โควิดคือ “ชีวิตจริง” พรุ่งนี้ – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

รัฐบาลเขาให้ “ปิดเฉพาะจุด”
แต่พอ “ราชกิจจานุเบกษา” ประกาศเป็นข้อกำหนดออกมา ก็ไปพูด ไปพาด ไปโพสต์กันเป็นว่า
ประกาศ “ล็อกดาวน์กรุงเทพฯ” บ้าง
ล็อกดาวน์ตอนตี ๑ เตรียมของสดไว้แล้วจะทำยังไงบ้าง
การปิดแคมป์ เท่ากับ “ส่งออกโควิด” ไปยังต่างจังหวัดบ้าง
ปิดเฉพาะจุดทำเห้….อะไร …
ทำไมไม่ล็อกดาวน์กรุงเทพฯไปเลยบ้าง?
เออ…ราชกิจจาฯจะออกตีไหน ไม่เกี่ยวของสด-ของแห้งหรอก ดัดจริตลากไปเทียบ “กฎหมายเหมาเข่ง” ตอนตี ๔ เพื่ออะไร?
จะเบี่ยงประเด็นไปถึงไหน ก็แหกตาอ่านซิ เขาประกาศวันเสาร์ แต่ให้มีผลบังคับใช้ วันจันทร์ แล้วจะสด-จะแห้งหาอะไร?

อะไรที่มันเป็นไปในทางสร้างสรร ให้กำลังใจกัน ช่วยกัน ไม่เติมความชั่วร้ายเพิ่มเข้าไปในความเลวร้าย ด้วยการไม่บิดข่าว ไม่เฟกนิวส์
ทำไมมันยากเหลือเกิน หือ!?

หันไปทางไหน ฟังทางไหน สื่อด้านไหน มันมีแต่ด้านทิ่มตำให้เกิดภาพ เกิดทัศนคติในทางว่า บ้านเมืองมันย่ำแย่ ล้มเหลวไปทั้งหมด
อะไรที่รัฐบาลประยุทธ์ทำ มันต้องไม่ใช่ ไม่ถูก ไม่ดี ไปทั้งหมด

มันไม่ใช่-ไม่ถูก-ไม่ดี จริงๆ
หรือเพราะ….

-ประยุทธ์ไม่ล้มเจ้า?

-ประยุทธ์ไม่ยอมให้จักรวรรดิอำนาจตะวันตกเข้ามาใช้ประเทศเป็นฐานทำสงครามกับจีนและรัสเซีย?

-ประยุทธ์ไม่ยอมระบบทักษิณ ไม่หงอให้แก๊งเอ็นจีโอและเชิญเข้ามามีบทบาท, อำนาจ เป็นองค์กรแสวงกินบ้าง?

สรุปแล้ว มนุษย์ “สายพันธุ์ประชาธิปไตยไอที” นี่
ถ้ารอดโควิดไปได้ ก็สงสัย…
จะมีชีวิตอยู่ได้แบบไหน ในยุคสังคมโลก “ไวรัสดิสรัปท์”?

ถ้ายัง “โมหะ-หน้ามึน” อยู่ในสภาพมนุษย์ ๓ นิ้ว มันน่าห่วงนะ!
ต่อให้ร้อยปริญญา พันพ่อมหา’ลัย ก็ช่วยอะไรไม่ได้

เพราะไร้สติ-ความระลึกรู้, ไร้สัมปชัญญะ-การแยกแยะ-ใคร่ครวญ เพื่อการปรับตัวกลมกลืนเข้ากับธรรมชาติ ที่ส่งโรคระบาดเข้ามาดีไซน์ “ระบบชีวิตมนุษย์” ใหม่ เพื่อรองรับมิติโลกศตวรรษที่ ๒๑ ไม่ได้

แทนที่จะเป็น “คนรุ่นใหม่” นำอนาคตชาติ กลายเป็น “ขยะรุ่นใหม่” ส่งไปแปรรูป-ปรุงรสเป็นอาหาร “หมา-แมว” กระป๋องนั่นละมากกว่า

