“เอากันด้านๆเลยนะ…จาน” -เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ไฮยีนาแห่งดงดิบมหา’ลัย แห่ออกมาเป็นฝูง!
เผยตัวตนให้เห็นชัดๆในราวป่าวิชาการเมื่อ

วาน (๒๖ มีค.๖๔) นับได้กว่า ๒๓๐ ตัว

ออกมาทำไม?
ก็ตามสูตรเดิม ใช้คราบจานมหา’ลัยหากินทางเข้าชื่อเป็นบัญชีหาง….(ใครอยากให้เป็นหางอะไรเติมกันเอาเอง) กดดันจุฬาฯ

ดาหน้ามาเป็นฝูง คงนึกว่าใหญ่ชิบ…!
ชาวบ้านเห็นต้องขี้หดตดหาย สยบนบนอบ ไม่ว่าพวกเขาทำอะไร จะต้องถูก ต้องใช่ ต้องยอมตามพวกเขาทั้งนั้น
เพราะพวกเขา “ไม่ใช่คน”

แต่เป็นศาสตราจารย์บ้าง ดอกเตอร์บ้าง อาจารย์บ้าง สิงสถิตหากินตามมหา’ลัยต่างๆ

อย่างชาญวิทย์งี้ หน้ายาว ด้วยคำว่า ศ.(พิเศษ) ดร. แล้วยังต่อหางยาวด้วยคำว่า  “อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์”

ความที่ไม่ใช่คนนี่แหละ….
พวกหน้ายาว-หลังยาวเหล่านี้ จึงชักนำคนไปในทางที่ “คนมีสำนึกในคน” เขาไม่ทำกัน

ตอนระบอบทักษิณครองเมือง ไม่มีนักวิชาการ ไม่มีจานมหา’ลัยคนไหนออกมาเห่า
นอกจากหอนสรรเสริญคุณน้ำข้าวทักษิณอย่างเดียว

เพราะอะไร เพราะทักษิณฉลาด เอาพวกออกจากป่า ๖ ตุลา.มาขุนเลี้ยงเป็นมือ-เป็นตีนทำงานให้พรรค ช่วยทำให้ระบอบทักษิณครองเมือง

กลุ่ม ๖ ตุลา.เติบโตอยู่ในหลายสาขาอาชีพ โดยเฉพาะสายครูบาอาจารย์ กระจายไปตามมหา’ลัยทั่วประเทศ

นอกจากกลุ่ม’จารย์ ยุคทักษิณยังส่งไปกินตำแหน่งตามภาครัฐ องค์กรภาครัฐ และองค์กรเอกชนกึ่งรัฐ

ฉะนั้น จะเห็นว่า ตลอดระยะเวลาระบอบทักษิณครองเมือง ไม่ว่ายุคสมัคร ยุคสมชาย ยุคยิ่งลักษณ์ ที่เป็นร่างทรง
จะไม่เห็นหัวนักวิชาการ เอ็นจีโอ โผล่ออกมาประท้วง มาเดินขบวน มาชุมนุม อย่างที่เป็นในยุคนี้

นอกจากออกมา “ยกไข่-ประคองแคม”!
ถามว่า รัฐบาลทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ดีกว่า โปร่งใสกว่า ทำเพื่อชาติ เพื่อประชาชน เหนือกว่ารัฐบาลประยุทธ์งั้นหรือ?

ไม่ต้องตอบก็ได้ คนไม่เสีย แต่จะเสียหมา
กับทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ถึงขั้นติดดาว “เลวระดับโลก” แต่พวกจานเหล่านี้ กลับหูหนวก-ตาบอด ไม่ได้ยินและไม่เห็น

จมูกอย่างเดียวที่ได้กลิ่น คือกลิ่น “เงิน”!?

เมื่อทราบอย่างนี้ ก็ไม่ต้องถามกันอีกว่า เพราะอะไร พวกจานจึงยึดมหา’ลัยเป็นรังโจร ฝึกปรือนิสิต-นักศึกษาให้ออก “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน”

“ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” นั่นเป้าใหญ่อยู่แล้ว
เป้ารองเขาก็ทำกันเป็นขั้นตอนคู่ขนานกันไป เช่น ผนึกกับกลุ่มพรรคการเมือง กลุ่มเอ็นจีโอ แก้รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๕๖
เปิดประตูไปตั้่งสสร. “เขียนใหม่ทั้งฉบับ” แทนรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน

ถามว่า จำเป็นนักหรือ ที่ต้องฉีกของปัจจุบันทิ้ง แล้วเขียนใหม่?

คำตอบคือ “จำเป็นอย่างยิ่ง” สำหรับพวกจาน นักวิชาการ พรรคการเมือง “ทาสระบอบทักษิณ”!

