ทางรอดของ “ประชาธิปัตย์”

พรรคประชาธิปัตย์ ยุค “นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์” เป็นหัวหน้าพรรค!
เล่นการเมืองเก่งจังเลย!
เป็นทั้ง “พรรคร่วมรัฐบาล” มีเก้าอี้รัฐมนตรี ๗ ตัว ได้นั่งร่วมบริหารราชการงานเมือง

ขณะเดียวกัน ……
เป็นทั้ง “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” คอยเตะตัดขารัฐบาลด้วยการโหวตสวน-โหวตคว่ำในสภา
เพราะอย่างนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ จึงเห็น ยิ่งเลือกตั้ง คนยิ่งไม่เลือก จนประชาธิปัตย์ไม่เหลือสส.กทม.เลยซักคน!

เรื่องสั่งซื้อ “เรือดำน้ำ” อีก ๒ ลำ ไม่ใช่งบใหม่
เป็นงบผูกพันโดยทัพเรือใช้เงินจากงบประจำปีปกติของเขาเอง ผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ ซึ่งผ่านมติครม.แล้ว ทั้งผ่าน “สภาวาระแรก” ไปแล้วด้วย
ประชาธิปัตย์ ก็ยกมือให้ผ่านด้วย

แต่พอมาถึงขั้นกมธ.พิจารณางบฯ ปี ๖๔ ในชั้นอนุกมธ.คุรุภัณฑ์ เพื่อไทย “ฝ่ายค้าน” เขาก็ค้านตามบทของเขา
ให้ยกเลิกหรือไม่ก็เลื่อนการสั่งซื้อไปก่อน
อ้างบ้านเมืองวิกฤตหลายเรื่อง ประชาชนอดอยาก ให้เอาเงินไปช่วยคนก่อน
โหวตกันในที่ประชุม ปรากฏว่า ๕:๔ เสียง ให้งบนี้ผ่าน!

เพื่อไทย จุดพลุนอกสภา
ด้วยถือว่าม็อบ “ล่มชาติ-ล่มสถาบัน” ที่เป็นแนวร่วมกำลังจุดติด
วานซืน โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ก็แถลง
“พรรคมีมติเอกฉันท์ ให้กมธ.งบฯทั้ง ๗ คน ของประชาธิปัตย์ ไปหารือกับกมธ.งบฯพรรคร่วมรัฐบาล

ให้กองทัพเรือทบทวน นำวาระจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปจากวาระการพิจาณาของกมธ.งบประมาณชุดใหญ่

หากยังยืนยันที่จะเอาเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำเข้าสู่วาระการประชุม

กมธ.งบฯ ทั้ง ๗ ของประชาธิปัตย์ ไม่สนับสนุนให้ผ่านงบจัดซื้อเรือดำน้ำ”

ในเมื่อประชาธิปัตย์ “พรรคร่วมรัฐบาล” เล่นบท “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ทั้งหัวหน้าพรรค “นายจุรินทร์” นักข่าวถาม “จะเอาไงแน่” ก็กลมกลิ้งตามสไตล์

กมธ.ชุดใหญ่ที่ต้องประชุมเรื่องนี้เมื่อวาน (๒๖ สค.) จำต้องเลื่อนไปประชุม ๓๑ สค.
นัยว่า ต้องไปพูดจาประสาเทพกันให้รู้เรื่องก่อน ทั้งให้ทัพเรือมาชี้แจงอีกรอบ เผื่อจะช่วยให้ดวงตาเห็นธรรม

ไม่แค่ประชาธิปัตย์ มีข่าวออกมาว่า “พรรคภูมิใจไทย” ก็จะโหวตคว่ำเรือดำน้ำเหมือนกัน แต่เป็นเพียงข่าว ยังไม่มีการยืนยันจากภูมิใจไทย

ครับ…
คงเห็น “รุ่นใหม่มาแรง” ก็เลยเล่นการเมืองแบบ “โหนกระแส” กลัวตอนเลือกตั้งจะโบ๋เบ๋

พอดีเมื่อวาน ไม่รู้ใคร ไปคัดเอาข้อเขียน “ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” ที่ท่านเขียนไว้ในหน้า ๕ สยามรัฐ เมื่อปี ๒๕๑๔ มาโพสต์เฟซ
ผมอ่านแล้ว เกิดความรู้สึกว่า ผ่านไป ๔๙ ปี แต่ที่ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์เขียนไว้ เหมือนเขียนเมื่อวาน
ลองอ่านกันดู สำนวน-ลีลา “บรมครู” อันหาได้ยากยิ่งในรอบร้อยปี

