“ปิดประเทศ” แล้ว ยังไม่รู้ตัว?

รำคาญหญิง ส.ท.ร.จังเลย!
ใครมีเก้าอี้ผุๆ เอาไปบริจาคให้เธอนั่งแก้กระซ่านซักตัวเหอะ
เรื่องโควิด “เปิด-ปิด” ประเทศน่ะคนไม่มีหน้าที่ “หุบปาก” ซะ
ให้คนมีหน้าที่และอยู่กับข้อมูลได้บริหารและตัดสินใจตามสถานการณ์ที่เขาประเมิน จะดีและถูกต้องที่สุด

ไม่ว่าใคร…….
การเอาความรู้สึก-รู้เสือกของตัวเอง เที่ยวโพสต์ เที่ยวสัมภาษณ์ “บริภาษ-โต้แย้ง” มาตรการรัฐบาล
นั่นรังแต่จะสร้างสับสนให้ชาวบ้าน และสร้างรำคาญให้คนกำลังทำงานเปล่าๆ

ไว้มีอำนาจ-หน้าที่ค่อยโชว์กึ๋น ตอนนี้ไม่มี ก็อย่าเที่ยวทำเป็นผีข้างบ่อน ซึ่งแสนจะสะเหร่อดก

ชั่วโมงนี้ “ปิด-ไม่ปิด” ไม่ต้องฟังใคร ให้ฟัง ๒ คนเท่านั้น คือ “นายกฯ” และ “คุณหมอยง”

“นพ.ยง ภู่วรวรรณ”หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ที่เป็น “เสนาธิการใหญ่” ทัพสาธารณสุข ขณะนี้
คนทั่วไปคงหวั่นไหว ตอนนี้ ที่เห็นป่วยโควิดเพิ่มขึ้นวันละ ๓๐/๕๐/๖๐ คน
จนยอดรวม ณ ๒๐ มีค.๖๓ พุ่ง ๓๒๒ คน และกระจายไปเกือบครบ ๗๗ จังหวัดแล้ว!

มันมาจากไหน?
ชัดเจน ๘๐-๙๐% มาจาก ๒ แหล่ง คือ สนามมวย กับสถานบันเทิง
แบบนี้ ระหว่าง “ปิดประเทศ” กับพวกเราแต่ละคน “ปิดตัวเอง” อย่างไหนจะหยุดยั้งการระบาดได้ตรงตัว-ตรงเหตุกว่ากัน?

คิดสิ…คิด อย่าเอาแต่พล่อยโพสต์ พล่อยพล่าม
น้ำลายที่พล่ามนั่นแหละ เผลอๆ จะเป็นการแพร่ไวรัสตัวใหม่ ไวรัส “บ้าใหญ่-บ้าอำนาจ” ซึ่งน่ากลัวกว่าโควิด

สาธารณสุขประเมินสถานการณ์ขณะนี้ในขั้นไหน และมีแผนเป็นทิศทางรับมือเป็นขั้นตอนอย่างไร?
เพื่อดับไฟสับสนในหัวใจผู้คน……
สาธุชนคนดีทั้งหลาย โปรดสดับตามที่คุณหมอยงโพสต์เฟซ แล้วจะมีความเข้าใจเป็นคำตอบเรื่อง “เปิด-ปิดประเทศ” ได้ด้วยตัวเอง ดังนี้

Yong Poovorawan
การควบคุมโรคระบาด โควิด 19 แต่ละประเทศจะต้องมีมาตรการในการป้องกันควบคุม ตามบริบทของตัวเองที่เหมาะสม

เราต้องยอมรับว่า โควิด 19 ไม่สามารถที่จะกวาดล้างให้ได้หมดไป เพราะได้มีการระบาดใหญ่ทั่วโลกแล้ว

โควิด 19 นี้ จะอยู่กับเราไปอีกนาน จนกว่าเราจะมีวัคซีนในการป้องกัน
ในแต่ละประเทศ จะต้องมีวิธีการควบคุม และลดการสูญเสียต่อมนุษย์ ทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งทางด้านเศรษฐกิจสังคม

