มิติสะท้อน “น้องเทนนิส”-เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

“น้องเทนนิส”
เหมือนฝนหยดมาเม็ดกลางใจแล้งพี่น้องไทยในภาวะระงมโควิด!
เธอกับคณะ ที่ขาดไม่ได้เด็ดขาดคือ “โค้ชเช-ชัยศักดิ์” บินมาลงที่สนามบินภูเก็ตเช้าวาน (๒๖ กค.๖๔) ท่ามกลางคณะต้อนรับพองาม
นี่ถ้าเป็นช่วงปกติ จะต้องมาลงที่สนามบินสุวรรภูมิ และแน่นอน …….
ที่สนามบินจะต้องคราคร่ำไปด้วยขบวนแห่แหนพี่น้องไทยที่ไปต้อนรับวีรสตรีเทควันโดหญิง “เหรียญทองโอลิมปิก 2020” เหรียญประเดิมของไทย ชนิดสนามบินแตก

เสียงไชโย โห่ร้อง จะดังก้องทั้งสนามบิน พร้อมขบวนแห่เข้าเมืองยาวเป็นกิโลแน่ๆ

แต่เสียดาย ใจน่ะไม่จน ………
แต่โควิดทำให้จำนน ผู้คนจะแห่แหนรวมกันไปมากๆ อย่างที่อยากจะไปกันแบบนั้นไม่ได้ เมื่อรู้ว่าฮีโร่ตัวน้อยของไทยกลับมา ทำได้แค่ “ส่งใจ” ไปไชโย

ที่สนามบินภูเก็ต “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา”
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ “นายณรงค์ วุ่นซิ้ว” ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้แทนพระองค์

นำแจกันดอกไม้พระราชทานมอบแก่น้องเทนนิส “เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ”
และคณะนักกีฬา, ผู้ฝึกสอน, สมาคมกีฬาเทวันโดแห่งประเทศไทยด้วย
เหรียญทองโอลิมปิก คือชื่อเสียง-เกียรติยศ-ศักดิ์ศรี นักกีฬาไทย

แต่ “สิ่งแรก” ที่น้องเทนนิสทำ เมื่อลงถึงสนามบิน

๑.ก้มลงกราบ “คุณพ่อสิริชัย” ที่ไปรอรับแทบพื้น ด้วยกตัญญู รู้พระคุณผู้ให้ชีวิต-จิต-วิญญาน

๒.ก้มลงกราบ “โค้ชเช-ชัยศักดิ์” แทบพื้น ด้วยศิษย์สำนึกรู้พระคุณครูบาอาจารย์ผู้เพียรพร่ำสอน

๓.ก้มลงกราบ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแทบพื้น ด้วยสำนึกรู้ถึง “ทองหลังพระ” แผ่นนี้

“แผ่นแล้ว-แผ่นเล่า” ที่ผศ.พิมล ปิดลงไป เพื่อแลกคำเดียวเป็นผลกำไร คือ “ประเทศไทยชนะ” เหรียญทองโอลิมปิก….
นั่นเหรียญ “เกียรติยศ-เกียรติศักดิ์” นักกีฬาไทย

แต่กราบ ๓ กราบ ต่อ ๓ ผู้มีพระคุณ นั้น
“เหรียญทองโอลิมปิก” ว่ามีค่าแล้ว “หัวใจกตัญญูรู้พระคุณคน” ที่น้องเทนนิสมี ค่าเหนือกว่าเหรียญทองเป็นเข่งๆ

โชคดีของประเทศ….
น้องเทนนิสมีครบทั้ง ๒ คุณค่าในตัว

คือทั้งคุณค่าเหรียญทองโอลิมปิก และทั้งคุณค่าความเป็นคนดีของชาติ ความเป็นเด็กดีของพี่น้องไทย รู้คุณพ่อแม่ รู้คุณครูอาจารย์และรู้คุณผู้อุปถัมภ์ค้ำจุน

ที่สำคัญ น้องเทนนิสมั่นในชาติ ในพระศาสนา และในสถาบันพระมหากษัตริย์
เยี่ยงอารยชนทั้งโลก เมื่อกำเนิดถิ่นฐานใด ก็ยึดมั่น-กตัญญูในถิ่นฐาชาติกำเนิดนั้น

