อย่าเพิ่งนับศพทหาร-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

วันก่อนประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง โดนตบหน้า ชาวคณะสามนิ้วกิ๊วก๊าวกันใหญ่

            น่าจะเกิดที่เมืองไทยบ้าง

อยากเห็น “ลุงตู่” ถูกตบ

            ให้หลัง ๔ วันศาลฝรั่งเศส ตัดสินจำคุก “ดาเมียน ตาเรล” หนุ่มมือตบวัย ๒๘ ปี เป็นเวลา ๑๘ เดือน แต่โทษ  ๑๔ เดือนให้รอลงอาญา   

            ที่เหลือ ๔ เดือนคือเข้าไปชดใช้แรงตบในคุกทันที

            ตามข่าวบอกว่ามือตบรายนี้ คลั่งไคล้ประวัติศาสตร์ยุคกลาง

            ระหว่างให้การในศาล “ดาเมียน ตาเรล” แสดงความเห็นใจขบวนการ “เสื้อกั๊กเหลือง” ที่ต่อต้านรัฐบาลมาครง

            เขาและเพื่อนสองคนเคยคิดกันว่า จะปาไข่หรือพายครีมใส่ศีรษะของประธานาธิบดีระหว่างมาเยือนจังหวัดโดรมครั้งนี้

            และบอกกับศาลว่า “มาครงเป็นตัวแทนความเสื่อมถอยของประเทศเรา”

            “เอมมานูเอล มาครง” เป็นผู้นำฝรั่งเศส ในยุคที่โลกพากันชื่นชมเทรน “ผู้นำรุ่นใหม่” 

            จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา

            เซบาสเตียน เคิร์ซ นายกรัฐมนตรีออสเตรีย

            จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์

            เกือบรวมถึง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เข้าไปด้วย

            ครับ…การที่ “ดาเมียน ตาเรล” คลั่งไคล้ประวัติศาสตร์ยุคกลาง ทำให้นึกถึง “ปิยบุตร แสงกนกกุล” นี่ก็คลั่งไคล้ประวัติศาสตร์ยุคกลางไม่แพ้กันสักเท่าไหร่

            “เอมมานูเอล มาครง” มาจากการเลือกตั้ง ทุกวันนี้ร่อแร่ 

            ถึงขนาดพวกคลั่งประวัติศาสตร์ยุคกลางตบหน้าเอาดื้อๆ

            แล้วรัฐบาลลุงตู่ จะไปเหลืออะไร

            ความคลั่งไคล้ในประวัติศาสตร์ยุคกลาง มาพร้อมกับความต้องการโค่นล้มระบอบกษัตริย์ พัฒนาเรื่อยๆ มาจนกลายเป็นอยากโค่นล้มทุกคนที่คิดไม่เหมือนตัวเอง

            นั่นเพราะถือตัวว่า ตัวเองเป็นศูนย์กลางความรู้ด้านการปกครองทั้งมวล

            และอยากให้เป็นอย่างที่ตัวเองคิด 

            ฉะนั้นอย่าแปลกใจที่ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” หรือพวกคลั่งประวัติศาสตร์ยุคกลางบางคน มักจะหงุดหงิด กระสับกระส่ายกับระบอบการปกครอง หรือแม้กระทั่งรัฐบาลในประเทศตัวเอง

            ส่วนเรื่องคณะสามนิ้วสะใจกับการใช้ความรุนแรง อยู่ในข่ายที่เข้าใจได้

            ไม่ต่างการเมืองยุคกลางฆ่าฟันแย่งชิงอำนาจกันเป็นผักเป็นปลา 

            การซึมซับว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองต้องใช้ความรุนแรง มันเกิดขึ้นกับม็อบรุ่นใหม่ที่เพิ่งผ่านไป

            ไม่เฉพาะในไทย ฮ่องกง ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างว่า แนวคิดใช้ความรุนแรงเพื่อเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไปสู่ประชาธิปไตยเต็มใบนั้น ในโลกปัจจุบันกำลังกลายเป็นเรื่องล้าหลัง

            และไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง

            มาเรื่องวัคซีน ทำไปทำมาจะกลายเป็นมหกรรมปีนเกลียวระหว่างประเทศ

            ไต้หวันดินแดนที่พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้าเชิดชูว่าจัดการกับการระบาดไวรัสโควิด-๑๙ ได้ดี และไทยควรเอาแบบอย่าง               

            วันนี้เป็นไงครับ

            บอกแล้วว่าศึกโควิดถ้ายังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพ

            “ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน” ของไต้หวัน บอกกับสื่อที่โน่นว่า  

                “ตอนนี้สถานการณ์การระบาดของไทยกำลังรุนแรง  พวกเขาจึงเอาวัคซีนไปใช้ในไทยก่อน”

