ห่าลงพม่าอีแร้งลงไทย

ผักกาดหอม

เริ่มต้นเดือนแห่งความรัก….

            วานนี้ (๑ กุมภาพันธ์) ตื่นเช้ามาพร้อมกับข่าวรัฐประหารในเมียนมา เรียบร้อยโรงเรียนพลเอกอาวุโสมิน อ่อง  หล่าย ครับ….

เป็นรัฐประหารครั้งที่ ๗

            เมียนมากลับสู่โหมดเดิมที่เราคุ้นเคย ปกครองโดยรัฐบาลทหารเบ็ดเสร็จ (สลอร์ก-SLORC)

            นั่งยันนอนยันตรงนี้ รัฐประหาร ไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหาประเทศ

            และไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย

            ฉะนั้นไม่ว่าประเทศไหนในโลกนี้ ไม่ควรใช้การรัฐประหารเข้าแก้ปัญหาอีกแล้ว

            รวมทั้งไทย!

            ครับ…ฝนตกทางโน้นหนาวถึงคนทางนี้ ทั้งแห่ทั้งเห่าทั้งโหนเป็นกลองยาว รัฐประหารที่เมียนมา แต่มีคนไทยได้ประโยชน์นำไปเคลื่อนไหวกันเต็มๆ ราวอีแร้งลง

            โจมตีรัฐบาลลุงตู่สนั่นโซเชียล

            ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ด่าแหลก

            ทหารไทยก็เหมือนทหารเมียนมา ชั่ว เลว ระยำ

            รวมทั้งโจมตีรัฐบาลประยุทธ์มาจากรัฐประหาร

            อ้าว…แล้วกัน พรรคเพื่อไทย อนาคตใหม่ ผ่านการเลือกตั้งคราวเดียวกับ พรรคพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่  ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๒ ไม่ใช่หรือ

            โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก็ทำในรัฐสภา จะอ้างว่า “บิ๊กตู่” ได้เป็นนายกฯ เพราะ ส.ว.กากเดนเผด็จการ จะด่าแบบนั้นก็ได้ แต่ก็เป็นความจริงที่ว่า เพื่อไทย อนาคตใหม่ รวมเสียงได้ไม่ถึงครึ่งของสภาผู้แทนฯ

            ถึงไม่มี ส.ว. “บิ๊กตู่” ก็เป็นนายกฯ อยู่ดี

            อย่างน้อยก็ปลุกเสกมาจากการเลือกตั้ง โดยเสียงส่วนใหญ่ในสภา

            ต่างกับเมียนมาตอนนี้อย่างสิ้นเชิง

            เข้าไปดูโซเชียลเมียนมาเค้าคุยกัน สรุปเหตุการณ์สั้นๆ ตามนี้ครับ

            กองทัพเมียนมาต้องการให้ กกต.เมียนมาเคลียร์ประเด็นการทุจริตการเลือกตั้ง โดยกองทัพเมียนมาแสดงหลักฐานบางส่วนให้ กกต. เช่นการสวมชื่อคนตายมาเลือกตั้ง

            แต่ทาง กกต.กลับบอกว่าเป็นความผิดพลาด ไม่ได้เป็นการทำทุจริตการเลือกตั้ง

            ประเด็นคือ กกต.ชุดนี้ถูกแต่งตั้งโดยรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งก็คือรัฐบาล NLD ของอองซาน ซูจี นั่นเอง

            จากนั้นกองทัพก็เรียกสื่อให้สัมภาษณ์ จนมีสื่อสำนักหนึ่งถามว่า

            ถ้าเป็นแบบนี้กองทัพจะทำรัฐประหารไหม?

            นายพลคนที่รับผิดชอบเป็นโฆษกในวันนั้นตอบว่า

            “ถ้าหากมีความจำเป็นต้องทำรัฐประหาร เพื่อแก้ปัญหาบ้านเมือง ทางกองทัพก็จะทำ”

            โซเชียลเมียนมามองในแง่ดี “หมาเห่ามันไม่กัดหรอก ถ้าจะกัดเขาไม่เห่าให้เสียเวลา”

            สุดท้าย กัดจมเขี้ยว!

