คำแถลง “คนตระกูลจึง”

เปลว สีเงิน

อ้าว…แล้วกัน
แบบนี้เสียยี่ห้อน้องชาย “นายกฯโซเชียล” หมดเลย!
เรื่อง “สินบน ๒๐ ล้าน”
“สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานบริษัท-เรียลแอสเสท-ดิวิลอปเม้นท์-จำกัด “ต้องตั้งโต๊ะแถลง” แล้วให้นักข่าวซักประเด็น แต่นี่กลับแถลงผ่านกระดาษ ๓ หน้า โดยเจ้าตัวหนีหน้าแถมที่แถลง “ไปไหนมา สามวาสองศอก” ชัดๆ

จะใช้ได้ที่ไหนกัน แทนที่จะ Clear กลับ Cloudy หนักขึ้นนะ..สกุลธร!

แล้วมันจะรอดมั้ยเนี่ย?

เอาหละ เมื่อแถลง ก็มาดูกัน ว่าแถลงว่าไง….

“ข้าพเจ้า นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ อยากจะชี้แจงสังคมเกี่ยวกับเรื่องที่ดินบริเวณชิดลมว่า ข้าพเจ้าขอยืนยันความบริสุทธิ์และมีประเด็นที่อยากชี้แจง ดังนี้

1.ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าไม่เคยรู้จัก นายประสิทธิ์ อภัยพลชาญ เป็นการส่วนตัว รวมถึงข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักเจ้าหน้าที่ในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ท่านใดก็ตาม ข้าพเจ้ามารู้ว่าคุณประสิทธิ์คือใครหลังจากตำรวจได้ทำการสืบคดีแล้วเท่านั้น

2.ในปี 2560 ข้าพเจ้าได้รู้จัก นายสุรกิจผ่านนายหน้าที่รู้จักอีกท่านหนึ่ง ซึ่งไม่ได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันมาก่อน รวมถึงไม่มีความสนิทสนมใดๆ ตลอดระยะเวลาในการทำงาน ที่ดินแปลงนี้มีคณะนายหน้าจำนวนหลายท่านได้รวมตัวเข้ามาเสนอที่ดินให้กับข้าพเจ้า

ดังนั้นการเจรจาต่างๆ มีผู้รับรู้หลายท่านเป็นสิ่งที่เปิดเผยมาก และการที่คนที่เพิ่งรู้จักกัน มันเป็นไปไม่ได้ที่ข้าพเจ้าจะบอกให้คุณสุรกิจนำเงินไปดำเนินการในสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้กับบุคคลที่สาม หรือมีลักษณะเรียกเงินเพื่อให้มีการกระทำที่ทุจริตยิ่งเป็นไปไม่ได้

ซึ่งผมขอยืนยันว่าในกรณีนี้ ผมไม่ได้ไปวิ่งหาที่ดินตั้งแต่แรก แต่เป็นนายหน้าเข้ามาเสนอที่ดินให้ข้าพเจ้า โดยที่ผมไม่ได้เป็นผู้มอบหมายให้นายหน้าไปจัดหา เมื่อผมพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความคุ้มค่าในเชิงธุรกิจจึงมีการดำเนินโครงการต่อ

3.ทั้งนี้ ตลอดการทำงานข้าพเจ้าเน้นย้ำเสมอถึงความโปร่งใสและการทำงานบนความถูกต้อง โดยมีการระบุลงไปในสัญญาการจ้างอย่างชัดเจนว่า

“ในการปฏิบัติงานนายหน้าจะต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย ตามข้อบังคับหรือระเบียบต่างๆ และรวมถึงการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามมาตรฐานของวิชาชีพของนายหน้า ”

4.ทั้งนี้ ตลอดในช่วงระยะเวลาดังกล่าว มีการทำงานหลายขั้นตอนจน Final project development proposal ได้ออกมาเป็นโครงการเป็นลักษณะ Mix-Use ขนาด 160,000 ตารางเมตร
ประกอบไปด้วย โรงแรม ศูนย์การค้า สำนักงาน และคอนโดมิเนียม (ดูเอกสารประกอบที่ 1)

ซึ่งตลอดการทำงานมีการจ้างที่ปรึกษาหลายหน่วยงานเพื่อส่งแผนการพัฒนานี้ ซึ่งมีการทำงานจริง เพราะขณะนั้น เชื่อเพียงว่าการผ่านการพิจารณาได้จะต้องทำโครงการให้มีความโดดเด่นเท่านั้น

ดังนั้นการชำระเงินตามที่มีข่าวอออกไป เป็นการชำระค่าจ้างในลักษณะของ real estate consultancy ตามคู่สัญญาการค้าที่มีการระบุในสัญญาตามมาตรฐานธุรกิจทั่วไป