หลักการธรรมชาติ มีว่า…….
ผู้อยู่กับโลก ผู้หมุนไปตามโลก โดยไม่หลงติดโลกอันหุ้มด้วยโมหะเท่านั้น จะเป็นผู้ข้ามรอยต่อศตวรรษไปสู่ฝั่ง “สังคมโลกใหม่” ได้
ธรรมชาติ มอบ “ยานพาหนะ” สำหรับข้ามฝั่งโอฆะสู่ “สังคมโลก” ใหม่ไว้เสร็จสรรพ

สติ คือ ตัวเรือข้าม
สัมปชัญญะ คือ หางเสือและใบเรือ

พวกโง่งม จมปลัก วันๆ เอาแต่ปั่นเฟซ ปั่นทวีต ประดิษฐ์-กระแดะ ด่าทุกเรื่อง
แบบนี้ ความงั่งถ่วงจมทะเลโง่ก่อน ข้ามไปสู่ฝั่งโลกใหม่ไม่ได้ไหรอก

รู้ไว้ซะด้วย….
ที่ไวรัสโควิดเกิดระบาด ไม่ใช่จีนหรือสหรัฐฯ สร้างขึ้นหรอก ถึงแม้เรื่องนี้ “ประธานาธิบดีบุช” ของสหรัฐฯ พูดเป็นนัย เหมือนผายลม แล้วทำไก๋ ถาม..ใครตดไว้ ตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ ก็เถอะ

แต่ผมจะบอกว่า….
นี่คือ “ธรรมชาติสุกดิบ” ส่งเครื่องมือทำความสะอาดลงมากำจัด สิ่งสกปรกชั่วร้ายล่วงหน้าก่อน

เรียกว่า เป็นการปัดกวาดพื้นที่ “โลกใหม่” ทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ที่ชั่วร้าย-ไม่ดี-ดื้อด้าน ให้มันหมดไป

เมื่อเข้าที่-เข้าทางดีแล้ว
ธรรมชาติก็จะ “ปูเสื่อใหม่” ต้อนรับแขกเหรื่อที่คัดสรรแล้วว่ามีสติ-สัมปชัญญะ เข้าสู่พื้นที่สังคม ที่เรียก “โลกศตวรรษที่ ๒๑”

มนุษย์สู่ศตวรรษที่ ๒๑ ต้องเป็นรุ่นใหม่ที่….
สมองในกะโหลก ต้องมี Mind…Soul..Spirit
ไม่ใช่ Stupid อย่างเดียว!

ทั้ง “สัญชาติญาน” ในความเป็นสัตว์มนุษย์ ฝึกแล้ว สอนแล้ว บ่มเพาะแล้ว ก็ไม่พัฒนาตอบสนองทางพูด-คิด-ทำเยี่ยงสัตว์มนุษย์ได้
ยังคงเป็นเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน เห่า ฟัด กัด จิก ตี ปี้ กิน คือตอบสนองสิ่งเร้าไปตามสัญชาติชาติ เรียกว่า “สิ้นคิด-สิ้นคน”
“ไม่มียางอาย”………

เพราะสติ-สัมปชัญญะ ไม่สามารถพัฒานาที่จะรับรู้-ใคร่ครวญ-แยกแยะ ผิด, ถูก, ชั่ว, ดี ก่อนพูด-ก่อนคิด-ก่อนทำได้
จากมนุษย์ธรรมดา มือมี ๕ นิ้ว
ก็ค่อยๆ กุดเหลือ ๓ นิ้ว……
เป็น “มนุษย์พันธุ์ใหม่” พิกล-พิการ เห็นมั้ย ธรรมชาติลงทัณฑ์ ต้องพล่านตามถนน ตามหน้าเฟซเป็นรายวัน

คิดดีไม่เป็น พูดดีไม่ได้ ทำก็ต้องแบบเลวร้ายตะกายเมือง!
สายพันธุ์แบบนี้แหละ ธรรมชาติจะไม่ให้ไปมีอยู่ในโลกสังคมศตวรรษ ที่ ๒๑

ก่อนเชื่อ-ไม่เชื่อ ผมอยากให้ทุกคนถามตัวเองก่อน เมื่อเกิดมาบนแผ่นดินไทย จะศาสนาไหนก็ตาม เคยได้ยินคำนี้ไหม?
ทำดี-ได้ดี, ทำชั่ว-ได้ชั่ว”