“ตัวบุคคลในทีมประชาธิปัตย์ไม่ได้เรื่อง เพราะเป็นคนแก่ศีล แก่ธรรม แก่อุดมคติ แก่อุดมการณ์ จนมีแต่ลมปาก ไม่แน่ใจว่าจะทันต่อเหตุการณ์ หรือมีไหวพริบเชิงนักเลงพอที่จะต่อสู้ผู้ทุจริต หรือผู้ที่ประชาชนไม่ไว้ใจ เพื่อประโยชน์ของประชาชนได้จริงจัง

ดูเรื่องราวและความแตกแยกวุ่นวายในประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นข่าวขึ้นบ่อยๆ แล้วพอจะสรุปได้ว่า
พรรคประชาธิปัตย์มีแต่หัวหน้าพรรค
แต่ในพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีผู้นำ
เพราะพรรคประชาธิปัตย์คลั่งประชาธิปไตยจนขาดระเบียบ

ไม่มีการวางแนว (direction)
ไม่มีการนำ (leadership)
เพราะเหตุนั้น จึงขาดการคิดริเริ่ม (innitiative)

แล้วก็ยกมือนับเสียงข้างมากกันในพรรค
พรรคประชาธิปัตย์ก็เลยเละเทะทุกที

ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ถ้าหากประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์จะมีเทวดากี่องค์”
-ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช

เป็นไงครับ ถ้าเป็นหมอดู ก็ต้องบอกว่า ท่านอาจารย์คึกฤทธ์ตาทิพย์ หยั่งรู้กาลข้างหน้าได้แม่นยำถึง ๕๐ ปี!

ที่อาจารย์หม่อมกล้าสับหน้าแงประชาธิปัตย์ตอนนั้น คงเห็นว่า “หม่อมพี่” ของท่าน คือ “ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช” เป็นหัวหน้าพรรค

“หม่อมน้อง” หยอก “หม่อมพี่” เล่นแรงๆ บ้างจะเป็นไร คนรุ่นนั้นคงจำได้ หม่อมน้องถองหม่อมพี่แรงๆ แทบทุกวัน

ความจริง โดยมรรยาท……
พรรคประชาธิปัตย์ ถ้าไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาล ที่พลังประชารัฐเป็นแกนนำ
ก็บอกนายกฯ…..

“พรรคไม่เห็นด้วยกับแนวทางรัฐบาล ขอแยกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไปเป็นฝ่ายค้านในสภา”

ก็ไม่มีใครว่า ทั้งถูกต้องตามระเบียบแบบแผน ทั้งแสดงถึงวุฒิภาวะของพรรค ของหัวหน้าพรรค
สง่างามสมนาม “ประชาธิปัตย์” จะตายไป!

ยิ่งภูมิใจไทยอีกพรรค ร่วมสาบานกันมิใช่หรือ ถ้า ๒ พรรคถอนตัวออกไป ก็ “คว่ำรัฐบาล” พลังประชารัฐได้ ตามระบบ-ตามวิถี ไม่มีใครว่า
ไปชวนฝ่ายค้าน “เพื่อไทย-ก้าวหน้า” ตั้งรัฐบาล
จะเอาอภิสิทธิ์, ธนาธร, สุดารัตน์ หรืออนุทิน, ซึ่งมีชื่ออยู่ในบัญชีนายกฯที่ยื่นกกต.ไว้ ขึ้นเป็นนายกฯ ก็ว่ากันไป

ใครจะว่าหรือจะผิดใจใคร ก็ช่าง ไม่ผิดครรลองกฎหมายซะอย่าง ถือว่าใช้ได้
แต่ที่ประชาธิปัตย์ “ส่วนหนึ่ง” เป็นรัฐบาล ให้สส.อีกส่วนหนึ่งเล่นบทฝ่ายค้าน
ไม่เท่ ไม่งามตรงไหนเลย ……..

ประชาธิปัตย์มีแต่เทวดา อย่างอาจารย์หม่อมว่าหรือไม่ นายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรคส่องกระจกดูบ้าง ก็น่าจะดี
ผมไม่ห่วงเทวดา แต่ห่วงพรรคประชาธิปัตย์ เหนือ, ใต้, อีสาน นับวันสิ้นศรัทธา ภาคกลางเหลือหรอมแหรม

“ภาคใต้” ถือเป็น “เมืองหลวงประชาธิปัตย์” จากเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ก็ต้องบอกว่า
“เมืองหลวง” แตกแล้ว!

