เมื่อ “ลางร้าย” มาเยือนฝ่ายค้าน

ไม่ใช่ครั้งแรก….
ที่นายกฯ “ลุงตู่” ไปอีสาน โดยเฉพาะที่สุรินทร์-บุรีรัมย์
แต่ที่ไปเมื่อวาน(๑๙ สค.๖๒)
จับสัญญานได้ว่า ใจพี่น้องอีสาน เปิดประตูให้นายกฯ เข้าไปในนั่งอยู่ในชานเรือนใจเขาแล้ว!

คนเรา………
เมื่อผ่านด่านทดสอบความจริงใจ จนได้รับรู้ถึง “น้ำใส-ใจจริง” ต่อกันแล้ว
ที่เหลือต่อจากนั้น ก็คือความผูกพันสนิทใจ เหมือนพ่อ เหมือนแม่ เหมือนพี่ เหมือนน้อง เหมือนญาติพี่น้องและมิตรสหาย
มีแต่ความรักใคร่ ความจริงใจ ความบริสุทธ์ใจต่อกัน

เมื่อนายกฯ กับพี่น้องอีสานเป็นใจเดียวกัน
ทุกปัญหาก็ไม่ยากแก้…..
เพราะทุกข์อีสาน คือทุกข์ของนายกฯด้วย เมื่อทุกข์ในเรื่องเดียวกัน ก็ย่อมเข้าใจกัน

เมื่อเข้าใจ……..
การจะลงมือทำอะไรในทาง “แก้ทุกข์” มันก็เป็นไปในทางเดียวกัน ไม่ขัดแย้ง ไม่แบ่งฝ่ายกัน

มีแต่ “รัฐ-ราษฏร์-สส.” ร่วมแรง-ร่วมใจ ผลักดันปัญหาให้มันไปอยู่ใต้ตีนเรา
แล้วเอาความสำเร็จสู่ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเรา…ชาวอีสานทั้งมวลให้งอกงาม-งอกเงย

ปัญหา “บริหารน้ำ” ในอีสาน เป็นปัญหาท้าทายศักยภาพรัฐบาลและประเทศมาตลอด

เมื่อนายกฯ ลุงตู่มาแล้ว ได้เห็นแล้ว ได้รับฟังปัญหาจากปากชาวบ้านแล้ว
ที่นายกฯ รับปาก อย่ากองทิ้งไว้ตรงนั้น

นายกฯ ต้องเร่ง-ต้องจี้ ต้องเอาบ่าแบกล้อ แล้วเฆี่ยนควายให้เดิน
ให้ที่รับปาก ได้รับการแก้ไข เห็นผลเป็นเค้าโครงรูปธรรมภายในรัฐบาลนี้ให้จงได้

คือภายใน ๔ ปีนี้ ……..
ปัญหาหลักในอีสาน “เรื่องน้ำ” ต้องให้ได้เห็นโครงการจับต้องได้สักอย่าง ในความเป็น “วาระแห่งชาติ”
จะทำรูปแบบไหน เกินปัญญาผมจะรู้ แต่ระดับมันสมองทรัพยากรบุคคลประเทศ และปราชญ์ท้องถิ่น เขามีปัญญารู้

เชิญเขามาระดมมันสมอง
แล้วสรุปเป็น “บทสร้าง” สักอย่างเถิด!
รัฐบาลทำพิมพ์เขียวขยายใหญ่ๆ เป็นป้ายปักไปในทุกจังหวัดอีสาน เป็นสัญญาจากรัฐบาลเลยว่า

ปีนี้..ปีนั้น….
โครงการนี้ เพื่อความอยู่ดี-มีสุขของพี่น้องอีสาน ได้เห็นแน่นอน!
ต้องมีสัญญาใจอย่างนี้ เท่ากับพี่น้องอีสานทุกคน “มีส่วนร่วม” จะได้ช่วยกันตรวจสอบ ช่วยกันผลักดัน ให้ใจพี่น้องทุกคนผนึกว่า

นี่คือโครงการของเรา เพื่อเรา โดยเราร่วมกันทำ-ร่วมกันสร้าง

อย่าง ๕ ปีที่ผ่านมา รัฐบาลคสช.ยังเริ่มโครงการเป็นทางอนาคตไว้ได้ตั้งหลายอย่าง

เช่น อีอีซี สนามบินอู่ตะเภา รถไฟฟ้าเชื่อม ๓ สนามบินรถไฟฟ้าสีต่างๆในกรุงเทพฯ ไม่รู้กี่สายต่อกี่สาย
ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน “สถานีกลางบางซื่อ” ปี ๖๔ สถานีหัวลำโพงก็ย้ายมาอยู่นี่