โดยแบ่งจ่ายเมื่อแผนงานมีความคืบหน้า ทุกครั้งมีการชำระเงินเป็นเช็คและได้มีการบันทึกใบรับเช็คตามมาตรฐานสัญญาธุรกิจทั่วไป ซึ่งไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบหลีกการตรวจสอบ

ในกรณีนี้ ได้มีการทำเอกสารราชการปลอมนำมาแสดงกับข้าพเจ้าเพื่อยืนยันความคืบหน้าในการทำงาน อันจะทำให้มีสิทธิ์ขอเบิกค่าจ้างตามที่สัญญากำหนดไว้ได้ ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าเกิดความเสียหาย

5.ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 ข้าพเจ้าได้รับหนังสือจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อเชิญไปนำเสนอแผนพัฒนาโครงการในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 (ภายหลังทราบว่าเป็นหนังสือที่ได้ถูกปลอมแปลงขึ้นมา)

ปรากฏว่า ข้าพเจ้าได้รับโทรศัพท์จากนายหน้าว่า ขอยกเลิกการประชุมล่วงหน้า 1 วัน ก่อนถึงวันประชุม จึงเป็นเหตุที่ทำให้เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ

จึงได้ส่งหนังสือถึงสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับการเช่าที่ดินแปลงดังกล่าว โดยมีการบันทึกรับเอกสารจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

และได้รับหนังสือตอบกลับจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์แจ้งว่า ยังไม่มีนโยบายในการหาผู้เช่ารายใหม่แต่อย่างใด

ข้าพเจ้าจึงได้ยกเลิกสัญญาและส่งหนังสือทวงหนี้ 2 ครั้งตามระบบ ซึ่งจากการที่เราตรวจสอบเอกสารจนค้นพบข้อเท็จจริงทั้งหมดแสดงถึงความบริสุทธิ์ว่า เราไม่มีการไหว้วานใครให้ไปกระทำการที่ผิดกฎหมาย จนทำให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ทำการตรวจสอบและได้ทำการสืบสวนต่อจนทราบว่ามีการปลอมแปลงเอกสารจนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้

และที่ผ่านมาได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่จนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้จากเหตุการณ์นี้

6.ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้เสียหายจากเหตุการณ์นี้ และขอยืนยันในความบริสุทธิ์

ทั้งนี้ ข้าพเจ้าขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า จากข่าวที่สังคมได้รับนั้นเป็นเพียงคำกล่าวอ้างของบุคคลอื่น ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้ว กรณีนี้ข้าพเจ้าเป็นผู้เสียหายจากการปลอมแปลงเอกสาร สำหรับสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ชี้แจงนั้น ได้ถูกปรากฏอยู่ในเอกสารสำนวนสอบสวนตั้งแต่แรก

ในส่วนของค่านายหน้านั้นเป็นการตกลงตามมาตรฐานในวิชาชีพตามหลักสากลของธุรกิจนี้ และจะทำการชำระก็ต่อเมื่อได้ทำธุรกรรมจดสิทธิ์การเช่าที่สำนักงานที่ดินให้แล้วเสร็จ

ข้าพเจ้าขอยืนยันสิ่งที่ชี้แจงมาทั้งหมดเป็นความสัตย์จริง และยืนยันว่าไม่เคยใช้ให้ผู้ใดไปดำเนินการสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามที่เป็นข่าว

อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ข้าพเจ้าจะใช้ความระมัดรังวังให้มากยิ่งขึ้นกับการดำเนินธุรกิจต่อไปในภาคหน้า เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาใดๆ ทั้งกับตนเองและหน่วยงานอื่น”

สกุลธรครับ….
อย่าว่าโง้น-งี้เลยนะ มันเวิ้งว้าง หาฝั่งไม่เจอเลยจริงๆ ถามช้าง ตอบม้า ถามฮิปโป ตอบแรด

โครงการเป็นหมื่นล้าน ที่ดินอีกหลายหมื่นล้าน สกุลธรบอก “จ้างที่ปรึกษาหลายหน่วยงาน”

ขอถามตรงๆ ไม่จ้าง “ที่ปรึกษากฎหมาย” ซักคน ไว้ตรวจสอบเอกสาร-สัญญาเลยหรือ?

บริษัทมืออาชีพ จ่ายเงินให้คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนไม่รู้หัวนอน-ปลายตีนอะไรเลย แค่เขาบอกเป็นคนทรัพย์สินฯ แค่นั้นน่ะหรือ?


