ว่าด้วย “ล้วงลูก” ของรัฐมนตรี

พูดเรื่องย้ายผอ.รพ.ขอนแก่น “นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล” มา ๒ ครั้ง
วันนี้ คงต้องอีกสักครั้ง
เป็น “บทพิสูจน์” ในทางบริหาร-จัดการของรัฐบาล ที่ประกาศ “ล้างทุจริต-ล้างคอรัปชั่น” มาตลอด

เรื่องนี้ แยกเป็น ๒ ส่วน
ส่วนแรก การใช้บัตรสนเท่ห์ใบเดียวย้ายหมอชาญชัยด้วยข้อหา “ฉ้อราษฏร์บังหลวง” และตั้งคนในเครือข่ายเป็นคณะสอบสวน นั้น
บ่งบอกว่า เรื่องนี้ “ทำกันเป็นทีม”!
และผอ.คนใหม่ที่ย้ายมาแทน เป็น “หมอเกรียงศักดิ์” ตรงนี้ ตอกย้ำถึงความไม่ชอบมาพากล

เพราะปลัดฯ สุขุมเคยมีความพยายามย้ายหมอเกรียงศักดิ์มาอยู่ตรงนี้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ถูกแรงปฏิเสธจากบุคลากรทางการแพทย์ขอนแก่น
จนรัฐมนตรีสาธารณสุขสมัยนั้น “ศ.ดร.ปิยะสกล สกลสัตยาทร” ต้องเข้ามาแก้ปัญหา
ให้ย้ายหมอเกรียงศักดิ์กลับไป เอาหมอชาญชัยกลับเข้ามาตามเดิม

ตรงนี้ บ่งว่าในรพ.ขอนแก่น มีความเป็นไปได้สูง ในทาง มี “ความลับดำมืด” บางสิ่ง-บางอย่าง ถูก “ปกปิด-ซ่อนเร้น” ไว้
และต้องการ “กลบร่องรอย”!?

“ความลับดำมืด” นั้น คืออะไร?
เห็นตะคุ่มๆ ได้ ตามหลักฐานทางบัญชี และตามที่หมอชาญชัยแถลง ว่าก่อนเข้ามาบริหารรพ. บัญชีติดลบสะสมต่อเนื่องเป็นสิบปี กว่า ๒๐๐ ล้าน

ตรงนี้ เป็นปมสำคัญ ที่รัฐบาล รัฐมนตรีสาธารณสุข องค์การตรวจสอบคอรัปชั่น รวมถึงป.ป.ช.
ถ้าจริงใจ ต้องการ “กำจัดปลวก” ให้ประเทศ จะต้องสนใจตรงนี้เป็นพิเศษ

คือ โรงพยาบาลขอนแก่น ก่อนปี พ.ศ. ๒๕๕๘
บริหารขาดทุน มีหนี้สิน ต่อเนื่องนับเป็นร้อยๆ ล้าน
หมอชาญชัยเข้ามา….
จะถือว่า ต้องทุกข์ร้อนอะไร ในเมื่อ “โรงพยาบาลหลวง-หนี้หลวง” ก็อยู่ไป เดี๋ยวก็ย้าย คนใหม่มา หนี้ก็เป็นมรดกตกทอดกันไปเรื่อยๆ ฉะนั้น ไม่ต้องอินัง-ขังขอบให้ปวดหัว

คิดอย่างนั้น ก็ไม่ผิด……..
แต่หมอชาญชัย ไม่คิด”เกาะหนี้” แล้วบริหารพอกหนี้ในลักษณะนั้น แล้วอยู่ไปวันๆ
ไปขอแรงนักการเงิน/การบัญชี มาช่วยตรวจ-วิเคราะห์ระบบของโรงพยาบาล หารูรั่ว-รูโหว่ เพื่ออุด
เช่น สต็อกยาในห้องยา, ในวอร์ด, เส้นทางรั่วไหล, การคีย์ข้อมูลเบิกเงินจาก สปสช. และฯลฯ


เหล่านี้ ทำให้การจัดซื้อของแต่ละชิ้นที่เคยแพงลดลง จากเดิมเช่น เคยซื้อหน่วยละ ๙ บาท ก็ทำให้ลดลงเหลือหน่วยละ ๓ บาท
หมอชาญชัยแถลงต่างกรรม-ต่างวาระว่า…….

