โควิด “รหัสลับ” รอบ ๓๐ ปี – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

เรื่อง “โรคระบาด” นั้น
มันมีพร้อมกับมนุษย์มีในโลกใบนี้แล้วหละ ถึงวงรอบที มันก็มาที มาทำหน้าที่ “บิ๊ก คลีนนิ่ง เดย์” สังคมมนุษย์โลก
ฉะนั้น ตื่น-ตกใจได้
แต่ไม่ควรใส่สี-ตีไข่ ดรามาไอที กันไปจนเวอร์!
โวยวาย โทษคนโน้น-ด่าคนนี้ ด่าหมอ ด่าพยาบาล ด่าคนทำงาน เอาถึงขั้นว่า “ระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลว” แล้ว
จนกระทั่ง ด่ารัฐบาล-ไล่นายกฯ เผลอๆ ด่าตัวเองด้วย!
หมอกับหมอ รัฐบาลกับรัฐบาล ฟัดกันเองก็มี
ซึ่งดูแล้ว แสดงว่า การระบาดโควิดรอบนี้ หนักหนาสาหัส ถึงขั้นทำให้ทุกคน-ทุกฝ่าย “สติแตก”

นึกย้อนไปสมัย “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” ขณะสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อปี “พ.ศ.๒๓๒๕”
ถ้าบรรพบุรุษเรายุคนั้น “สติแตก” ยังจะมีประเทศไทยเหลืออยู่ให้พวกเราได้ด่า-ได้ “ชังชาติ” กัน ถึงวันนี้หรือไม่ ก็ไม่แน่ใจ?

คิดดูซิ….
กำลังขุดดิน-ขุดหลุม ลงหลักปักฐานราชธานีประเทศอยู่แท้ๆ พม่าก็ยกทัพมาตี ทีเดียว ๙ ทัพ ทั้งเหนือ-ใต้-ออก-ตก
ไม่ใช่ครั้งนั้น “ครั้งเดียว” นะ
ระหว่าง “สร้างบ้าน-สร้างเมือง” ประเทศยังไม่มีอะไรพร้อม แต่พม่ายกทัพมาตีเมืองไทย ต่อเนื่อง ถึง ๗ ครั้ง!

-ด้วยกำลังทหารไทยน้อยนิด
-ด้วยชาวบ้านอันเป็นแนวหลังที่อ่อนล้า ยังไม่ฟื้นสภาพบ้านแตกสาแหรกขาดดีนัก
แต่ด้วยทั้งผู้นำและผู้ตาม “สติมั่น” ทุกคน-ทุกฝ่าย “ชาติ-ปฐพี” รวมใจ

“พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” ทรงกำหนดยุทธศาสตร์ทัพ วางแผน-วางระบบ อย่างที่นักธุรกิจปัจจุบันเรียกว่า Connect the dots
เชื่อมแต่ละจุด ระหว่าง “แนวหน้า-แนวหลัง” ในกรุงและหัวเมือง แยกย่อยเป็นตาข่าย ก่ายประสานถึงกันหมดอย่างน่าทึ่ง

พม่ากำลังพลนับแสน ยกมากี่ครั้ง-กี่ครา จึงถูกทหารและชาวบ้านไทยที่ “กำลังน้อย” แต่เหนียวแน่นด้วยแผนและสามัคคี
ยันหงายท้อง-หงายไส้ เตลิดกลับพม่าไปทุกครั้ง!

จากปี พศ.๒๓๒๕ จนถึงปี พศ.๒๓๕๕ ที่พระเจ้าปดุงยกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่ ถูก “สามัคคีไทย” อัดกลับไปอีก

นั่นแหละ เป็นสงคราม พม่า-ไทย ครั้งที่ ๗ “ครั้งสุดท้าย” พม่าก็เข็ดขี้อ่อน-ขี้แก่ ไม่กล้ามาราวีกับไทยอีกเลย
“จบสิ้นกันไป” แต่นั่น เป็นเวลา ๓๐ ปี
จาก ๒๓๒๕ ถึง ๒๓๕๕ ที่ “พม่ารบไทย” ตลอดรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก “ปฐมราชวงศ์จักรี”
จะเห็นว่า แม้บ้านเมืองอยู่ในภาวะ “ไม่พร้อม”