การชะลอการระบาดของโรคโควิด 19 เป็นวิธีหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ เพื่อให้ระบบสาธารณสุขของเรา รองรับการดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

จนกว่าเราจะพร้อมเรื่องยารักษาโรค หรือมีวัคซีนในการป้องกัน
ขณะนี้ เรื่องยารักษาโรค เราก็มองเห็นหนทางบ้างแล้ว แต่วัคซีน ยังคงอีกนานพอสมควร

ประเทศจีนพร้อมที่จะช่วยเรา ในหลายมาตรการรวมทั้งยารักษาโรค favipiravir
บริบทในการควบคุมป้องกัน ลดจำนวนการระบาดในแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน

ประเทศจีนกับประเทศทางตะวันตก ที่มีเสรีประชาธิปไตย จึงมีความแตกต่างกัน

ไม่มั่นใจว่าการปิดเมือง จะทำได้จริงอย่างประเทศจีนหรือไม่ในประเทศประชาธิปไตย และเป็นไปไม่ได้ที่เราจะปิดเมืองหรือประเทศเป็นระยะเวลายาวนาน

การวางแผนของประเทศจึงต้องหาจุดสมดุลที่ดีที่สุด ในการต่อสู้ระยะยาว ด้วยกำลังทรัพยากรที่มีอยู่
ปัจจุบัน เรารู้แล้วว่า 80 % ของโรคนี้ ไม่รุนแรง และมีจำนวนหนึ่ง ไม่มีอาการด้วยซ้ำ จะเป็นผู้แพร่กระจายโรค

ผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว
ผู้สูงอายุควรอยู่บ้าน และผู้ที่ออกนอกบ้าน ลูกหลานจะต้องเข้าใจว่า เราอาจจะนำเชื้อมาสู่ ท่านได้

การควบคุมป้องกันโรค ในขณะนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องป้องกันให้มีผู้ป่วยเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ระบบสาธารณสุขของเรารองรับได้
ผู้ที่เป็นแล้วก็จะมีภูมิต้านทานขึ้น ไม่เป็นซ้ำอีก จนกว่าจะมีระดับภูมิคุ้มกันกลุ่มของประชาชนสูงถึงระดับหนึ่ง (เป็นแล้วไปจำนวนหนึ่ง) โรคจึงหยุดระบาด

เราต้องการวัคซีนมาเสริมภูมิต้านทานอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อให้ได้ภูมิคุ้มกันกลุ่มเพิ่มขึ้นได้อีก
การต่อสู้กับโรคระบาดจึงต้องใช้ระยะเวลายาวนาน การต่อสู้จึงต้องมีขั้นตอน แบบค่อยเป็นค่อยไป ตามความเหมาะสมและบริบทของประเทศไทย

การรบครั้งนี้ จึงเปรียบเทียบเหมือนการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่วิ่ง 100 เมตร จะหมดแรงเสียก่อน

นี่………..
ทุกคนต้องค่อยๆ อ่าน ทำความเข้าใจให้ชัดแต่ละข้อความ อย่าเป็นอย่างที่เป็นกัน คือ “ขี้เกียจอ่าน” อะไรยาวๆ แล้วรวบหัว-รวบหางไปเอากระเดียดผิดๆ ถูกๆ

อ่านให้เข้าใจ ตรงไหนยังไม่เข้าใจ อย่าเลื่อนไป ต้องให้เข้าใจก่อน แล้วค่อยเลื่อนไป

ชาวบ้านจริงๆ ไม่ห่วง เขานอบน้อม ถ่อมตน เชื่อฟังมาตรการรัฐ ไม่ทำตัวเป็นปัญหา
มีแต่พวกเรียนสูง รู้สูงนี่แหละ จะอีโก้สูง ตัณหาสูง ความเห็นแก่ตัวสูง ชอบเด่น ชอบดัง ชอบแหกกฎ ชอบเป็นอภิสิทธิ์ชน
และชอบอ้างสิทธิ์ ชอบทวงความรับผิดชอบจากคนอื่น ในขณะที่ตัวเองไม่ให้-ไม่มีกับคนอื่น

