“สหรัฐฯ ยันธรรมศาสตร์”

อ้าว…เพนกวิ้น
ถูกพ่อมึงเทซะแล้วละมั้ง?
งาน “สถาบันจะถูกพูดถึงแบบเบิ้มๆ” วันที่ ๑๙ กันยา.ที่ธรรมศาสตร์ นั่นน่ะ!
สถานทูตสหรัฐฯประจำไทย ท่าจะร้อนตัว ที่ถูกเพ่งเล็งอยู่ว่าเบื้องหลังเด็ก ให้ก่อไฟ “ไทยสปริง” ต่อจากฮ่องกง

เห็นเมื่อวาน (๑๐ กย.๖๓) ออกแถลงการณ์ ว่า

“จากกรณีเมื่อเร็วๆ นี้เว็บบล็อกซึ่งมีวัตถุประสงค์เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน เผยแพร่ภาพถ่ายอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ที่ถ่ายไว้เมื่อหลายปีก่อนขณะดำรงตำแหน่ง
เอกอัครราชทูตทุกคน และเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐ พบปะกับคนไทยหลากหลายภาคส่วนเป็นประจำ ไม่เพียงนักเรียน นักศึกษาและเยาวชนเท่านั้น

แต่ยังรวมถึงบุคคลในรัฐบาล กองทัพ ภาคธุรกิจ และผู้นำในภาคส่วนอื่นๆ ด้วย การพบปะเช่นนี้ไม่ได้แสดงถึงการสนับสนุนมุมมองหนึ่งมุมมองใด

รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้ให้เงินทุนหรือให้การสนับสนุนการประท้วงในประเทศไทย สหรัฐฯ ไม่ได้สนับสนุนบุคคลหรือพรรคการเมืองใด แต่เราสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม

ในฐานะมิตรประเทศของไทย เราสนับสนุนให้ทุกฝ่ายดำเนินการด้วยความเคารพและระมัดระวังต่อไป ตลอดจนมีส่วนร่วมในการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์ถึงแนวทางในการที่ประเทศจะก้าวต่อไปข้างหน้า”

ก็แต้งกิ้ว….
ด้วยเสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ ประโยคที่แถลงว่า

“รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้ให้เงินทุนหรือให้การสนับสนุนการประท้วงในประเทศไทย สหรัฐฯ ไม่ได้สนับสนุนบุคคลหรือพรรคการเมืองใด” นั้น

ด้วยเสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ คนไทยก็มีสิทธิ์ที่จะเชื่อ-ไม่เชื่อ
และประโยคที่ว่า…..

“แต่เราสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม”

คนไทยก็อยากถามว่า “สหรัฐอเมริกาก็มี “ศรีธนญชัย” ด้วยเหมือนกันหรือ?”

ที่ว่าเว็บบล็อกแพร่ข้อมูลบิดเบือน ก็เว็บค่ายอเมริกันนั่นแหละ แถมมีภาพถ่ายยืนยัน คงไม่ได้ปั่น-ตัดต่อ เหมือน เว็บอวตารของคณะสามสัสเป็นแน่

ที่ว่าว่าบิดเบือนนั้น มันไม่กว้างจนเวิ้งว้างครอบจักรวาลไปหน่อยหรือ หรือสถานทูตจะปฏิเสธว่า …..
ในสมัยท่านทูตเดวีส์ ไม่ได้เรียกนายเพนกวินไปพบเพื่อสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมถึง ๒ ครั้ง ที่สถานทูต ถนนวิทยุ?

ครั้งแรก ปี ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ ปี ๒๕๖๑ ก่อนท่านทูตจะครบวาระและกลับไปจากเมืองไทย

สถานทูตน่าดีใจนะ เพราะเพนกวินประทับใจมาก สำหรับชีสเค้กที่ท่านทูตเลี้ยง ตอนไปพบครั้งแรก เมื่อมิย.๕๙
กลับออกมาแล้ว เพนกวินยังได้บันทึกความประทับใจครั้งนั้นไว้ด้วย ไม่เชื่อก็อ่านดู

จากเว็บบล็อก ATN โดยนักข่าวอเมริกัน ชื่อ Tony Cartalucci เมื่อวันที่ ๙ กันยา.๖๓ นี่เอง

“บทสนทนาระหว่างผมและท่านทูตเดวีส์”

เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมได้รับอีเมลจากเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตอเมริกา แจ้งว่าผมได้รับเกียรติจากท่านกลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยและภริยา

เชิญให้เข้าร่วมหารือประเด็นเยาวชนพร้อมกับคนขับเคลื่อนประเด็นเยาวชนอีก 7-8 คน

ดังนั้น เช้านี้ผมจึงเป็นครั้งแรกที่ผมผูกไทด์ใส่สูทออกจากบ้าน ผมนั่งวินมอเตอร์ไซด์จาก BTS เพลินจิตไปตามแนวถนนวิทยุจนถึงหน้าบ้านพักเอกอัครราชทูต