เมื่อปรับปรุงกลไกแล้ว ประหยัดเงินโรงพยาบาลไปได้ปีละเกือบ ๔๐ ล้านบาท
บวกกับโรงพยาบาลซื้อยากับบริษัทยา มี ๕%.ในระบบการค้า
หมอชาญชัยไม่แตะ
ให้ส่งเข้า “กองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น” เป็นเงินบริจาคทั้งหมด รวมทั้งเงินผู้ศรัทธาโรงพยาบาลบริจาคให้แต่ละปี

เนี่ย…
เมื่อแก้ระบบ ทั้งตัวผอ.โรงพยาบาล คือหมอชาญชัย ไม่แตะ-ไม่รับเงินทอน ๕% จากบริษัทยา ทั้งมีความโปร่งใสในเงินบริจาคทุกบาท-ทุกก้อน

เพียง ๒-๓ ปี……..
โรงพยาบาลขอนแก่น ที่มีหนี้สะสมต่อเนื่องเป็นสิบปี กว่า ๒๐๐ ล้าน ล้างได้หมดเกลี้ยง
ไม่เพียงล้างหนี้หมด
หมอชาญชัยยังบริหารให้โรงพยาบาลมีเงินบำรุงเหลือเป็นสภาพคล่องได้อีก กว่า ๒๐๐ ล้าน

พูดตามภาษาชาวบ้าน คือ พลิกจากขาดทุน มามีกำไรกว่า ๒๐๐ ล้าน!
นี่ยังไม่นับรวมที่ “พี่ตูน บอดี้แสลม” วิ่งนำเงินบริจาคซื้อเครื่องมือแพทย์อีกนะ เป็นร้อยหรือกี่สิบล้าน ผมก็จำไม่ได้แล้ว

แต่ผลของการบริหารซื่อสัตย์-สุจริต-มีธรรมาภิบาลของหมอชาญชัย รางวัลที่ได้รับตอบแทนจากกระทรวงสาธารณสุข โดยปลัดฯ สุขุม กาญจนพิมาย คือ
ข้อหา ฉ้อราษฏร์บังหลวง ……..
ข่มขู่-คุกคามพยาน ถูกสอบวินัยร้ายแรง และถูกย้ายเข้าประจำกระทรวง
ด้วยหลักฐาน “บัตรสนเท่ห์” ใบเดียว ซึ่งทั้งเลื่อนลอย ทั้งคนกล่าวหา ไม่มี-ไม่ยอมปรากฏตัวตน!?

แต่ปลัดฯ สุขุม รวมทั้งรัฐมนตรีสาธารณสุข “นายอนุทิน ชาญวีระกูล”
“เชื่อบัตรสนเท่ห์”…….
แทนเชื่อหมอชาญชัยที่ไม่รับ ๕%บริหารล้างหนี้โรงพยาบาลจนมีกำไรเป็นร้อยๆ ล้านได้เป็นที่ประจักษ์

ครับ….
นี้เป็นส่วนแรกของเรื่อง จะถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ อย่างไร เป็นเรื่องในระบบบริหาร ตั้งแต่นายกฯ จนถึงรัฐมนตรีสาธารณสุขและปลัดฯ รับผิดชอบในส่วนนี้

ยังมีอีกส่วน เป็นส่วนที่ ๒ ที่ต้องพูดถึง
คือ ปริศนา “ลับ-ดำมืด” ว่าหนี้สินกว่า ๒๐๐ ล้าน สะสมต่อเนื่องเป็นสิบปี
ตรงนี้ สมควรต้อง “ตรวจสอบ” ให้กระจ่างในข้อเท็จจริง คือ กับบัตรสนเท่ห์ใบเดียว รัฐมนตรี-ปลัดฯ กลับเชื่อสนิทใจ
เอาหมอชาญชัยถึงตาย!

แต่กับที่หมอชาญชัย ไม่รับเงินทอนบริษัทยา ปรับปรุงระบบการเงิน/การบัญชี/การจัดซื้อ/การรับบริจาค พลิกจากขาดทุน เป็นกำไร เป็นที่ประจักษ์
รัฐมนตรีอนุทิน ปลัดฯสุขุม กลับไม่เชื่อ นอกจากไม่เชื่อ ยังตั้งข้อหา “ฉ้อราษฏร์บังหลวง” เป็นชนักปักติดหลัง!

ตรงนี้ เป็นเรื่องประเทศชาติ ……….
ว่าด้วยความโปร่งใส ความบริสุทธ์-ยุติธรรม มาตรฐานประเทศในด้าน “ทุจริต-คอรัปชั่น”
รัฐบาล โดยเจ้ากระทรวงสาธารณสุข จะทำลอยตัว ด้วยอ้าง “ไม่ต้องการล้วงลูก” อย่างนั้น ไม่ได้

ระวัง จะเข้าข่าย “ละเว้นปฏิบัติหน้าที่” ตามมาตรา ๑๕๗!

รัฐมนตรี มีฐานะอะไรบ้าง ควรทราบไว้
๑.ในฐานะสมาชิกคณะรัฐมนตรี มีนายกฯเป็นหัวหน้า
๒.เป็นเจ้ากระทรวง “ผู้มีอำนาจเต็ม” ของส่วนราชการระดับกระทรวงตามพรบ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
นั่นคือ นายอนุทิน เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในกระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวง
การปฏิบัติราชการ จะปฏิบัติเองหรือมอบ “รัฐมนตรีช่วย” ปฏิบัติแทนก็ได้

จากคร่าวๆ นี้ ชัดว่า รัฐมนตรีจะทำลอยตัวเหนือปัญหาไม่ได้
คนเป็นรัฐมนตรี ไม่สงสัย ไม่อยากรู้ ไม่ต้องการรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติหรอกหรือ

ว่า เพราะอะไร ……
โรงพยาบาลเดียวกัน ทุกอย่างเหมือนกัน
คนหนึ่ง บริหารขาดทุนต่อเนื่องเป็นสิบปี แต่อีกคน ใช้เวลา ๒-๓ ปี ล้างหนี้ได้หมด แถมกลับมีกำไร?