อย่างกรณีคนไทยในยุโรป เป็นเดือน-สองเดือน ไม่กลับ แต่พอยุโรป “เอาไม่อยู่”
และบ้านเราเริ่มใช้มาตรการเข้มเพื่อสกัดโควิดจากนอกไม่ให้เข้ามาระบาด

“สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย-กพท. ประกาศเปรี้ยงให้สายการบินที่มาไทยต้องปฏิบัติ ดังนี้

ก่อนออก Boarding Pass ให้ผู้โดยสารต่างชาติ ต้องคัดกรองก่อน ตามมาตรการนี้
-ใบรับรองแพทย์ ออกให้ไม่เกิน ๗๒ ชม.ก่อนเดินทาง มีมั้ย?
-กรมธรรม์ประกันภัย คุ้มครองรักษาพยาบาลในไทย ไม่น้อยกว่า ๑ แสนเหรียญยูเอส ครอบคลุมถึงโรคโควิด มีมั้ย?

สำหรับผู้โดยสารคนไทย……
ต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทางทางอากาศ (Fit to fly)

ทั้งนี้ เริ่มตั้งแต่ ๒๒ มีค.๖๓ เป็นต้นไป
เท่านั้นแหละ คนไทยแย้งกันกลับ พอเจอมาตรการ ต้องมี Fit to fly ทำไงดีล่ะ สำหรับมนุษย์สุดประเสริฐ ที่เรียก “คนไทย”?
ก็โพสต์โซเชียล…….
โทษและด่าประเทศไทย หน่วยราชการไทย รัฐบาลไทย ตัวเองไม่มีอะไรผิดพลาด-บกพร่อง
มีแต่รัฐบาลเท่านั้นที่ผิดและบกพร่อง ผีไทยในยุโรปโกรธ และไม่พอใจมาก

ก็จะแปลภาษาไทยเป็นไทยให้เทวดาไทยในยุโรปได้เข้าใจไว้
ไม่ใช่มาตรการงี่เง่า………
หากแต่มาตรการนี้ เท่ากับ “ปิดประเทศ” แบบเปิดอย่างมีศิลป์
คือมื่อไม่กลับกันแต่แรก ถึงตอนนี้ เพื่อเซฟคนไทยอีก ๖๐-๗๐ ล้านคน
ไม่ต้องการให้มีการเคลื่อนย้ายคนจากพื้นที่ติดเชื้อนำเชื้อเข้ามาแพร่ภายใน

ไม่ห้ามคนเดินทางเข้ามา แต่จะเข้ามา ต้องผ่านมาตรการเข้มข้น อย่างมีอารยะ
อยู่ยุโรป จะอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ก็เห็นสบายดี ไม่มีใครป่วยไข้อยู่แล้ว จะกลับมาเสี่ยงในประเทศทำไม
เมื่ออยากกลับ ก็ต้องทำตามกฎ
ถ้ายกเว้น จะด้วยลูกท่านหลานเธอ จะด้วยเส้นเอ็นมันนี่โต รัฐบาลหรือใครยก

นั่นก็ต้องรับผิดชอบ และตอบสังคมรวมให้ได้ ถ้าระบาดขยายเพิ่มวินาศสันตะโร!

ก็ค่อยๆ คิดตามนะ พวกที่ดีแต่แหกปากให้ “ปิดประเทศ”
ขนาดปิดแบบเปิด ไทยที่เอาแต่ได้ ยังโวยวายควายตื่นกันขนาดนี้
ถ้า “ปิดประเทศ” จริงๆ
ควายนั่นแหละ “จะร้อง” ให้เปิด “คอก” ก่อนเพื่อน!

Written By
More from plew
ต่ำใต้ในหล้า “บทศึกษาไทย”
เมื่อวาน (๗ เมย.๖๓) พอเดวิดเจียงสา’สุข “นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” โฆษกโควิด “แถลง ว่าวันนี้ ป่วยเพิ่มแค่ ๓๘ ราย...
Read More
0 replies on ““ปิดประเทศ” แล้ว ยังไม่รู้ตัว?”