ยิ่ง “หัวเมืองเอก” อย่างกทม.ปรากฏ “ยับเยิน” ยิ่งกว่าเมืองญวนตอนสงคราม ผู้สมัครสส.ประชาธิปัตย์ “ซักคน” ชาวเมืองก็ยังไม่เลือก

มีภาษาพูดว่า “เลือดหัวไม่ตก ก็ไม่สำนึก” แต่นี่ ประชาธิปัตย์ ยิ่งกว่าเลือดหัวตก ขนาดนั้นแล้ว หัวหน้ายังหน้านวลกวนอิมไปวันๆ

ในพรรค มีซักกี่คน ที่ฟังหัวหน้าพรรค แต่ละองค์สมเป็นเทวดา ฤทธิ์แรงแกร่งกล้า ใครก็ไม่ฟังใครทั้งนั้น


ความเป็นประชาธิปัตย์ ผมเห็นใจประธานรัฐสภา “ชวน หลีกภัย” มาก เพราะท่านเป็น “เสาหลัก” พรรคโดยตรง
“การอยู่-การเติบโต-การล่มสลาย” ของพรรค ถึงแม้ท่านไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค แต่การเป็นเสาเอก การเสื่อมไหล สู่ล้มละลายทางศรัทธาสังคมชาติ

ด้วยจิตใต้สำนึกวิญญูชนของอดีตนายกฯชวน ท่านปิดเปลือกตาไม่ลงหรอก ที่จะเห็นประชาธิปัตย์ “ตาย” ในนามยุคท่าน ผมมั่นใจ!

ลึกๆ ท่านคงผิดหวัง “จากคนที่หวัง”
ท่ามกลางผู้บรรลุนิติภาวะทางความคิดในพรรค “ลาจาก” ไปทีละคน-สองคน


ที่เหลือ ก็เหมือนผลไม้คัดเดน เน่าคาเข่ง
ส่วน “รุ่นใหม่” มีแวว-มีวิสัยทัศน์
แทนที่จะส่งเสริมให้เป็นหน่ออ่อนสืบต่อ กลับถูกพวกแก่วัด-แก่พรรษา ถีบหัว-กันท่า พอใจในการแตกก๊ก-แตกก๊วน พวกกูใหญ่กันเอง

ขอพูดในทาง “ขัดใจ-ขัดหลักการ” อดีตนายกฯ ชวนสักนิด ในความเห็นผม เหลือทางเดียว ที่จะกู้พรรคจากการตายซาก
ขณะนี้ ไม่มีตัวในพรรคให้เลือกอีกแล้ว
มีแต่ “ท่านชวน” คนเดียว ต้องเสียสละไปเป็น “หัวหน้าพรรค” ปฏิรูป-รื้อ-ล้าง”สำนัก ค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่


ด้วยบารมีและวิสัยทัศน์ท่านชวนคนเดียว จะเรียกศรัทธาประชาชนให้กลับมาอยู่กับประชาธิปัตย์ได้

ผมติดตามตลอด เห็นชัด ท่านเป็น “ผู้ยิ่งใหญ่-ใฝ่รู้” ทันโลก-ทันสมัยตลอดเวลา อายุเป็นเพียงตัวเลขจริงๆ สำหรับท่าน

ท่านเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ สภายุคนี้ ถ้าไม่มีท่าน เอาไม่อยู่หรอก

ทั้งบทบาทในตำแหน่งประธานรัฐสภาไทย ท่านชวนทำให้ “รัฐสภาไทย” มีความหมายในสายตาโลก เห็นชัดจากการประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน
และจากการประชุมรัฐสภาโลกที่ผ่านหมาดๆ ท่านได้รับการยอมรับจากบรรดาสมาชิกถึงระดับ “ฉันทามติ” ให้ทำหน้าที่ “ผู้นำเสนอรายงาน”


พูดจากรู้สึกตรงๆ นะครับ ฟังสำเนียง-ลีลาสปีชของท่านแล้ว เทียบกับ ๒๐ ปีก่อน นึกไม่ถึง คนวัย ๘๐ ขึ้น จะไม่ทอดทิ้งการฝึกปรือ-ใฝ่รู้-ใฝ่ศึกษา เยี่ยมได้ถึงขนาดนี้!

ที่พูดทั้งหมด…..
ไม่ได้หมายให้ท่านเป็น-ไม่เป็นนายกฯ ซึ่งเป็นเรื่องอนาคตที่จักรวาลกำหนด มนุษย์ยากหยั่ง

แต่หวังให้ท่านชวนกลับมา “ซื้อการตาย” ของประชาธิปัตย์ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง ระดมพลังเก่าๆ ที่แตกกระสานให้กลับมาสมานรวม

ทุกวันนี้…….
“ทุเรศ-ทุรัง” เกินทนจริงๆ ครับ!

เพิ่มช่องทางรับข่าวสารได้ที่ LineID:plewseengern.com  หรือสแกน QR Code




Written By
More from plew
ราคาที่ “พิธา” ต้องจ่าย – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน เมื่อวาน (๑๓ กค.๖๖) “กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย” (ปภ.) รายงานว่า เมื่อเวลา ๑๔.๑๘ น.
Read More
0 replies on “ทางรอดของ “ประชาธิปัตย์””