน-วิน ด้วยกันทั้ง ๓ ฝ่าย

คือทั้งรัฐบาล, ชาวบ้าน, ผู้ขายและผู้ให้บริการ!

อีกประเด็นที่มองเห็น….
โครงการผ่านแอพของรัฐบาล โดยกระทรวงคลัง เริ่มจากบัตรสวัสดิการ การ “ลด-แลก-แจก-แถม” ผ่านแคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจ มุ่งเป้าหมาย “กลาง-ล่าง” นั้น
มองในด้านดึงคน “นอกระบบ” เข้ามาอยู่ในระบบตรวจสอบผ่าน “ฐานข้อมูล” เทคโนโลยี อันจำเป็นในสังคมบริหาร-ปกครองยุค IOT ครองโลก

การที่รัฐบาลใช้วิกฤติโควิดให้เกิดประโยชน์ โดยคิดและออกโครงการ ดึงคน “นอกระบบ” หลายสิบล้านคน โดยเฉพาะคนยาก-คนจน, ผู้เฒ่า-ผู้แก่, ชาวไร่-ชาวนา เข้าสู่ระบบข้อมูลไอทีได้เช่นนี้
คุ้มเกินคุ้ม พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสแท้จริง!

สังคมยุคไอที “ระบบข้อมูลข่าวสาร” คือหัวใจ ในการบริหาร-จัดการ “ทุกด้าน”

เมื่อประชาชนอยู่ใน “ฐานข้อมูล” แล้ว ถ้ารัฐบาลนั้นๆ ไม่กังฉิน-กินเมือง การช่วยเหลือชาวบ้าน จะไม่เกิดสภาพ “ไอติมแท่ง”

คือเงิน “ทุกบาท/ทุกสตางค์” จากรัฐ จะถึงมือชาวบ้านโดยไม่ผ่านตัวกลาง ที่คอย “เลีย-ดูด” รายทาง จากร้อยเหลือสิบอย่างที่เป็นมา

“มหาดไทย” นี่สำคัญนัก…..
ครอบคลุมงบและเงินที่จะไปถึงชาวบ้านมากกว่าเพื่อน เมื่อเข้าฐานข้อมูล ชาวบ้านจะได้กินไอติมเต็มแท่งซะที
รัฐมนตรีและปลัดมหาดไทย ว่าจริงมั้ย?

แต่ที่บรรยากาศประเทศด้านท่องเที่ยวกำลังจะดี ต้องสะดุดหงายท้อง ก็ตรง “หญิงบริการ” นำโควิดจากฝั่งพม่า เข้ามาไทย ทางแม่สาย เชียงราย แบบลักลอบนี่แหละ
ได้ยิน ร้านค้า-ร้านขาย โดยเฉพาะโรงแรม-รีสอร์ต ด่ากันขรม ในพฤติกรรมหญิงบริการพวกนั้น

กำลังจะดีๆ ต้องพังครืนไปทันตา ยอดจองที่พัก ซึ่งเต็มไปถึงมกรา.พอข่าวออกมาเท่านั้นแหละ
ยกเลิกแทบเกลี้ยง!

ฟังคนพื้นที่ทางเหนือเขาเล่า เทรนด์ “หญิงรุ่นใหม่” ย่านนั้น พอจบมัธยม จะไปทำงานบริการตามแหล่งกาสิโนฝั่งพม่า นัยว่า “งานสบาย-รายได้ดี”

ไปแบบ “เข้า-ออก” ถูกต้องตามด่าน ไม่มีใครว่า
แต่พวกนี้นิยมเลียนแบบ “ช่องทางธรรมชาติ” คือลักลอบข้ามไป-ข้ามมา ลักลอบแล้ว ยังถ่ายรูปลงเฟซอวดซะด้วย

การลงเฟซอวดนั้น…….
กลายเป็น “สินค้าตัวอย่าง” ของผู้ให้บริการ “ลักลอบ” ข้ามแดน ถึงขั้นแปะเบอร์ช่องทางเถื่อนให้ติดต่อ รับประกันข้ามได้ชัวร์

ที่นิยมช่องทางธรรมชาติ ก็เพื่อไม่ต้องถูกตรวจซึ่งอาจถูกกักตัว ๑๔ วัน สู้จ่าย “พัน-ครึ่งพัน” ไม่ได้ จะเข้า-ออกตามช่องหมาลอดตอนไหนก็ได้!

