สายพันธุ์นักการเมือง – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ให้คะแนนกันหน่อย

                ฟังฝ่ายค้านซักฟอกรัฐบาลมาสามวัน ยังอยู่ในระดับตั้งกระทู้ถาม

  ไม่ถึงขั้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ

                เดี๋ยวจะหาว่าดูถูก!

                ลองเทียบตอน “หมอวรงค์” ซักฟอกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ซิครับ

                ระดับอนุบาลกับมหาวิทยาลัย

                ฝ่ายค้านซักฟอกรัฐบาลรอบนี้เป็นรอบที่สองแล้ว 

                รอบแรกไม่กระเทือน

                ไม่สมราคา “ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ” ที่ถือเป็นการทำหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

                “หมอวรงค์” ถล่มทุจริตจำนำข้าว 

                โชว์ใบเสร็จ จนสามารถจับคนโกงเข้าคุกเป็นฝูง

                ยึดทรัพย์กันระนาว

                บุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีพาณิชย์ ติดคุก ๔๘ ปี

                ภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ โดน ๓๖ ปี

                หมอโด่ง-พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขานุการบุญทรง คุก ๗๒ ปี

                เสี่ยเปี๋ยง ๔๘ ปี

                มนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ๔๐ ปี

                ทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ และอดีตรอง อธ.กรมการค้าต่างประเทศ คุก ๓๒ ปี

                อัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ และอดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ คุก ๒๔ ปี

                ที่เหลือยิบย่อยคุก ๑๐ ปีขึ้นเกือบทั้งหมด

                ส่วน “ยิ่งลักษณ์” หนี!

                บรรดากองเชียร์ฝ่ายค้านลองชั่งน้ำหนักดู ฟังมาสามวันได้อะไรบ้าง

                เอาล่ะ…ฝ่ายค้านบางคนมีข้อมูลพอใช้ได้ แต่ถามว่าพอที่จะจับโกงรัฐบาลได้หรือเปล่า?

                หลักฐานยังเบาไป

                แล้วถามว่ารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจโกงหรือเปล่า เท่าที่รู้ บางคนเอาเรื่องอยู่ ส.ส.ฝ่ายค้านตามหาข้อมูลกันให้ควั่กแต่วืด เพราะเอกชนไม่ไว้ใจ

                เกรงเสร็จนาฆ่าโคถึก

                นี่ขนาดรัฐมนตรีบางคนแผลเต็มตัว แต่ก็เอาไม่ลง

                สรุปคือฝ่ายค้านมือไม่ถึง!

                แต่ก็มีเรื่องอื่นให้ต้องบันทึกเอาไว้….

                ซักฟอกไม่ทันจบ เป็นคดีกันหลายคู่

                “แรมโบ้อีสาน” ฟ้อง “อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา ๑๔

                แจ้งความ ม.๑๑๒ เพิ่มอีกคดี

                แต่คู่เอกน่าจะเป็น “ลุงกำนัน” ฟ้อง “สุทิน คลังแสง”

                ประเด็นคือพาดพิงโครงการโฮปเวลล์

                หาว่า “ลุงกำนัน” กระทำการด้วยความประมาทเลินเล่อในกรณีโฮปเวลล์ ทำให้รัฐเสียหาย ๒๖,๐๐๐ ล้านบาท

                เด็กๆ รุ่นใหม่น้อยคนที่จะรู้จัก “โฮปเวลล์”

                เอาง่ายๆ ถ้าโครงการโฮปเวลล์สำเร็จลุล่วง รถไฟฟ้าสายแรกของไทยไม่ใช่บีทีเอส

                แต่เป็นโฮปเวลล์

                “สุทิน คลังแสง” ดีกรีขุนพลเพื่อไทย ดูเหมือนขยันครับ แต่ไม่ลึก

                ที่จริงถ้าสงสัยเรื่องโฮปเวลล์ น่าจะไปถามคนกันเองในเพื่อไทย

                “ประยุทธ์ ศิริพานิชย์” กับ “เฉลิม อยู่บำรุง” ๒ คนนี้อยู่ในพรรคกิจสังคม ยุคที่ “มนตรี พงษ์พานิช” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปี ๒๕๓๓