            สถานการณ์ในเมียนมา จะพัฒนาไปถึงไหนตอนนี้ยังตอบยาก เพราะฝั่งอองซาน ซูจี เริ่มตอบโต้บ้างแล้ว

            ปล่อยแถลงการณ์ของ ซูจี เป็นแถลงการณ์ที่เขียนขึ้นก่อนการรัฐประหาร ใจความว่า

                “การกระทำของทหารเป็นการกระทำที่ผลักให้ประเทศถอยหลังกลับไปเป็นระบอบเผด็จการ”

                “ข้าพเจ้าขอให้ประชาชนไม่ยอมรับการรัฐประหาร เพื่อเป็นการตอบโต้การกระทำนี้ ขอให้ออกมาประท้วงต่อต้านการรัฐประหารโดยกองทัพ”

            ถ้ามีการประท้วง งานนี้สาหัสแน่! เพราะเหตุการณ์  “๘๘๘๘” เมื่อปี ๒๕๓๑ ยังหลอนมาถึงทุกวันนี้

            พูดถึง “ซูจี” ที่ผ่านมามีสภาพไม่ต่างที่ปลดปล่อยทางอารมณ์ของชาติตะวันตก

            เคยได้รับการยกย่องว่าเป็น ผู้นำด้านสิทธิมนุษยชน นักเคลื่อนไหวผู้ยึดมั่นในหลักการ ผู้ยอมสูญเสียอิสรภาพ ถูกคุมขังเกือบ ๑๕ ปี

            ปี ๒๕๓๔ ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ได้รับการเชิดชูว่าเป็น ตัวอย่างที่โดดเด่นของพลกำลังของคนไร้อำนาจ

            แต่ปี ๒๕๖๐ กองทัพเมียนมาส่งทหารเข้าปราบปรามเพื่อปราบปรามกลุ่มติดอาวุธ ในรัฐยะไข่ ชาวโรฮีนจานับแสนคนถูกเผาบ้าน ไล่ที่ ทำทารุณกรรม ต้องอพยพไปบังกลาเทศ

            ซูจี ถูกชาติตะวันตกกล่าวหาว่า ละเลย ไม่ใส่ใจที่จะสกัดกั้นการสังหารและข่มขืนชาวโรฮีนจา ที่เกือบเรียกได้ว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

            นำไปสู่การเรียกคืนสารพัดรางวัล

            แต่ไม่มีใครสนใจที่มาของปัญหาโรฮีนจาที่เจ้าอาณานิคมในอดีตเป็นผู้สร้างขึ้นมา

            พูดง่ายๆ คือไม่มีใครสนใจ และเข้าใจบริบทเมียนมาเท่าคนเมียนมาเอง

            ฝั่งสามสัสเมืองไทยไม่พลาด ออกโรง พุ่งเป้าไปที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ตอนนี้รอดูว่ารัฐบาลไทยจะทำอย่างไรกับสถานการณ์รัฐประหารในเมียนมา

            เช่น ออกแถลงการณ์ประณาม เรียกร้องให้ทหารคืนประชาธิปไตยให้ประชาชนเร็วที่สุดหรือไม่ เพราะการประณามรัฐประหารไม่ใช่การแทรกแซง แต่คือการยืนยันหลักการสากล

            ที่ผ่านมาท่าทีของอาเซียนเป็นอย่างไร?

            ย้อนไปดูข่าวเดือนมิถุนายน เมื่อปี ๒๕๕๗ กันหน่อยครับ

            ….หนังสือพิมพ์ สเตรตไทม์ส รายงานว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเกาะสิงคโปร์ได้รับผลกระทบพอสมควรจากกรณีเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส MH370 สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ตลอดจนการรัฐประหารยึดอำนาจในไทย เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนหลีกเลี่ยงเดินทางมายัง ๒ ประเทศนี้

            รัฐบาลสิงคโปร์ทุ่มงบประมาณ ๕ ล้านหยวน (ราว ๒๖ ล้านบาท) เพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวไปจนถึงช่วงเดือนตุลาคม โดยมุ่งเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวแดนมังกรเดินทางมาเยือนสิงคโปร์เป็นเป้าหมายหลักเพียงแห่งเดียว

            ชางงี แอร์พอร์ต กรุ๊ป แถลงว่า สนามบินนานาชาติชางงีรองรับผู้โดยสารที่เดินทางมาจากจีนหรือจะเดินทางกลับจีนราวๆ ๑.๘๗ ล้านคนในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม  ๒๕๕๗ ลดลง ๑.๗% จากปีก่อนหน้า แต่เจ้าหน้าที่สิงคโปร์ยังปฏิเสธที่จะอ้างถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ในประเทศเพื่อนบ้าน….