ผมเดินเข้าไปพร้อมกับสุภาพสตรีอีกท่านหนึ่ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจสอบบัตรประชาชนของเราเล็กน้อย ก่อนที่จะเชิญให้พวกเราเดินไปตามถนนสั้นๆ ตรงเข้าไปยังอาคารไม้ทรงคลาสสิกกลางสนามหญ้าใหญ่

เมื่อพวกเราทั้งสองคนถึงหน้าประตู เจ้าหน้าที่ทูตชาวอเมริกันท่านหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ออกมารับรองพวกผมและพาพวกเราเดินขึ้นไปบนชั้นสอง
เมื่อผมเดินขึ้นไปถึง ผมเห็นคนไทยกลุ่มหนึ่ง คงจะเป็นผู้ร่วมประชุมคนอื่น ๆ ที่มาถึงก่อน ยืนสนทนากับชายชาวอเมริกันสวมสูทสีน้ำเงิน อายุราวห้าสิบปลายๆ ที่ยืนเคียงข้างสุภาพสตรีสวมชุดสีฟ้าสดใส และเจ้าหน้าที่ทูตชาวอเมริกันอีกสองคน

ชายคนนั้นคือ “กลินน์ เดวีส์” เอกอัครราชทูตอเมริกา คนเดียวกับที่กลุ่มสตรีศรีสยามชุมนุมประท้วงไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้

ท่านทูตเชื้อเชิญให้ผมจับมือทักทาย เราพูดคุยกันตามมารยาท ท่านถามสารทุกข์สุขดิบหลายอย่าง แต่อนิจจา ภาษาอังกฤษผมยังไม่แข็งแรงพอที่จะฟังทุกคำถามได้เข้าใจทั้งหมด

อันที่จริงก็คือประหม่ามากกว่า ผมเลยยิ้มหน้าเจื่อนๆ แล้วบอกท่านทูตว่า ผมสื่อสารภาษาอังกฤษไม่คล่องแคล่วเท่าไหร่

ท่านทูตยิ้มให้ผม เป็นอันเข้าใจกันว่าไม่เป็นไร เราคุยกันกันถึงเรื่องกิจกรรมที่ผมทำอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่ท่านจะไปต้อนรับแขกท่านอื่นที่เพิ่งมาใหม่

เมื่อเวลาผ่านไปได้สักพักหนึ่ง ท่านทูตและคุณแจ็คเกอลีน ภริยาของท่านก็เชื้อเชิญพวกเราให้ไปนั่งบนโซฟารอบโต๊ะไม้ใหญ่ที่มีชุดของว่างวางเรียงราย

เมื่อพวกเรานั่งลง เจ้าหน้าที่อีกกลุ่มหนึ่งก็รินน้ำชาให้พวกเรา และการสนทนาก็เริ่มต้นขึ้น

ท่านทูตขอให้พวกเราแนะนำตัว ผมนั่งอยู่ข้างๆ เขา เขาจึงขอให้ผมแนะนำตัวเป็นคนแรก ผมแนะนำตัวในฐานะเลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท นักเคลื่อนไหวประเด็นพลังเยาวชน

เมื่อสิ้นสุดการแนะนำตัวแล้ว เราก็เริ่มพูดถึงประเด็นต่างๆ เราหารือถึงบทบาทของสหรัฐฯ ในการพัฒนาการศึกษาไทย อ้างอิงจากคำพูดของท่านทูต
สหรัฐอเมริกาพยายามจะวางตัวในฐานะผู้สนับสนุนการพัฒนาของประเทศไทย ในฐานะที่ไทยจะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน เราพยายามเสนอแนวทางที่เป็นไปได้ ที่อเมริกาจะช่วยพัฒนาโอกาสในการเรียนภาษาอังกฤษของเด็กไทย ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนสื่อบันเทิงภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การส่งเสริมครูต่างชาติ และการสนับสนุนทุนสำหรับนักเรียนไทยมากขึ้น

เราพูดคุยกันอีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องความเท่าเทียมกันทางเพศ เรื่องโซเชียลมีเดีย เสรีภาพทางความคิดในสถานศึกษา การเรียนภาษาอังกฤษ การเตรียมตัวต้อนรับอาเซียน และเรื่อง STEM (Science Technology Engineering Mathematics)

แน่นอนว่าผมไม่พลาดที่จะเติมประเด็นเรื่องการโยงวิชาทางสายวิทย์ให้บูรณาการกับ Civic Education แน่นอน
อันที่จริง ประเด็นที่เราพูดกันไม่ได้ลงรายละเอียดลึกมาก แต่เป็นโอกาสให้เราได้ทำความรู้จักกัน บทสนทนาวันนี้ก็ทำให้ผมได้รู้จักความเป็นมนุษย์ของท่านทูตเดวีส์มากขึ้น


เขาเป็นคนพูดจาเสียงทุ้มต่ำ และตอบทุกบทสนทนาที่เราพูดด้วย เมื่อเขาพูดกับวง เขาจะแบ่งสายตามองทุกคนอย่างทั่วถึง และเมื่อเขาพูดกับคนใดคนหนึ่ง รวมถึงผม สายตาของเขาก็จะจับจ้องอยู่ที่ผม

