ฉีดเกล็ดเลือดเพื่อปลูกผม

    รศ.ดร.พญ.รัชต์ธร ปัญจประทีป

                                                                                           แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม

ปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำลายสุขภาพจิตของหลาย ๆ คน ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงก็ประสบปัญหาเหมือนกัน ปกติแล้วโรคผมร่วงผมบาง เป็นโรคที่พบบ่อยมากในผู้ชายพบได้ประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ และผู้หญิงพบได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ผมร่วงเปรียบเสมือนกระจกส่องสุขภาพ หากมีปัญหาผมร่วง นั่นเท่ากับว่ากำลังมีปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ  ด้วย จึงควรจะรีบมารักษาและหาสาเหตุ ปัญหาผมบางศีรษะล้าน ส่วนใหญ่มาจากพันธุกรรมที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้การจัดการกับปัญหานั้นแลดูจะเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยการแพทย์สมัยใหม่ปัญหาทุกอย่าง ย่อมมีทางออกเสมอ เรื่องเส้นผมก็เช่นเดียวกัน

นวัตกรรมการฉีดเกล็ดเลือดเพื่อปลูกผมหรือที่เรียกว่า PRP or Platelet Rich Plasma (พลาสมาที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้น) เป็นการฟื้นฟูผมให้เส้นหนา และแข็งแรงขึ้น โดยการเจาะเลือดแล้วนำมาปั่นแยกส่วนที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้นออกมา เกล็ดเลือดนอกจากทำหน้าที่หยุดเลือด แล้วยังมีสารโกรท แฟคเตอร์ (growth factor) ต่างๆ อยู่เป็นปริมาณมาก เช่น  vascular endothelial growth factor (VEGF), platelet-derived growth factor (PDGF), epidermal growth factor (EGF), insulin-like growth factor-1 (IGF-1), fibroblast growth factor (FGF), transforming growth factor-β1 (TGF-β1) เป็นต้น ซึ่ง growth factors เหล่านี้จะช่วยสร้างและส่งเสริมการสร้างเส้นเลือด กระตุ้นการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวของเซลล์เส้นผม โดยเฉพาะเซลล์เดอร์มอล พาพิลาบริเวณรากผมและสเต็มเซลล์รากผม เซลล์ผิวหนัง เซลล์กระดูก ช่วยให้แผลสมานได้เร็วขึ้น

ด้วยเทคนิคการปั่นแยก PRP ที่จำเพาะ จะทำให้ได้ PRP ที่มีปริมาณเกล็ดเลือดเข้มข้นกว่าเกล็ดเลือดในกระแสโลหิตทั่วไป 3-5 เท่า โดยเกล็ดเลือดเข้มข้นที่เหมาะสมในการใช้รักษาเพื่อการปลูกผม ควรมีปริมาณเกล็ดเลือดประมาณ 1,000,000 หน่วยต่อไมโครลิตร ขั้นตอนการทำเริ่มต้นจากนำผู้ป่วยมาเจาะเลือดจากแขนประมาณ ในปริมาณประมาณ 60-100 ซีซี แล้วนำไปปั่นในเครื่อง centrifuge ด้วยวิธีพิเศษที่เรียกว่า double spin technique แยกนำส่วนที่เรียกว่า PRP มา ซึ่งมีโกรทแฟคเตอร์ปริมาณมาก นำกลับมาฉีดบริเวณหนังศีรษะที่มีปัญหาผมบาง โดยก่อนฉีด PRP จะมีการฉีดยาชาและทำการกระตุ้นหนังศีรษะด้วย derma stamp (micro needling system) ก่อน โดยปกติแพทย์จะแนะนำให้ทำการรักษาด้วย PRP เดือนละ 1 ครั้ง จำนวน 3 ครั้ง ติดกันหลังจากนั้นจะมีการติดตามผลการรักษาประมาณ 3 -4 เดือนโดยติดตามการรักษาโดยภาพถ่ายทางคลินิก และภาพถ่ายขยายจากกล้อง dermoscope

ข้อดีหลักๆ ของการฉีด PRP เพื่อรักษาผมร่วงผมบาง คือ เป็นนวัตการรมที่ปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ได้มีการใช้สารเคมีอื่นใด มีโอกาสแพ้น้อยมากเพราะเป็นเลือดของตัวเราเอง สามารถกระตุ้นทำให้รากผมของผู้ป่วย หากได้รับการรักษาแบบปกติแล้วไม่ดีขึ้น หรือใช้เป็นการรักษาเสริมเข้ามาเพื่อชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม ช่วยให้ผมกลับขึ้นมาใหม่ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้เมื่อฉีด PRP ร่วมกับการปลูกผม จะช่วยทำให้ผลการปลูกผมดีขึ้น แผลหายเร็วและแผลเป็นน้อยหรือเล็กลง PRP เองยังสามารถใช้ร่วมกับวิธีการรักษาอย่างอื่นได้ เช่น การทำเลเซอร์ ทรีทเมนท์ วิตามินและยา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น ผลข้างเคียงอาจมีอาการเจ็บบริเวณที่ฉีด ผิวหนังแดงแสบ หน้าบวมจากการฉีดเข้าหนังศีรษะบ้าง แต่ไม่นานก็หายเป็นปกติ

ประโยชน์ของการทำ PRP นอกจากจะนำมาใช้ในการปลูกผมเพื่อช่วยสร้างความมั่นใจแล้ว เสริมบุคลิกภาพของคนที่เกิดปัญหาด้านเส้นผม ที่เกิดความอับอาย ขาดความเชื่อมั่น มีผลต่ออาชีพการงานและไม่กล้าเข้าสังคม การทำ PRP จึงเป็นทางเลือกใหม่ ในปัจจุบันมีการนำ PRP มาใช้ทางการแพทย์ในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬาฯ  ช่วยให้อาการบาดเจ็บของนักกีฬาหายเร็วขึ้น รวมทั้งอาการ ข้อ เอ็น กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง  ส่วนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อนำ PRP มาช่วยทำให้กระดูกติดเร็วขึ้น แผลหรือเนื้อเยื่อสมานได้เร็วขึ้น ส่วนในวงการทันตแพทย์ใช้ใช้ PRP ในการฝังรากเทียม แพทย์ผิวหนังใช้ในการทำให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์วัย ลบริ้วรอยความเหี่ยวย่นบนใบหน้า

Written By
More from pp
รฟม. ลงพื้นที่ตรวจการดำเนินงานลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่ก่อสร้าง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กระทรวงคมนาคม โดยกองสิ่งแวดล้อม ฝ่ายพัฒนาโครงการรถไฟฟ้า ลงพื้นที่ตรวจสอบและติดตามการดำเนินงานลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่ก่อสร้าง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง
Read More
0 replies on “ฉีดเกล็ดเลือดเพื่อปลูกผม”