คงได้ยินจน “ชินหู” กลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับทุกคน ผมอยากบอกว่า
นี่ไม่ใช่คำพระพุทธเจ้าบัญญัติขึ้นด้วยพระเองค์เอง
แต่คือ “สัจจะแห่งธรรมชาติ”

พระพุทธองค์ทรงมองเห็นจริงตามธรรมชาตินั้น ก็ทรงนำมาตรัสบอกเทวดาและมนุษย์
แม้ศาสดาทุกศาสนา ก็มองเห็น “ความจริงแท้” ข้อนี้ และสอนสั่งหมู่มนุษย์

คนรุ่นเก่า ส่วนมาก เมื่อตรองตามแล้ว จะเห็นสัจธรรมข้อนี้
แต่คนรุ่นใหม่วันนี้ “เทคโนโลยีไอที” มันดูดกินสมองจนเหลือแต่กะโหลก

จากนั้น แต่ละ “กะโหลกกลวง” ก็จะถูกแต่ละขบวนการปั่นข่าวสารทั้งจริง-ทั้งเท็จ แย่งกันยัดเข้าไปแทนมันสมอง ด้วยระบบอินเทอร์เน็ต, คลาวด์ ผ่านเครื่องรับชนิดต่างๆ เช่นมือถือ

เพราะอย่างนี้ คนรุ่นใหม่ “สมองอินเทอร์เน็ต” จึงคิดวิเคราะห์ แยกแยะ ไหนจริง-ไหนเท็จ จากเรื่องราวไม่ได้
เนื้อสมองไม่มี

ถูกแทนที่ด้วยเน็ต-ด้วยคลาวด์ ไปหมดแล้ว!

เป็นมนุษย์นวัตกรรม คือ “กึ่งวัตถุ” ไปแล้ว ดังนั้น คำว่า “ทำดี-ได้ดี, ทำชั่ว-ได้ชั่ว” จึงไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ

รู้ตามโปรแกรมที่เขาตั้งว่า “พูด-คิด-ทำ” อะไรก็ได้ตามใจชอบ ว่านั่นคือ “สิทธิเสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ” ของมนุษย์พันธุ์ใหม่

อาทิตย์ก่อน คุณ Piyacheep S Vatcharobol ส่งภาพถ่ายมาให้ดูหลายภาพ และมีคำอธิบายกำกับว่า

“เทปูนห้องปลูกพืชใต้ดิน ลึก ๑๐ เมตร ศูนย์การเรียนรู้ปลูกพืชใต้ดินและไร้ดิน เตรียมพร้อมรับมือมหาภัยพิบัติครับ”

เขาขุดสร้าง “เมืองใต้ดิน” เตรียมกันแล้วหรือนี่ เห็นแล้วก็ทึ่ง เอากันจริงจังขนาดนี้ เข้าใจว่าแถวๆ เชียงใหม่

ก็คุยกันเท่านี้แหละ ความจริงมีประเด็นเดียวที่ผมอยากพูดวันนี้ แต่เรื่อยเจื้อยไป คือ

อยากบอกว่า “เลิกคิด” ที่ว่า โควิดจะหมดไปเมื่อไหร่ แล้วเอาแต่โทษรัฐบาล ร้องหาแต่รัฐบาลอุ้ม

แล้วคิดใหม่ ว่า…….
เราจะอุ้มตัวเองด้วยการปรับ “วิถีชีวิต” อยู่กับโควิดอย่างไร ในสังคมโลกต่อจากนี้ “ตลอดไป”

Written By
More from plew
“ไม่ต้องทำดี-คิดดีก็พอ”
“พระเจ้าองค์ใหม่” ถ้าจะมี ไม่ใช่ “ไอที” หรอก “โควิด” นี่แหละ คือ “พระเจ้าผู้บันดาล” สู่สังคมโลกใหม่ “ศตวรรษที่ ๒๑”...
Read More
0 replies on “โควิดคือ “ชีวิตจริง” พรุ่งนี้ – เปลว สีเงิน”