ไหนจะย้ายราชธานีจากฝั่งธนฯ มาสร้างราชธานีใหม่ฝั่งพระนคร ไหนจะกำลังพลน้อยนิด กรำศึกไม่เคยว่างเว้น
ไหนจะชาวบ้าน “แนวหลัง” ที่ยังไม่ทันได้ปักหลัก และไหนจะเงินในท้องพระคลัง-เสบียงกรัง ก็แทบไม่มี

แต่ในความ “ไม่พร้อม” ร้อยแปด นั้น
คนไทยยุคนั้น กลับพร้อม “สามัคคี-มีใจให้ชาติบ้านเมือง”

“รัฐ-ราษฎร์” ผนึกสู้ “สติเป็นหางเสือ-สามัคคีเป็นพลัง-ไม่ชังชาติเป็นปัญญา”
ทหารรบในแนวหน้า, ชาวบ้านเป็นหูเป็นตา ทำหน้าที่เป็นแนวหลัง นำชาติรอด ชาวประชาจำเริญวัฒนา ถึงวันนี้
ส่วนพรุ่งนี้ ไม่รู้….

เพราะ “อนาคตชาติ” ขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคนวันนี้ จะเข้าใจคำว่า “อนาคตชาติคืออนาคตประชาชาติ” มากน้อยแค่ไหน?

เนี่ย…
ผมดูสถิติประเทศไทย แต่ละรอบ ๓๐ ปี รัตนโกสินทร์ จะต้องมีเหตุร้ายแรงอุบัติ
รอบ ๓๐ ปี ช่วง ๒๓๒๕-๒๓๕๕ รบทัพจับศึกแล้ว ก็ตามด้วยโรคระบาดใหญ่ ถึงขั้นต้องมีพระราชพิธี “อาพาธพินาศ”

เรื่อง “โรคระบาด” บ้านเรา
“พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก” เขียนในมติชน ออนไลน์ หลายวันก่อน ท่านเรียบเรียงไว้เป็นข้อมูลน่าเรียนรู้ยิ่ง

พ.ศ.๒๓๖๓ “ปีมะโรงห่าลง” มีคนตายราวสามหมื่นคน จน “อีแร้ง” เบื่อศพไปนาน
ห่างมาอีก ๓๐ ปี พศ.๒๓๙๒ “ปีระกาห่าลง” อีก ตาย ๕ พันกว่าคน เฉพาะ ๒๓ มิย.วันเดียว ตายถึง ๖๙๖ คน!

ห่างมาอีกในรอบ ๓๐ ปี ห่าลงอีก คราวนี้ลงถึง ๒ ครั้ง ใน พศ.๒๔๑๕ และ พศ.๒๔๒๔
รัชสมัย รัชกาลที่ ๕ เป็นยุค “ปฏิรูปประเทศ” สู่แบบแผนตะวันตก ต่อเนื่องจากรัชกาล ที่ ๔

การสาธารณสุขไทยเข้าสู่ระบบใหม่แล้ว ถึงกระนั้น ก็ยังตายยับ-ตายย่อย
“พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ ๕ ทรงครองราชย์ยาวนานถึง ๔๒ ปี

เมื่อนับจาก ปี ๒๔๑๕-๒๔๔๕ ในรอบ ๓๐ ปีนี้ คนไทย-ประเทศไทย สูญเสียร่วมกันเจ็บปวดแม้ถึงวันนี้ก็ยังไม่คลาย

จากปี ๒๔๓๐ ถึงปี ๒๔๕๑ “ยุคล่าเมืองขึ้น” ไทยต้องเสียดินแดนให้ฝรั่งเศสไป ถึง ๕ ครั้ง

ที่ “ฝรั่งเศส” ปล้นเอาจากไทยเราไป ก็มี
-แคว้น ๑๒ จุไทย (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ของประเทศเวียดนาม มีอาณาเขตทิศเหนือ ติดต่อกับแคว้นตังเกี๋ย และภาคใต้ของประเทศจีน

