“ความต่างระหว่างคนกับสัตว์”

ยินดีกับ “โอ๊ค-พานทองแท้” เขาหน่อย!
เพราะเมื่อวาน (๒๘ พค.๖๓)
มีรายงานอ้าง “แหล่งข่าว” เผยแพร่ว่า คดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย ๑๐ ล้านบาท ที่ “โอ๊ค-พานทองแท้” เป็นจำเลย และศาลชั้นต้นยกฟ้องไปเมื่อ ๒๕ พย.๖๒

บัดนี้………
“อัยการสูงสุด” โดยรองอัยการสูงสุดผู้ปฏิบัติราชการแทนท่านหนึ่ง ลงนามในคำสั่งชี้ขาด
“ไม่ยื่นอุทธรณ์”……

ถ้าจริงตามข่าว ก็เป็นอันว่า คดีโอ๊ค-พานทองแท้ “เป็นที่สิ้นสุด” ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่ยกฟ้องไปแล้ว

ครับ….
ก็เก็บมาเล่าต่อ แต่บอกก่อน เป็นเพียง “รายงานข่าว” ส่วนจะเป็นข้อเท็จ-ข้อจริงอย่างไร คงต้องรอฟังชัดๆ จากสำนักงานอัยการสูงสุดอีกที
เพราะดูๆ แล้ว ยังมีประเด็นชวนแสวงหาคำตอบอยู่ เนื่องจาก ตามธรรมเนียมปฏิบัติของอัยการ มักจะต้องอุทธรณ์-ฎีกา ไปตามขั้นตอนจนถึงที่สุด

เพราะมันเป็น “ดุลยธรรม” อย่างหนึ่งในหน้าที่ของทนายแผ่นดิน
ซ้ำคดีนี้ เป็นคดีฟอกเงิน “ร่วมกันทุจริต” ถือเป็นคดีสำคัญประชาชนสนใจมาก ติดตามการทำหน้าที่อัยการเป็นพิเศษ
ก็เนิ่นนานพอสมควร……

จนเมื่อ ๒๕ พค.๖๓ ทาง “อัยการสำนักงานคดีพิเศษ ๔”
ได้ยื่นขอขยายอุทธรณ์ต่อศาล เป็นครั้งที่ ๖
และศาลพิจารณาเเล้ว ได้อนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ไปถึง ๒๕ มิย.๖๓ คือเดือนหน้า

แต่แล้ว จู่ๆ ก็มีข่าวสะพัดแรง ว่า “รองอัยการสูงสุด” ท่านหนึ่ง ไม่ได้บอกท่านไหน ลงนามในคำสั่งชี้ขาด “ไม่ยื่นอุทธรณ์”
เป็นการลงนามในฐานะ……
“ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด”!

ตรงนี้ จึงเกิดคำถามต่อมาว่า แล้วอัยการสูงสุด “นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์” ท่านไปไหน?
และในเมื่อยังมีเวลาอีกเดือนเต็มๆ ในการยื่นอุทธรณ์ ตามที่ขออนุญาตจากศาลไว้
ดังนั้น มีความจำเป็นเร่งด่วนอะไร ที่ “รองอัยการสูงสุด” จึงต้องลงนามในคำสั่งชี้ขาด ในฐานะ “ผู้ปฏิบัติราชการแทน”?

นี่เป็นคำถามสะท้อนจากข่าว “แหล่งข่าว” ที่ประชาสังคมรอคำอธิบายจากสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อความจริงที่ถูกต้องตามมาตรฐานอัยการ

คุยเรื่องอื่นดีกว่า มีเรื่องอะไรน่าสนใจบ้างล่ะตอนนี้ การพิจารณาพรก.การเงิน ๓ ฉบับในสภา บ่ายๆ ผมก็มัวแต่ไปตีปิงปองซะ เลยไม่ได้เฝ้าหน้าจอ

หมอเขาบอก คนแก่ติดโควิดง่าย-ตายง่าย ต้องออกกำลังกายบ้าง ก็เลยซื้อโต๊ะปิงปองมาตี
๒-๓ วันแรก นึกว่าถูกโควิดกินไปครึ่งซีกซะแล้ว เพราะมันร้าวรานไปครึ่งซีก