น้องเทนนิส เป็นตัวอย่างที่ดี สำหรับคนทั้งรุ่นเก่า-รุ่นใหม่ ที่จะยึดเป็นแบบอย่างใคร่ครวญ

แต่ละประเทศชาติ ต่างมีระบบ, แบบแผน, วัฒนธรรม, ประเพณี เป็นเอกลักษณ์ชาติตัวเอง เพราะนั่นคือแต่ละ “รากเหง้าเผ่าพันธุ์”

ของใครแบบไหน ก็ดีแบบนั้น ….
เขาก็รักษารากเหง้าแบบของเขา เป็นมรดกสายเลือด-สายพันธุ์ ตกทอดรักษาสืบต่อกันไป

ของเราแบบนี้ ก็ดีแบบของเรา
เราก็ต้องรักษารากเหง้าเป็นมรดกสายเลือด-สายพันธุ์สืบต่อกันไปรุ่นสู่รุ่น นิรันดร์

มีข้อฝากให้คิด จากกรณีน้องเทนนิสได้เหรียญทองโอลิมปิก
บางคนโพสต์ทันที น้องเทนนิสเป็นโน่น-เป็นนี่
เห็นน้องเทนนิสห่มธงชาติไทย บอกรับไม่ได้!?

ผมเศร้าใจครับ….
และไม่ต้องการออกความเห็น นอกจากจะบอกว่า อย่าเลย อย่าทำอย่างนั้นกันเลย
น้องเทนนิส นักกีฬาเทควันโด ตัวแทนประเทศไทย ตัวแทนคนไทย ๗๐ ล้าน ไปแข่งกับคนเก่งที่สุดที่แต่ละประเทศทั่วโลกคัดส่งมา

แข่งกันแล้ว ปรากฎว่าน้องเทนนิส “เก่งที่สุดในโลก” รุ่น ๔๙ กิโลกรัม ได้เหรียญทองโอลิมปิกกลับมา

นั่นคือ ประเทศไทยชนะ คนไทย ๗๐ ล้านคนชนะ

แล้วจะนำสิ่งปฏิกูลใจตัวเองไปโพสต์ให้เปื้อนเหรียญ-เปื้อนตัวน้องเทนนิส ผู้ไปทำหน้าที่ในนามประเทศ-ในนามคนไทยทั้งประเทศทำไม?

เว้นไว้สักเรื่องเถอะ อย่าต้องชั่วทุกเรื่องจนเกินนรกรับได้เลย!

ผมดูเฟซ มีบางท่านปรารภเรื่องนี้ อยากให้อ่านกัน

Nuntdach Makswat
เราจะเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานกันอย่างไร ในอนาคตข้างหน้านี้ สิ่งแรกที่เราสอนให้เด็กรับรู้
ไม่ใช่เรื่องการเรียนให้เก่ง การทำงานที่หาเงินได้มากๆ

แต่เป็นเรื่องการสอนให้พวกเค้ารู้จักเหตุ รู้จักผล แค่นั้นพอแล้วครับ

เมื่อรู้จักใช้เหตุผล พอเติบโตขึ้น การรู้จักใช้เหตุผลก็จะติดตัวเค้าไปเอง

ดังนั้น ไม่ต้องไปบอกว่า อะไรดี อะไรไม่ดี เค้าจะเข้าใจได้เอง ไม่โง่ดักดาน ที่จะไปทำอะไรที่ย้อนกลับมาเป็นการทำลายความเข้มแข็งของบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองอย่างไม่มีเหตุไม่มีผล

เช่น กรณีน้องเทนนิสได้เหรียญทองมาแล้วเอาธงชาติไทยไปคลุมตัว
มีพวกไร้เหตุผลว่า น้องเทนนิสเป็นพวกสลิ่ม ต้องต่อต้าน เพราะเอาธงชาติไปห่มตัว บ้าไหมครับ

หรือพวกที่ไม่ยอมออกจากโรงพยาบาล ทั้งที่หายแล้ว
เพื่อให้พื้นที่แก่คนที่เจ็บหนักกว่าเข้ามาอยู่ห้องที่มีออกซิเจน แทน

แค่ต้องการห้องเป็นฉากในการด้อยค่ารัฐบาลเท่านั้นเอง น่าสงสารมากครับ
……………………………

มีอีกโพสต์หนึ่ง ดูจากภาพประกอบ เป็นหนุ่มสาวรุ่นใหม่ โพสต์ด้วยทัศนคติลึกซึ้ง ต้องบอกว่า “ขอแสดงความนับถือ”
หนุ่มสาวเหล่านั้น เข้าถึง “แก่นแท้” ทุกศาสนา โดยประยุกต์ตามหลักเหตุและผล ซึ่งใช่เลย อยากให้อ่านกัน
………………………..