ทิศตะวันออกติดต่อกับแม่น้ำดำ ทิศตะวันตกติดต่อกับเขตหัวพัน (ซำเหนือ) ประเทศลาว มีเมืองแถง (แถน) หรือเดียนเบียนฟู เป็นเมืองดั้งเดิมของดินแดน

“สิบสองจุไท” หมายถึง สิบสองเขตแดนของไทย หรือสิบสองเจ้าไท-บ้านจอมยุทธ)

-ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง (ประเทศลาว) ด้านตะวันออกแม่น้ำโขง (อาณาจักรล้านนา)
-ฝั่งขวาแม่น้ำโขง (ดินแดนด้านตะวันออกเมืองน่าน)
-ตะวันตกแม่น้ำโขง (จำปาสัก-เมืองมโนไพร) แลกเอาจันทบุรีกลับมา
-มณฑลบูรพา (ศรีโสภณ-เสียมราฐ-พระตะบอง) แลกเอาเมืองตราด เกาะกง และอำนาจศาลไทยในการบังคับคนที่อยู่ในบังคับฝรั่งเศสในประเทศไทย กลับมา
ที่ “อังกฤษ” ใช้อำนาจบีบเอาไปจากไทย ก็มี
-รัฐกลันตัน-ตรังกานู-ไทรบุรี และปะลิส โดยเราแลกเอาอำนาจศาลไทยที่ใช้บังคับคนในบังคับอังกฤษในไทยกลับมา

ไล่เลียงต่อไปก็ได้ ว่าในแต่ละวงรอบ ๓๐ ปีของกรุงรัตนโกสินทร์ มีเหตุวิบัติอะไรที่แรงๆเกิดขึ้นอีกบ้าง

นับจาก ปี ๒๔๔๕ ก็ไปตกที่ปี พศ.๒๔๗๕
“คณะราษฎร” ยึดอำนาจพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เป็นระบอบประชาธิปไตย นั่นไง

ในวงรอบ ๓๐ ปี ต่อจากนั้น ทั้งห่าลง ทั้งไข้หวัดใหญ่ระบาด ในปี ๒๕๐๑-๐๒ ยังจำได้ ล้นโรงพยาบาล มานอนเกลื่อนตามพื้นหญ้า-พื้นถนน หน้าโรงพยาบาล

อีก ๓๐ ปี ก็ตกปี พศ.๒๕๓๕ ก็พฤษภาทมิฬ ใช้หากินทางกวนเมืองได้ถึงวันนี้

และอีก ๓๐ ปี ห่าไม่ลง…..
แต่ “โควิดลง” ๒๕๖๓-๖๔ ติดพันถึง ๖๕ คาตา-คาเตียง ด่ากัน โทษกัน รัฐบาล-เจ้าหน้าที่ “ผิดหมด”

ยกเว้น “กูคนเดียว” ไม่ผิด ขณะนี้ นี่ไง!

ที่ร่ายสั้น-ร่ายยาว อยากให้นำไปคิดว่า สถานการณ์นี้ มันไม่ใช่เวลาที่ใครจะมาด่าใคร-โทษใคร หรือไม่?

มันไม่เกิดประโยชน์ทางแก้ไขหรอก ควรมา “ช่วยกันคิด-ช่วยกันทำ” นั่นแหละเป็นทางแก้ไข พาสังคมชาติรอด

วัคซีน ๑๐๐ ล้านโดส และจะมากกว่านั้น ทยอยเข้ามา จากพฤษภา.ถึงธันวา.คนไทย กว่า ๗๐% ได้ฉีดกันครบคนละ ๒ เข็มแน่นอน

ฉะนั้น สงบจิต-สงบใจกันบ้าง เราทุกคนช่วยเตะเจ้าโควิดให้พ้นไปจากตัวเราได้
แค่ไม่ออกไปอยู่รวมกันมากๆ จะไปไหน ก็สวมหน้ากากอนามัยไว้อย่าให้ขาด แค่นี้ ก็ป้องกันได้ ชนิด ๙๙% ไม่ฉีดก็ยังไหว