ฝ่ายสาธารณสุขเค้นสอบผู้ติดโควิดเข้ามา ก็จะสอบมุ่งเน้นไปไหน-มาไหนบ้าง
แต่ทางหน่วยอื่น เช่น ตำรวจ ไม่ได้ข่าวด้านเค้นสอบหญิงพวกนั้น ว่าใครเป็น “เจ้าพ่อ-เจ้าแม่” ด่านเถื่อน ผู้ให้บริการ?

ดังเช่นที่ แม่สาย เชียงราย ที่ทำให้ไทยเกิดระบาด รอบ ๒ ขณะนี้
ควรต้องเค้นสอบเอาตัวการมาดูหน้าและจัดการสถานหนักให้ได้ ไม่อย่างนั้น สังคมจะเพ่งเล็งว่า
“พวกเจ้าหน้าที่” นั่นแหละ ตัวดี!

คำว่า “มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง” บางครั้ง จำเป็นต้องใช้กับมนุษย์ประเภทไร้สำนึก ให้เห็นเป็นตัวอย่างเหมือนกัน

ก็ดูซี เช่น เชียงราย ตอนนี้
ทั้งบ้าน-ทั้งเมือง เดิมพันเป็นร้อยล้าน-พันล้าน “ด้านท่องเที่ยว” ต้องหายวับไปกับตา เพราะคนเห็นแก่ตัวพวกหนึ่งแท้ๆ
มันเข้าข่าย “บ่อนทำลาย” จริงๆนะ ไอ้พวกนี้ …….

สมควรต้องประจานหน้าในฐานะ “ตัวอย่างเลว” มากกว่าจะปกปิด ซึ่งการปกปิด เท่ากับส่งเสริม “พฤติกรรมเลว” จะทำให้มันได้ใจว่า

ดีโว้ย…ทางการช่วยปกป้อง ไม่มีใครรู้ ฉะนั้น ทำระยำใหม่ได้อีก ไม่ต้องอายใคร!
จำไม่ได้หรือ “สมเด็จพระบรมราชชนก” รัชกาล ที่ ๙ “พ่อของเรา” ตรัสสอนไว้ว่า
“การทำดีนั้น ทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ ความชั่ว ซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่ และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว
แต่ละคน จึงต้องตั้งใจ และเพียรพยายามให้สุดกำลัง ในการสร้างเสริมและสะสมความดี”

เห็นมั้ย….
ความชั่วมันทำได้ง่าย การปกปิดคนชั่ว บางที จะเป็นการส่งเสริมความไม่ดีของคนชั่ว ให้ขยายและพอกพูน รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยไม่ทันรู้สึกตัว

ติดโควิด ไม่มีใครว่า
แต่ติดแล้ว หลบหนี-หลบหลีก การตรวจของเจ้าหน้าที่ ซ้ำลักลอบเข้ามา นี่เป็น “ความชั่ว” การปกปิดเท่ากับส่งเสริมคนชั่วให้ได้ใจ

บ้านเมืองไทยของเรา ถึงวันนี้ เป็นที่น่าปลาบปลื้มดีใจอย่างหนึ่ง เพราะประจักษ์ชัดแล้วว่า
ที่อยู่รอด-ปลอดภัยได้ เพราะท”ภาคประชาชน” ผู้รักบ้าน-รักเมืองทั้งหลาย เข้มแข็ง
ดำเนินตามแนวทาง “คำพ่อสอน” แน่วแน่ ที่ว่า…..


“การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้…”

นี้เป็นภาพรวมสังคมประเทศ ตามที่ผมออกไปสัมผัสพื้นที่จริงตามจังหวัดนั้น-นี้ ทั้งเหนือ-ใต้-อีสาน

มีพวกหนึ่ง-กระหยิบมือหนึ่ง ตามลักษณะสังคมรวม ที่มีทั้งคนดี-คนไม่ดีคละเคล้า เท่านั้น

ที่เห็นดี-เห็นงามไปกับคนไทยขายชาติ ที่สมคบต่างชาติ ปลุกปั่นม”คนรุ่นใหม่” ให้เป็นม็อบออกมา “ล้มสถาบัน”
ต้องการเปลี่ยนประเทศไปเป็นระบบสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีแทนพระมหากษัตริย์

เพราะมีทางนี้เท่านั้น ที่พวกขายชาติคิดว่า จะได้เข้ามามีอำนาจปกครองบ้านเมือง
และนอกชาติที่สมคบ ก็คิดว่าเมื่อล้มระบบกษัตริย์อันเป็นรากแก้วประเทศไปได้ ประธานาธิบดีระบบสาธารณรัฐ ก็จะเป็น “นอมินี” ให้เขา มีอำนาจบงการไทย

แต่ถึง ณ วันนี้ ๖ ธันวา.๖๓ บอกได้เลย
ที่ธนาธรกู่ร้อง “ประตูบานแรก” เปิดแล้ว ทันทีที่ “อานน์-เพนกวิน” ประกาศ ๑๐ ข้อปฏิรูปกษัตริย์
และตะโกนกลางวงม็อบ “สู้เป็นไท ถอยเป็นทาส” นั้น

๓-๔ เดือน เถื่อนกลางกรุงของม็อบรุ่นใหม่ ๓ นิ้ว นอกจากเป็นขยะเปียก ประจานความเน่าเหม็นรากเหง้าตัวเองแล้ว
ยังกลายเป็นใบเสร็จ “ยืนยัน” พฤติกรรมในขบวนการล่มชาติ-ล้มสถาบันไปในตัว

และนี่ยิ่งชัด……..
๔-๕ วันก่อน ธนาธรไปหาเสียงให้สมุนที่ภูเก็ต เจอประชาชนเพื่อแผ่นดิน ตั้งคำถามตรงๆ ทุกคนตอบได้

แต่ระดับ “ตีตนเสมอเจ้า” อย่างธนาธร กลับตอบไม่ได้!?


จะแกะจากคลิปที่ธนาธรไปหาเสียงในตลาดแล้วถูกพ่อค้าคนหนึ่งถามมาให้ดู

พ่อค้า-ขอถามคำถาม ๑ คำถามได้มั้ย?
ธนาธร-ได้ครับ
พ่อค้า-คุณรักสถาบันมั้ย?
ธนาธร-อะไรนะ
พ่อค้า-คุณรักสถาบันมั้ย มี ๒ คำตอบเท่านั้น คุณรัก-ไม่รัก?
ธนาธร-คำถามอย่างนี้เนี่ย ในสถานะตอนนี้ มันไม่แฟร์เลย พูดตรงๆ เลย สมมุตินะ ถ้าผมว่ารัก หรือถ้าเราตอบว่าไม่รัก เราปลอดภัยเท่ากันมั้ย?
พ่อค้า-ผมไม่ถามต่อครับ คุณตอบว่ารัก-ไม่รัก แค่นั้นผมไม่ถามต่อครับว่า รักเพราะอะไร ไม่รักเพราะอะไร ถามแค่นั้น
ธนาธร-อย่างนี้ ผมขอสงวนสิทธิ์ไม่ตอบคำถามนี้
พ่อค้า-อย่าเลี่ยงนะครับ
ธนาธร-นี่ไง ผมตอบคำถามนี้ว่า ขอสงวนสิทธิ์

ครับ……
จับใจความได้ประมาณนี้ เพราะมีเสียงโห่ เสียงตะโกนไล่ ออกไป…ออกไป..สลับโต้เถียงสวนกันไป-มา ก่อนขบวนธนาธรกระเจิง

เห็นมั้ย มันเป็นคำถามซิมเพิล มีคำตอบอยู่ในสำนึกไทยโดยสายเลือดแท้ๆ
แต่ธนาธรกลับว่า เป็นคำถามไม่แฟร์ สงวนสิทธิ์ไม่ตอบ ทั้งยังบอก ถ้าตอบ เกรงด้านความปลอดภัย
!!??!!

ใครก็ตาม ตอบคำถามนี้ไม่ได้ ก็ไม่ควรเป็นคนไทยจริงมั้ย?

 



Written By
More from plew
ยืมมือ “เชือดตู่-ชูป้อม” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน เรื่อง ๘ ปีนายกฯจะเริ่มนับจากปีไหน? ๘ กันยา.๖๕ คือพรุ่งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ นัด ๙ ตุลาการมาประชุมตรวจสอบคำชี้แจงของนายกฯ...
Read More
0 replies on “คำถามง่ายที่ทอนตายสนิท”