ในแววตาคู่นั้นของท่านเดวีส์ ผมเห็นเหยี่ยวที่กำลังกระพือปีก จากการมองตา ผมคิดว่าเขาเป็นคน “นักเลง” พอตัว สุขุมลุ่มลึก สุภาพแต่ทรงอำนาจ น่ายำเกรง มีพลังบางอย่างอยู่ในตัว
ผมคิดว่าพลังนี้กระมัง ที่ทำให้ท่านทูตเดวีส์อ่านแถลงการณ์หักหน้าท่านรัฐมนตรีดอน ปรมัตถ์วินัย กลางกระทรวงการต่างประเทศได้

แต่ความน่ากลัวของเขาก็คือ เขาน่ายำเกรงเกินไป น่ายำเกรงจนผมไม่อาจล่วงรู้ได้ว่า แท้จริงแล้วเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ


แต่อย่างไรก็ตามที เราต่างก็รู้กันดีว่า ไม่มีความจริงใจในวงการทูตอยู่แล้ว เสียดายจริงๆ ที่มีเวลาเรียนรู้ท่านทูตเดวีส์เพียงแค่ 2 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้น ผมคงจะเข้าใจอะไรหลายอย่างมากกว่านี้

ไม่ว่าสหรัฐอเมริกามีความจริงใจที่จะช่วยพัฒนาการศึกษาเรามากน้อยขนาดไหน อย่างน้อยๆ มีมิตรก็ยังดีกว่ามีศัตรู โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มิตรที่อย่างน้อยลมปากก็ยังแคร์สิทธิมนุษยชน ไม่ควรตัดขาด

และสุดท้าย สาระที่สำคัญที่สุดจากการเข้าพบท่านทูตวันนี้ก็คือ
#ชีสเค้กอร่อยมาก
ปล. รูปที่แล้วลืมลบชายเสื้อออก อายมากเลยอะ
ปล.2 ชีสเค้กอร่อยจริง ๆ นะ
https://altthainews.blogspot.com/2020/09/update-thai-student-protest-leader.html

บันทึกของเพนกวินชิ้นนี้ ได้แปลเป็นภาษาอังกฤษโดยกูเกิ้ลเผยแพร่ด้วย

ว่าไปแล้ว เพนกวินนี่ สำนวนดีนะ ชีสเค้กอเมริกัน ไม่เพียงอร่อย กินแล้วยังลืมกำพืด-ลืมชาติได้

แต่ตอนนี้ ไม่สำคัญเท่าขนมครกธรรมศาสตร์ เพราะมันไม่หวานมันเหมือนเดิมสำหรับเพนกวินซะแล้ว

เพราะเมื่อวาน นอกจากสถานทูตสหรัฐฯเท ยังถูกผู้บริหารธรรมศาสตร์เทด้วย โดยไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่จัดงานถล่มสถาบันแบบเบิ้มๆ ในวันที่ ๑๙ กันยา.!

แต่ชั่วโมงนี้ ใครก็หยุดเพนกวินไม่ได้ มธ.แถลงการณ์มา เพนวินก็แถลงการณ์กลับไป


“………แนวร่วมขอยืนยันว่าจะใช้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์เป็นสถานที่ชุมนุมในวันที่ 19 กันยายนต่อไป เพราะมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ย่อมเป็นของนักศึกษาและประชาชน มิใช่เป็นของผู้บริหารที่รับใช้เผด็จการเพียงไม่กี่คน

จึงเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนมารวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป เพื่อยึดธรรมศาสตร์คืนเป็นของประชาชน”

อ้างว่าทำหนังสือขออนุญาตใช้สถานที่เรียบร้อยแล้วเมื่อ ๙ กันยา.มี “รศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ” อาจารย์ที่ปรึกษากลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ลงรายชื่อรับรอง

ครับ….
ผู้บริหารคงไม่แสบ น่าจะปลื้ม ที่สอนศิษย์บรรลุวิชาเนรคุณศาสตร์เข้าเนื้อได้ขนาดนี้

สรุปว่า ๑๙ กันยา.เพนกวินไม่ยึดแค่สนามหลวง, ราชดำเนิน ยังจะยึดธรรมศาสตร์ด้วย

ยึดแล้วอะไรจะเกิดขึ้น?
นี่ละ ไฮไลท์ “แดงทั้้งแผ่นดิน” ละ!

 



Written By
More from plew
เมื่อ “เดือนกันยา” มาเยือน-เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน ขอบอกกล่าวกันนิดครับ ช่วงนี้ผมคงคุยแบบ “ตะกุยๆ คุย” แล้วรีบเผ่น เพราะโควิดมันรุกประชิดมาติดโรงพิมพ์เหลือเกิน “ไทยโพสต์” จะปิด “หนีโควิด” ก็เสียเชิง...
Read More
0 replies on ““สหรัฐฯ ยันธรรมศาสตร์””