บริษัทคร่ำหวอดธุรกิจเรียลแอสเสท ไม่รู้หรือว่า ที่ดินทรัพย์สินฯ ตรงนั้น เขาประกาศเปิดประมูลหรือไม่ และไม่รู้หรือว่า ที่ดินทรัพย์สินฯ ไม่มีนายหน้าเร่ขายกินเปอร์เซ็นต์?

คำพิพากษาบอกว่า….
“จำเลยที่ 1 ได้แนะนำให้นายสกุลธร ยื่นหนังสือแสดงเจตจำนงขอเช่าที่ดินต่อสำนักงานทรัพย์สินฯ ตามช่องทางปกติ”

แล้วสกุลธรไปยื่นขอเช่าต่อสำนักงานทรัพย์สินฯ ตามช่องทางปกติหรือเปล่า?

และไหน หลักฐานที่สำนักงานทรัพย์สินฯออกให้ว่า “ได้รับเอกสารขอเช่าที่ดิน” ไว้แล้ว….มีมั้ย?

ถ้าไปยื่นตาม “ช่องทางปกติ” จริง มันต้องมี
นี่บริษัทอะไรกัน ยอมจ่ายในยอดตั้ง ๕๐๐ ล้าน โดยไม่เคยพบหน้าค่าตา ได้พูดจากับ “เจ้าของที่ดิน” โดยตรงเลย

คือนายสกุลธรหรือตัวแทนบริษัท ไม่เคยเข้าไปติดต่อกับสำนักงานทรัพย์สินฯ ทางธุรการเลยซักครั้ง เป็นไปได้ไง?

เพราะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า…สกุลธร จึงเป็นที่มาตามปรากฏในคำพิพากษา ว่า…….

“…จึงได้จ่ายเงินงวดที่สอง จำนวน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) และงวดที่สามอีกจำนวน 10,000,000 บาท (สิบล้านบาทถ้วน) รวม 3 งวด
จำนวนงินรวมทั้งสิ้น 20,000,000 บาท (ยี่สิบล้านบาทถ้วน) ให้แก่จำเลยทั้งสองรับไว้สำหรับตนเองเพื่อเป็นการตอบแทนในการที่จำเลยทั้งสองจะร่วมกันไปดำเนินการติดต่อประสานงานและนำเงินส่วนหนึ่งไปมอบให้รองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าพนักงานของรัฐ ตามกฎหมายโดยวิธีอันทุจริตและผิดกฎหมาย


เพื่อจูงใจรองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ให้กระทำการในหน้าที่ ด้วยการจัดสรรที่ดินบริเวณองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ชิดลม) ซึ่งเป็นทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ให้บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
ได้สิทธิการเช่าที่ดินระยะยาว
โดยไม่ต้องผ่านการประมูลแข่งขันตามขั้นตอนปกติของการขอเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
อันเป็นคุณแก่ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และทำให้สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เสียประโยชน์ที่จะได้รับเงินจากการประมูลที่สูงที่สุด ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ผู้อื่นและประชาชน”

เพราะอย่างนี้กระมัง คุณจึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามอ้าง ถ้าเป็นผู้เสียหายจริง ต้องแจ้งความดำเนินคดีกับ ๒ คนนั้นแล้ว แต่นี่ทำตัวเป็น “พ่อพระสกุลธร” แห่งตระกูลจึง เฉยเลย

ฉะนั้น ที่แถลงว่า …..
ข่าวที่สังคมได้รับนั้นเป็นเพียงคำกล่าวอ้างของบุคคลอื่น ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้ว กรณีนี้ข้าพเจ้าเป็นผู้เสียหายจากการปลอมแปลงเอกสาร นั้น

สกุลธร…จะให้เข้าใจอย่างนั้นหรือว่า คำพิพากษาและคำแถลงคณะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด “เป็นคำกล่าวอ้างของบุคคลอื่น”

เพราะ “ข่าวที่สังคมได้รับ” มาจากคำพิพากษาและคำแถลงโฆษกอัยการโดยตรง!

เอาหละ…วันนี้ยาวแล้ว พรุ่งนี้ “ผักกาดหอม” เขาว่าต่อ ส่วนผม วันจันทร์ค่อยเจอกัน ไม่จบง่ายๆ หรอกเรื่องสินบนน่ะ!



Written By
More from plew
“ประชานิยมพ่ายประชารัฐ”
รัฐบาลนี้ อะไรที่ยากๆ……. บางทีก็ฟลุ๊กๆ ยิ่งกว่าขอทานถูกหวย! อย่างการเปลี่ยนถ่ายสังคมยุค Manual สู่ยุค Digital คือยุคเศรษฐกิจใหม่ ที่โลกทั้งใบถูกรัฐบาลสหรัฐฯ โดย CFR...
Read More
0 replies on “คำแถลง “คนตระกูลจึง””