            แปลความตามตัวคือ เห็นเพื่อนกำลังแย่กูกอบโกย

            และวานนี้ สิงคโปร์เป็นประเทศแรกๆ ที่แสดงท่าที

            กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ ออกแถลงการณ์ว่า มีความกังวลอย่างมากกับสถานการณ์ล่าสุดในเมียนมาและหวังว่าทุกฝ่ายจะใช้ความอดกลั้นในสถานการณ์ดังกล่าว

            ฟิลิปปินส์ ออกแถลงการณ์ว่า เป็นกิจการภายในที่ไม่ควรเข้าไปแทรกแซง สิ่งสำคัญคือความปลอดภัยของชาวฟิลิปปินส์ในเมียนมา

            ขณะที่สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา พูดชัดถ้อยชัดคำ การรัฐประหารในเมียนมา เป็นกิจการภายในของเมียนมา กัมพูชาไม่ออกความเห็นเกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศใดๆ ทั้งในกรอบอาเซียน หรือประเทศอื่นๆ

            ส่วนมาเลเซีย สนับสนุนให้ผู้นำเมียนมาเจรจากันต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบในแง่ลบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนและประเทศเมียนมา โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-๑๙

            อินโดนีเซีย เน้นย้ำว่าความขัดแย้งในการเลือกตั้งต้องแก้ไขด้วยกลไกทางกฎหมายที่มีอยู่ ยึดหลักการตามกฎบัตรอาเซียน

            ไม่มีอาเซียนประเทศไหนประณามเมียนมาอย่างที่สามสัสบีบให้รัฐบาลลุงตู่ทำ


            เพราะหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในเป็นหนึ่งในหลักการสำคัญของอาเซียน ที่ได้สะท้อนอย่างชัดเจนในกฎบัตรอาเซียน

            หลักการนี้ทำให้สมาชิกอาเซียนมีความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน เนื่องจากเห็นพ้องร่วมกันที่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของตน รวมทั้งแนวคิดที่ว่าปัญหาภายในประเทศไม่สามารถแก้ไขโดยมาตรการลงโทษจากภายนอก แต่ต้องได้รับการบริหารจัดการโดยปัจจัยภายในประเทศ

            หลักการนี้จะผิดถูกเป็นอีกเรื่อง แต่นี่คือเรื่องของอาเซียน

            ฉะนั้นไอ้ที่พ่นๆ กันว่าต้องประณาม โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย อย่าหลอกชาวบ้านครับ

            เพราะรัฐบาลพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย ต่างก็ยึดหลักการ ไม่แทรกแซงกิจการภายในมาโดยตลอด

            จึงไม่ใช่ปัญหาของรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของรัฐบาลอาเซียนทั้งหมด

            และถ้าก้าวไกล แน่จริง ก็เอาครับ มีอำนาจเมื่อไหร่แก้กฎบัตรอาเซียน อย่าแค่ตีกิน

            สมัยพรรคอนาคตใหม่ “ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์” ไม่ยอมบรรจุนโยบายแก้ ม.๑๑๒ ในพรรค

            พอพ้นจากเส้นทางอำนาจ กลับเสนอให้เลิก ม.๑๑๒

            กะล่อน!

ภาพจาก ไทยโพสต์



Written By
More from pp
จุรินทร์ รุกหนักนำกระทรวงพาณิชย์ลุยจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป มูลค่าวันนี้อีกเกือบ 7000 ล้านบาท
วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562 โรงแรมเซ็นทารา -ลาดพร้าว เวลา 9.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์...
Read More
0 replies on “ห่าลงพม่าอีแร้งลงไทย”