                ครับ…โฮปเวลล์ เกิดขึ้นในรัฐบาลน้าชาติ

                ลงนามในสัญญาโดย “มนตรี พงษ์พานิช”

                กำหนดแล้วเสร็จ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๒

                แต่ติดปัญหาการส่งมอบพื้นที่บริเวณริมทางรถไฟ บวกกับขาลงยุคทองเศรษฐกิจ  อสังหาริมทรัพย์ซบเซาลง โครงการจึงหยุดนิ่งอยู่กับที่ โผล่มาเพียงตอม่อริมถนนวิภาวดี

                ปี ๒๕๔๓ รัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน พบว่าสัญญาสัมปทานมีเงื่อนไขผูกขาด

                “นุกูล ประจวบเหมาะ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในขณะนั้น ล้มโครงการโฮปเวลล์ไปพร้อมๆ กับโครงการรถไฟฟ้าลาวาลิน

                รัฐบาลชวน หลีกภัย ๑ พยายามปัดฝุ่น แต่ก็ไม่ได้ไปต่อ ติดปัญหาแหล่งเงินกู้ และแบบก่อสร้าง

                ถัดมา ต่อมาในรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ มีมติบอกเลิกสัญญากับโฮปเวลล์ หลังหยุดก่อสร้างอย่างสิ้นเชิง

                รัฐบาลชวน ๒ เห็นว่าหลังดำเนินการก่อสร้างเป็นเวลา ๗ ปี มีความคืบหน้าเพียง ๑๓.๗๗% ทั้งที่ควรคืบหน้า ๙๐%

                กระทรวงคมนาคมในขณะนั้นจึงบอกเลิกสัญญาสัมปทานอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๑

                โดย สุเทพ เทือกสุบรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น 

                ตามมาด้วยการฟ้องร้อง

                และวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ศาลปกครองสูงสุดกลับคำพิพากษาศาลปกครองกลางให้บังคับคดี ให้บริษัท โฮปเวลล์ ชนะคดีตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการให้ภาครัฐจ่าย รวม ๑๑,๘๘๘ ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี

                รวมทั้งคืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า ๕๐๐ ล้านบาท

                และทั้งหมดนี้ “สุทิน คลังแสง” บอกว่าผู้รับผิดชอบคือ “สุเทพ เทือกสุบรรณ”

                ก็ควรฟ้องครับ!

                “มนตรี พงษ์พานิช” เป็นพี่ชายของ “เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” อดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร สามีของ “เจ๊เบียบ” ระเบียบรัตน์ 

                เป็นลุงของ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา ๑๐ ปี

                ที่จริงก็ไม่เกี่ยวอะไรกันหรอกครับ

                พี่น้อง ลูกหลาน อาจไม่เหมือนกัน

                แค่จะบอก “สุทิน คลังแสง” ว่า นักการเมืองกลุ่มไหน เป็นใคร เคยทำอะไรไว้บ้าง

                แล้วอย่าลืมนะครับ…ที่รัฐบาลเพื่อไทยทำเรี่ยราดไว้ ยังต้องตั้งงบประมาณชดเชยโครงการรับจำนำข้าว ปีละ ๒ หมื่นล้านบาท อีก ๑๒ ปี

                มันฉิบหายเพราะใคร?.

Written By
More from pp
“สมพงษ์-ฐนภัทร-สุรศักดิ์” 3 ส.ส. พลังประชารัฐ ในฐานะกมธ.วิสามัญศึกษาปัญหาที่ดินฯ ลงพื้นที่เยือนสระแก้ว เร่งแก้ไขปัญหาที่ดินและการออกเอกสารสิทธิในที่ดิน เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีกรรมสิทธิที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง
นายสมพงษ์ โสภณ ส.ส. จังหวัดระยอง เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาที่ดินและการออกเอกสารสิทธิในที่ดิน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย...
Read More
0 replies on “สายพันธุ์นักการเมือง – ผักกาดหอม”