สัปดาห์ท้ายของเดือนเมษา.เป็นสัปดาห์สุดท้ายของโควิด “ออกดอก” แล้ว
รู้ถึงรอบ ๓๐ ปี ก็ควรรู้แบบวิตก-วิจารณ์ คือยกโจทย์มาตีให้แตก ถ้าแตก เท่ากับ “แจ็กพ็อต” เพื่อการจำเริญชาติมาถึง
๓๐ ปี ของโควิดระบาด คือสัญญานบอกให้ “ผู้บริหารประเทศ” ว่าถึงรอบ “ดิสรัปท์” ระบบบริหารราชการแผ่นดินแล้ว!

สามัคคีรวมพลัง “ราษฎร์-ร่วมรัฐ, รัฐ-ร่วมราษฎร์” เกิดเป็นนิมิตให้เห็นแล้ว

รัฐ-โดยนายกฯ ประยุทธ์ ราษฎร์-CEO ชั้นนำประเทศ โดย “สนั่น อังอุบลกุล” ประธานหอการค้าไทย
ผนึกกำลัง จัดหาวัคซีน, กระจายวัคซีน, ฉีดวัคซีน ตามยุทธศาสตร์ Connect the Dots จากปลายพฤษภา.ถึงธันวา.กว่า ๗๐% ต้องได้ฉีดครบ

“ทัพนักธุรกิจ” ที่สมทบ “ทัพหลวง” ทำศึกพิชิตโควิดเพื่อเปิดประเทศ บันทึกนามไว้ ดังนี้

1.บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด 2. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG 3. บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SITHAI

4. บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS 5. บริษัท ซี แวลู จำกัด (มหาชน) หรือ SEA VALUE 6. บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN

7. บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC 8. บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW 9. บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC

10. บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด 11.บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด 12.บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE 13.บริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด
14. บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด 15. บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ Thai Bev

16. บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU 17.บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) 18. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 19. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 20. ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)

21. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 22. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 23. บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM 24. บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH 25. บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIGC

26.COSO Foods Thailand & Vietnam of Pepsi Cola (Thai) Trading Co., Ltd. 27. บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) 28. บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด 29. บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL
30. บริษัท โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท จำกัด 31. บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH

32.บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) 33.บริษัท สยามพิวรรธน์ 34. บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด 35. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ MERCHANT 36. บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด เทสโก้ โลตัส ประเทศไทย

37. บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC 38. บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด หรือ IBM 39. บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือ MBK Group 40. บริษัท เฟซบุ๊ก (ประเทศไทย) จำกัด 41. บริษัท กูเกิล (ประเทศไทย) จำกัด

42. บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Kao Industrial 43. บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO
44. บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT และ 45. บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด หรือ Nestle

ทราบชื่อไปก่อน ที่เขาแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ-แบบแผน บ่งถึงวิสัยทัศน์บริหาร ระดับ CEO ภาคเอกชน ที่ภาครัฐควรศึกษา ค่อยนำมาคุยวันหลัง

วันนี้ ยาวมากไป จนไทยโพสต์ หน้า ๘ เขาไม่ให้ลง ก็เลยเลี่ยงเอามาแปะไว้ที่ www.plewseengern.com เว็บ “เปลว สีเงิน” นี่แหละ

แปลง “ด่า” เป็น “หน้ากาก” ครอบจมูก-ครอบปากไว้
“ชาติพ้นภัย” แน่นอน!

Written By
More from plew
“กรุงเทพเมืองฟ้าอมร”-เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน การ “พาดหัวข่าว” นี่ “พลาด” นิดเดียว ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่, ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นเรื่องได้ ชนิด “เปลี่ยนโลก” ถึงขั้นนั้น
Read More
0 replies on “โควิด “รหัสลับ” รอบ ๓๐ ปี – เปลว สีเงิน”