ผมเปิดทำเนียบโรงพยาบาลขอนแก่นในรอบ ๑๐ ปี ดู ว่าใครเป็น “ผู้อำนวยการ” บ้าง ก็เป็นดังนี้

-นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ ปี พศ.๒๕๕๐-๒๕๕๗
-นพ.ธรรมนูญ วิสิฐธนวรรธ ปี พศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘
-นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล จาก ปี พ.ศ.๒๕๕๘ ถึงปัจจุบัน คือ ๕ มิย.๖๓ ที่ถูกย้ายเข้ากระทรวง

ใน ๓ ท่านนี้ จะเห็นว่า ๑๐ ปีของการขาดทุนสะสมต่อเนื่อง อยู่ในยุคนายแพทย์วีระพันธ์เป็นส่วนใหญ่
มีหมอธรรมนูญคั่น ก่อนหมอชาญชัยมาเป็นผอ.เพียงปีเดียว!

ท่านรัฐมนตรีอนุทินและป.ป.ช.ไม่อยากรู้หรือว่า ช่วง ๑๐ ปีนั้น ทำไมการจัดซื้อของแต่ละชิ้น จึงแพงกว่ายุคหมอชาญชัยถึง ๓ เท่าตัว?

และเงินทอนบริษัทยา ๕% รวมถึงเงินบริจาคทั่วไป ยุคนั้น บริหาร-จัดการกันอย่างไร อยู่ในบัญชีไหน ถึงได้ขาดทุนสะสม?

ก็ลองคิดดู……..
ปี ๖๑ กระทรวงห้ามรับเงินบริจารบริษัทยาแล้ว ยุคหมอชาญชัย เงินบริจาคยังมีเข้าบัญชีกองทุนพัฒนาโรงพยาบาล เดือนละ ๑-๒ ล้านบาท
แล้วสิบปีก่อนหน้านี้ มีทั้งเงินบริจาค ทั้งเงินทอน ๕% ทำไมโรงพยาบาลเงินจึงติดลบต่อเนื่องกว่า ๒๐๐ ล้าน?

และน่าสะสางภาพรวมในทุกโรงพยาบาลด้วยว่า
เงินทอน ๕% จากบริษัทยา จริงหรือ เมื่อห้ามโรงพยาบาลรับแล้ว จะไม่มีใครรับไปในส่วนนี้ไป?
เรียกบริษัทยามาถาม ตรวจบัญชีซักนิดก็รู้!

เนี่ย………
ตรงนี้ รัฐมนตรีอนุทิน ทำไมไม่ทำอย่างที่รัฐมนตรีช่วยคมนาคม “นายถาวร เสนเนียม” ทำ กรณีการบินไทย

รมช.ถาวร ในฐานะผู้รับหน้าที่ดูแลแทนรัฐมนตรี เพื่อเคลียร์ความโปร่งใสในการบินไทย
ตั้ง “พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช” เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ในการบริหารกิจการของบริษัทและปัญหาการทุจริตในการบินไทย

เข้าใจคำว่า “ตรวจสอบ” ใช่มั้ย?
ตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังไม่ถึงชั้นสอบสวนแบบมีข้อหา นายอนุทินก็ “ควรทำ” เช่นนั้น
คือ มันมีเหตุน่าสงสัย ก็ตั้งคณะตรวจสอบเข้าไปรื้อดูซิว่า งานชิ้นเดียวกัน ทำไมคนหนึ่งทำขาดทุนต่อเนื่อง แต่อีกคนเข้าไปทำ กลับมีกำไร?

นี่คือ “อำนาจหน้าที่” คนเป็นรัฐมนตรีต้องทำ นอกเหนือการแต่งตั้ง-โยกย้าย จะอ้างไม่เกี่ยว ไม่ล้วงลูก มันไม่ถูกต้อง
ล้วงแบบไหนถึงจะถูก วานท่านรัฐมนตรีบอกด้วย!



Written By
More from plew
ปิด “ผับ-บาร์” เป็นว่า “ปิดเมือง”
ชักอิจฉา….. “ลุงตู่” แฟนตรึม! ถูกโควิด-๑๙ หักอกจนซูบผอมตรอมใจหน่อยเดียว พ่อยก-แม่ยก พากันน้ำตาเล็ด น้ำตาร่อย ลุงตู่ ของชั้น ถูกไอ้โคมันรุมขวิด!
Read More
0 replies on “ว่าด้วย “ล้วงลูก” ของรัฐมนตรี”