คู่ขาเขาบอก “ต้องซ้ำ” มันจะได้อยู่ตัว จะอยู่ตัวหรืออยู่โรงพยาบาลก็ยังไม่แน่ใจ แต่สรุปได้ว่า กีฬาในร่มประเภทนี้มันก็ดีเหมือนกัน
ได้โยกซ้าย-โยกขวาช่วงสั้นๆ สลับกัน ได้วิ่ง ได้ก้มๆ เงยๆ ไล่เก็บลูกปิงปอง เป็นการเช็คเครื่องล่าง-เครื่องบนไปในตัว

ที่สำคัญ การเล่นปิงปอง สร้างความตื่นตัว ฝึกความไวให้ทั้งสมอง, ประสาท, และสายตา

เกมความไวนี่ ผมสังเกตว่า “สติ-สมาธิ” เป็นเคล็ดลับ มันช่วยให้รู้จัก “วางแผน-พลิกแพลง” เกม และบีบให้รู้จักตัดสินใจ

ใครที่ใจโลเล เช่น บางที หยิบเมนูแล้วสามจิต-สี่ใจ ไม่รู้จะเลือกอะไรดี นี่ก็ชอบ นั่นก็อยากกิน ลองหัดเล่นปิงปอง จะช่วยแก้โรค “สองจิต-สองใจ” ได้ฉมัง

ไม่อยากลิ้นห้อยเพราะเป็นฝ่ายวิ่งเก็บลูก ก็ต้องฝึก “ชีวิตที่มีแผน” ในทุกย่างก้าว
คนเรา เมื่อมีแผนแล้ว อะไรๆ มันก็ตัดสินใจ “ง่ายมาก”!

“ง่าย” กับ “มักง่าย” คนละเรื่องกันนะ
ที่ว่าง่าย เพราะทุกการทำมีแผน เมื่อมีแผน ตัดสินใจก็ไม่พลาด
ที่มีแผนแต่พลาด……..
นั่นเพราะ “มักง่าย” จึงพลาด มักง่ายคิด-มักง่ายพูด-มักง่ายทำ คนมักง่ายก็มีสติ ซึ่งก็จริง

แต่สตินั้น จะเป็น “มิจฉาสติ” คือ ระลึกผิด อย่าง ๒-๓ วันที่ผ่านมา
“นายชำนาญ จันทร์เรือง” อดีตผู้บริหารพรรค และสส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรคอนาคตใหม่ ที่พ้นสภาพไปแล้ว จากเหตุพรรคถูกยุบ เขาโพสต์ด้วยข้อความว่า

Chamnan Chanruang
ไอ้สัส ไม่ใช่คำหยาบ เพราะคำว่า “ไอ้สัส” คำนี้มันเป็นคำที่แปลงมาจากภาษาอังกฤษ ถ้าแยกแต่ละตัวแล้ว จะเป็นดังนี้
“ไอ้” มาจาก You = คุณ
“สัส”มาจาก suspicious = น่าระแวงหรือน่าสงสัย
รวมกัน ไอ้สัส = You are a suspicious person. (คุณเป็นคนที่น่าระแวงหรือน่าสงสัย)

ถ้าขยายความแล้ว ก็คือว่า 6 ปีแล้ว สงสัยว่าพวกคุณทำอะไรกันอยู่ ไม่ปฏิรูป ไม่รักษาสัญญาแล้วเหรอ ไม่ตรวจสอบคนโกงแล้วเหรอ ฯลฯ “ไอ้สัส” น่ะครับ

คงเห็นกันแล้ว เพราะประชาสังคมออกมาตำหนิ ต่อว่านายชำนาญกันมาก
จะเห็นว่าที่นายชำนาญโพสต์ด้วยข้อความนี้ เป็นความมักง่าย ที่มีสติ-มีแผน
แต่สตินั้นเป็น “มิจฉาสติ” และด้วยมิจฉาสติ จึงคิดแผนเลวทราม-ต่ำช้า วิปริต-วิปลาส ผิดวิสัยสามัญมนุษย์ ที่อย่างน้อย ต้องรู้จักแยกแยะ รู้ไหนดี-ไหนชั่ว แค่ไหนทำได้ และแค่ไหนไม่ควรทำ
คิดเลวทราม การกระทำจึงต่ำช้า ดังที่ปรากฏในขบวนการชังชาติ มุ่งล้มสถาบัน……