อ้างเรื่องสว. เรื่องวิธีการเลือกตั้ง ต่างๆ นาๆ ว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องแก้
แต่ลึกๆ แล้ว ไม่ใช่ แค่ยกอ้างกลบเกลื่อนเป้าหมายแท้จริงเท่านั้น

เป้าหมายแท้จริงของเขา คือ….
ที่ต้องการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทิ้ง ก็เพื่อ “คลายมัดตราสัง” ให้พวกสัมภเวสีทักษิณนั่นเอง

คือฉีกรัฐธรรมนูญปุ๊บ ส่งผลถึง “กฎหมายลูก” อีก ๑๐ ฉบับ ต้องถูกฉีกทิ้งตามไปปั๊บ
กฎหมายลูกนี่แหละเป็นสายสิญจน์มัดตราสังอยู่

-พ.ร.ป.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง
-พ.ร.ป.วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ
-พ.ร.ป.การป้องกันและปราบปรามการทุจริต

เนี่ย…แค่ ๒-๓ ฉบับนี้ไม่มี

คดีของพวกโกงบ้าน-กินเมืองที่หนีไปเสวยสุขอยู่นอกประเทศก็ “หมดอายุความ”
แห่กลับบ้านได้เท่ๆ เป็นแถว โดยไม่ติดคุก

แล้วมาเข้าสู่วงจรอำนาจใหม่….
ลงสมัครสส.เป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรีกันต่อ ศาลรัฐธรรมนูญไม่มี ปปช.ไม่มี กฎหมายจัดการพวกนักการเมืองโกงก็ไม่มี เรียกว่า “หมดก้างขวางคอ”

ถ้าสำเร็จตามนี้…….
พวกมันตะโกน “บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย” ทันที!

เมื่อระบอบทักษิณกลับครองเมือง พวกจานแก๊งล้มเจ้าจะได้การอุ้มชูฟูฟัก อู้ฟู่ด้วยอามิส ด้วยตำแหน่ง แบ่งกันถ้วนหน้า

ไม่ครบ ไม่เป็นไร….
จัดสรรงบประมาณ ตั้งหน่วยงาน องค์กรใหม่ เรียกว่ามีเมืองให้ครอง อิ่มหมีเป็นหมูจมรำกันทุกตัว

ยิ่งพวกเอ็นจีโอด้วยแล้ว จะยิ่งกว่า ๒๔๙๙ อันธพาลครองเมือง!

การ “ล้มสถาบัน” เปลี่ยนจากพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไปเป็นระบบสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีขึ้นครองแทน นั้น

เมื่อการฉีกรัฐธรรมนูญสำเร็จ เท่ากับสำเร็จไปครึ่งแล้ว

การล้ม…
ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!

ครับ…ก็คุยซะยาว ยังไม่ได้บอกเลยว่า พวกจานยกฝูงออกมาทำไมกันตั้งสองสามร้อย
มาด้วยการ “เข้าชื่อ” ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง….
“นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” และ “อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” กรณีตั้งกรรมการสอบสวน “นายณัฐพล ใจจริง”

อ่านอารัมภบทเขาหน่อยละกัน จะได้เข้าใจ….

ตามที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ปริญญารัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตของนายณัฐพล ใจจริง ปีการศึกษา 2552

เรื่อง “การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงครามภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา(พ.ศ. 2491-2500)”

โดยเริ่มต้นจากการที่บุคคลกลุ่มหนึ่งได้ตรวจสอบการอ้างอิงในเล่มวิทยานิพนธ์ดังกล่าว จนร้องเรียนมายังบัณฑิตวิทยาลัย และนำไปสู่การออกคำสั่งระงับการเผยแพร่วิทยานิพนธ์

การดำเนินการเพื่อถอดถอนปริญญา การตั้งกรรมการสอบแบบปิดลับ การเคลื่อนไหวโจมตีของสมาคมและเครือข่ายต่างๆ

อาทิ สถาบันทิศทางไทย กลุ่มจุฬาฯพิทักษ์ธรรม มาจนกระทั่งการฟ้องร้องคดีแพ่งของตัวแทนราชสกุลรังสิต ต่อนายณัฐพลผู้เขียน รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ และสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้ตีพิมพ์เผยแพร่
นักวิชาการ 239 คน นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา 25 คน และบุคคลในสาขาอาชีพอื่นอีก 15 คน ดังมีรายชื่อข้างท้ายจดหมายฉบับนี้

รู้สึกกังวลใจอย่างยิ่ง กับการดำเนินการตั้งแต่ต้นของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และขอเสนอข้อคิดเห็นประกอบการพิจารณาและตัดสินใจของผู้บริหารมหาวิทยาลัยและผู้มีอำนาจหน้าที่ในกรณีดังกล่าว ดังต่อไปนี้….

ก็ร่ายยาว อุ้มช้างลอดรูเข็ม ไป ๗ รอบเขาพระสุเมรุ แล้วลงท้ายให้เห็น ๒๓๙ ลิ้นไก่จานพวกนี้ ว่า…..

“อาศัยเหตุอันได้แสดงมาโดยลำดับ พวกเราจึงขอเรียนมายังท่านเพื่อโปรดพิจารณา

“ยุติการสอบสวน”

กรณีวิทยานิพนธ์ของนายณัฐพล ใจจริง เพื่อธำรงเกียรติภูมิแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันอุดมศึกษาของประเทศ
ขอแสดงความนับถือ
…………………………….

อืมมมม…อ่านเหตุผลเขาแล้วแสบสีข้าง จนอยากร้องว่า
“ขมวดหางได้ทุเร้ศ..ทุเรศ”!

 

 

Written By
More from plew
ลับแล “เมืองไทย” ในดรามา
วันนี้ มีเรื่องน่าสนใจ ๒ เรื่อง เรื่องแรก ๔ ยอดกุมาร “อุตตม-สนธิรัตน์-สุวิทย์-กอบศักดิ์” ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค “พลังประชารัฐ”
Read More
0 replies on ““เอากันด้านๆเลยนะ…จาน” -เปลว สีเงิน”