            เรื่องคือว่า…ตอนนี้โควิดระบาดหนักในไต้หวัน ตั้งแต่กลางเดือนที่แล้ว ตัวเลขติดเชื้อวานนี้ (๑๑ มิถุนายน) เบาลงมาหน่อย ๒๕๗ ราย

            ประเด็นสำคัญคือ ไต้หวันขาดแคลนวัคซีนอย่างรุนแรง

            การเมืองภายในไต้หวันก็แรงตามไปด้วย 

            ทางออกของ “ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน” จึงลงที่ไทย  เพราะจองวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ๑๐ ล้านโดส ผลิตในประเทศไทยเอาไว้ ซึ่งต้องส่งมอบภายในเดือนนี้

            แต่ยังไม่ถึงไต้หวัน

      ไต้หวันมีประชากร ๒๓.๕ ล้านคน

            ฉีดวัคซีนโดสแรกแล้วมีเพียง ๓% เท่านั้น

            ก็เท่ากับประธานาธิบดีไต้หวันโบ้ยความผิดพลาดมาที่ไทย

            คงต้องทำความเข้าใจกันใหม่ครับ

            แอสตร้าเซนเนก้า คือเจ้าของวัคซีน สยามไบโอไซเอนซ์คือผู้รับจ้างผลิต

            การจัดส่งวัคซีนตามสัญญาเป็นหน้าที่ของ แอสตร้าเซนเนก้า

            รัฐบาลไทย กระทรวงสาธารณสุข ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้

            ดูกรณีวัคซีนล็อตที่ต้องส่งมอบให้ไทยวันที่ ๑๔  มิถุนายน เป็นตัวอย่าง ทางแอสตร้าเซนเนก้า ขอเลื่อนส่งมอบเป็น ๑๖ มิถุนายนแทน

             เรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ครับ

            โดยเฉพาะการผลิตล็อตแรกๆ ด้วยแล้ว อาจมีความล่าช้าเกิดขึ้นบ้างเป็นธรรมดา ฉะนั้นวัคซีนไม่ขาด เพียงแต่ปริมาณยังไม่มากพอเท่านั้นเอง

            และจากคำให้สัมภาษณ์ของ อนุทิน ชาญวีรกูล ก็ชัดเจนในเรื่องนี้ระดับหนึ่ง

                “ในกรณีที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าตามแผน ซึ่งไม่ต้องกังวล เนื่องจากมีสัญญาในการจัดส่งให้ไทยทุกสัปดาห์ ตามสัญญา 

                ส่วนวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ที่จัดส่งให้ประเทศต่างๆ ในอาเซียนถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นความภาคภูมิใจที่วัคซีนผลิตในประเทศได้ไปช่วยต่างชาติ”

            สำหรับคนไทยคงสบายใจขึ้นได้ระดับหนึ่งว่า มีวัคซีนเพิ่มทุกสัปดาห์

            ส่วนประเทศอื่นที่สั่งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จากโรงงานสยามไบโอไซเอนซ์ ถูกเลื่อนการส่งมอบในระยะแรกนี้ก็เป็นปัญหาคล้ายกับไทย

            วัคซีนยังออกจากโรงงานได้น้อยอยู่ ไม่มีใครขวางใครครับ

            ไทยไม่ได้กั๊กวัคซีน

            เพราะที่ส่งมอบแล้วก็ยังไม่พอ

            ประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกาต่างหาก กักตุนวัคซีนจนล้น พอใกล้หมดอายุเล่นบทพ่อพระไล่บริจาคประเทศอื่น

             วัคซีนโควิด ดูเหมือนไม่มีอะไรครับ แต่เนื้อในปัญหาเพียบ เหตุผลง่ายๆ วัคซีนยังมีน้อย แต่ความต้องการทั่วโลกมีมากกว่าหลายเท่าตัว

            กรณีในไทยที่ด่ากันขรม ก็เพียงหนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก

            แต่ไทยดีหน่อยตรงที่ มีโรงงานผลิตในประเทศ

            และรัฐบาลทำสัญญาซื้อมาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่วิ่งหาเอากลางทางแบบที่ไต้หวันทำ

            ถ้าบอกว่าแทงม้าตัวเดียว

            ม้าตัวนี้นี่แหละครับจะพาประเทศไทยพ้นจากโควิดก่อนหลายๆ ประเทศที่ไม่ได้เตรียมการที่ดีพอตั้งแต่ต้น

            สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร

Written By
More from pp
ลงนามความร่วมมือ
ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ พร้อมด้วย นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ ดร.วีริศ อัมระปาล...
Read More
0 replies on “อย่าเพิ่งนับศพทหาร-ผักกาดหอม”