เขียนป้ายด้วยข้อความ “6 ปีแล้วนะไอ้สัส”
เที่ยวไปติดที่โน่น-ที่นี่ เมื่อ ๒๒ พฤษภา.เจตนาหมายไปถึงการเข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศของคสช.โดยพลเอกประยุทธ์ เมื่อ ๒๒ พค.๕๗

วันต่อมา นายชำนาญ ผู้คลั่งแค้นพยาบาทร่วมขบวนการนั้น ด้วยจิตสำนึกทราม ก็โพสต์ซ้ำ-ย้ำต่ำทรามแห่งตนอีกรอบ
การกระทำครั้งนี้ ทำให้ผมอยากทราบกำพืดและระดับการศึกษานายชำนาญขึ้นมาทันที

เท่าที่ดู…..อืมมมมม
-รัฐศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
-นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
-รัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
-ประกาศนียบัตรกฎหมายมหาชนฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
-ประกาศนียบัตรจากญี่ปุ่น สิงคโปร์

-อาจารย์พิเศษตามมหา’ลัย เช่น ม.เชียงใหม่
-อดีตประธานแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
– สมาชิกแก๊ง “มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน”
-เคยเป็นข้าราชการมหาดไทย ปลัดอำเภอ ที่อุดรธานี และที่พะเยา
-เคยรักษาการผู้เชี่ยวชาญด้านคดีปกครอง สำนักงานศาลปกครองเชียงใหม่ และสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่

-ได้รับเกียรติบัตรข้าราชการพลเรือนดีเด่นของจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี ๒๕๓๗
-ได้รับโล่ “คนดีมหาดไทย” จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประจำปี ๒๕๓๗
-ได้รับรางวัลนิสิตเก่าดีเด่น สาขาเชิดชูเกียรติเป็นกรณีพิเศษ เนื่องในโอกาสครบรอบ ๖๐ ปี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ปี ๒๕๕๐
-ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น เนื่องในโอกาสครบรอบ ๔๐ ปี โรงเรียนบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี) ปี ๒๕๕๔

นี่เพียงส่วนหนึ่งในคุณสมบัติความเป็นคนทางการศึกษาและอาชีพของนายชำนาญ
เมื่อทราบเช่นนี้ ความรู้สึกตอบสนองที่เกิดขึ้นในความคิดผมก็คือ
การศึกษาสูง ไม่ใช่คำตอบของความเป็นคนหรือสัตว์เลย!

ขอโทษ…
ถ้านายชำนาญเสียชีวิตตอนไหน น่าจะนำ DNA มาแยกวิเคราะห์ เพื่อศึกษาทางชาติพันธุ์ในความเป็นมนุษย์ของเขา
ว่าเพราะอะไร คนระดับนี้ จึง “ทรามสัส” ในทาง “ต่ำสัตว์-ต่ำมนุษย์” ได้ขนาดนั้น?!

เทียบตัวอย่าง เช่น……
“เตี้ย มช.” เป็นหมา แต่คนเกือบทั้งประเทศ โดยเฉพาะนักศึกษาม.เชียงใหม่
เรียก “พี่เตี้ยมช.” ด้วยความรักและผูกพัน
ในขณะเดียวกัน นายชำนาญ ชาติกำเนิดเป็นคน แต่ขณะนี้ คนเกือบทั้งประเทศ อาจรวมถึงคนเชียงใหม่ด้วย
เรียก “ไอ้สัสชำนาญ” ด้วยขยะแขยงและแหนงหน่าย

พี่เตี้ยมช. “ตาย” ยังมีอนุสรณ์สถานในมช.
แต่ถ้าไอ้สัสชำนาญ “ตาย”…….
ที่จะฝังให้หมาเยี่ยวรด ไม่รู้จะมีหรือไม่
ต้องให้แก๊ง “สามมะกอก” ที่ร่วมหลุมตอบ?

Written By
More from plew
ศานติธรรม “ไทย-มุสลิม” -เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน อภิปราย ๒ วัน ๒ คืน ของฝ่ายค้าน มีเนื้อหาสาระคู่ควรแก่การติดตามรับชม-รับฟังหรือไม่? การ “นั่งหลับ” อ้าปากหวอคาเก้าอี้ของชลน่าน...
Read More
0 replies on ““ความต่างระหว่างคนกับสัตว์””