Pongprom Yamarat อยู่กับ Saravut Laesa-nga

เหตุการณ์บุลลี่น้องเทนนิสหนักๆ ใน 24 ชม.ที่ผ่านมา ทำให้ผมพบว่า
เราต้องช่วยกันสร้างสังคมไทย ให้ความสำคัญกับเหตุผล หลักการ และปัญญากว่านี้

และต้องรู้ตัวด้วยว่า เรานี่แหละเป็นส่วนหนึ่งในการขาดเหตุผล หลักการ และปัญญาคนละนิดละหน่อย

น้องได้เหรียญทอง คือน้องได้เหรียญทอง

นั่นคือ น้องมีเจตนาทำประโยชน์ให้ประเทศไทย ซึ่งไม่ต้องไปหาต่อด้วยอคติหรอกครับว่า น้องเป็นโน่น เป็นนี่ไปเรื่อย
ผมนับถือศาสนาพุทธ เพราะความดีและความมีเหตุผล

แล้วผมก็พบว่า พระอัลเลาะห์ พระเยซู ต่างมีความดีและความมีเหตุผลไม่ต่างเลย

ผมเลยกลายเป็นพุทธที่นับถือพระพุทธเจ้า พระอัลเลาะห์ พระเยซู

เป็นพุทธที่นิยมความมีเหตุผล ฟังธรรมมะที่วัดบวร วัดปทุม วัดชลประทาน ท่านพุทธทาส ท่านติชนัทฮัน

เป็นพุทธที่ไม่เคยเชื่อว่า การแค่ไปใส่ชุดขาว จะทำให้เราเป็นพุทธเหนือคนอื่น

เป็นพุทธที่ไม่เคยเชื่อว่า พุทธหรือคริสต์หรืออิสลามต้องมีอะไรดีกว่ากัน

เป็นพุทธที่นับถือหลวงพ่อโสธร แต่ก็กล้าพูดว่า จะไม่เหยียบวัดโสธรอีกแล้ว
เพราะวัตถุเสริมอัตตามากมายวันนี้ที่วัด ไม่ได้ตรงอะไรกับที่ท่านเคยสอน

เป็นพุทธที่ไม่เข้าวัดธรรมกาย เพราะพระพุทธเจ้าและ sense ของเหตุผลไม่เคยสอนว่า ทำไมเงินถึงซื้อบุญได้

หมดนี่ คือหลักการ ไม่ใช่สี ไม่ใช่สลิ่ม ไม่ใช่ 3 นิ้ว

ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงต้องดูถูกตัวเองด้วยการตีกรอบ

กูเป็น 3 นิ้วนะ กูเป็นสลิ่มนะ กูเป็นขวานะ กูเป็นซ้ายนะ

กูต้องด่าทักษิณอย่างเดียวนะ
กูต้องด่าประยุทธ์อย่างเดียวนะ
ทำไมเราต้องจำกัดตัวเองให้โง่แบบนั้นด้วยหละครับ
……………………..

ต้องกล่าวคำว่า…สาธุ
ถ้าสังคมบ้านเมืองมีหนุ่มสาวรุ่นใหม่ อย่างเจ้าของโพสต์นี้ ไม่เกิน ๕ ปี ประเทศไทย ทั้งด้านสังคมและการพัฒนา
จะก้าวหน้า-ยิ่งใหญ่สุดในอาเซียน!



Written By
More from plew
วันชี้ชะตา “กำนันสุเทพ” -เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน วันนี้ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ เส้นทางประเทศ…. เดินทางมาถึง “จุดตัด” หรือ “จุดเปลี่ยน” อีกครั้ง...
Read More
0 replies on “มิติสะท้อน “น้องเทนนิส”-เปลว สีเงิน”