อีกทั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษหลายแห่ง ตลอดถึงระบบขนส่งทางราง-ทางน้ำ ทั้งเหนือ-ใต้-ออก-ตก-อีสาน
เหล่านี้ เพียง ๔ ปีกว่า…
รัฐบาลคสช.ยังลงหลัก-ปักฐานเป็นสัญญาน “ไทย..สู่ศตวรรษใหม่” ที่มองเห็นทางสดใสในอนาคตได้

แล้วทำไม อีก ๔ ปี ต่อจากนี้ นายกฯลุงตู่ที่ประชาชนเป็นใจ จะวางรากฐานซักโครงการ เพื่อความงอกเงยในชีวิตเป็นอยู่ที่ยั่งยืนของพี่น้องอีสานไม่ได้?

มันต้องได้!

ยิ่งตอนนี้ ใจคนอีสานเปิดรับ อย่างไปเที่ยวนี้ เป็นนิมิตหมายที่ดี
นายกฯ ไปสุรินทร์ ………
สส.สุรินทร์ มี ๗ คน “หลากพรรค” ทั้ง เพื่อไทย พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย
ปรากฏว่า สส.ไปร่วมกับคณะนายกฯเพื่อรับฟัง-เสนอแนะปัญหาชาวบ้านพร้อมหน้า

เป็นเรื่องงดงามมาก …..

บ่งบอกความสูงส่งทางจิตใจของสส.สุรินทร์ โดยเฉพาะสส.มานิตย์ สส.ตี๋ใหญ่ สส.คุณากร ซึ่งสังกัดพรรคเพื่อไทย ยังมาร่วมต้อนรับนายกฯ

คนมีวุฒิภาวะ ต้องเช่นนี้ แยกแยะได้ ระหว่างงานเพื่อชาวบ้าน กับงานเพื่อพรรค

ไม่ใช่เป็นคนละพรรค ต้องเป็นสัตรู ต้องขัดขวางอยู่ร่ำไป ถือว่า ๓ สส.สุรินทร์ “เพื่อไทย” ทำหน้าที่เข้าถึงเจตนารมณ์การเป็นสส. “เพื่อประชาชน” ได้ถูกต้อง

แต่ดูเหมือน “เพื่อไทย” หายไปคน…
คือ สส.เขต ๗ “ชูศักดิ์ แอกทอง” ท่านอาจติดภารกิจก็ได้

ทางการเมือง “ในสภา” ฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล จะหักล้างกัน นั่นถือว่า ตามบทบาท-หน้าที่ ในระบบ “-ตรวจสอบถ่วงดุล”

แต่นอกสภา อะไรที่เป็นไปเพื่อขจัดทุกข์ สร้างประโยชน์สุขชาวบ้าน ต้องช่วยกัน
อย่าคับแคบแค่ว่าได้คะแนน-เสียคะแนนทางการเมือง เพราะคิดกันอย่างนี้นั่นแหละ

ชาวบ้านจึงต้องรับมรดกบาปจากความคับแคบของนักการเมืองมาตลอด

พูดถึงนักการเมือง….
มีคนบ่นให้ได้ยินว่า เสียดายรัฐสภา “สัปปายสถาน” ที่สร้างใหม่ ราคาหลายหมื่นล้าน

“คนใช้” กับ “สถานที่” ไม่คู่ควรกันเลย!

เขาพูด หลังเห็นบทบาท ลีลาสส. “รุ่นใหม่-รุ่นเก่า” จากการประชุุมแต่ละครั้ง

สรุปว่า “ชาวบ้านรับไม่ได้” กับสส.รุ่นนี้ หลายต่อหลายคน ราคาต่ำ
หรือ “ไม่มีราคา” คู่ควรกับ “สัปปายสถานรัฐสภา” เลย

โดยเฉพาะสส. “พรรคเกิดใหม่” บางพรรค แสดงพฤติกรรมทั้งผิดแผกแปลกมนุษย์ ทั้งคิด-ทั้งทำ วิปริตผิดผู้-ผิดคน

ยุคใหม่ เลือกตั้งใหม่ รัฐสภาใหม่ ประชาชนคาดหมายว่า จะได้คนวิสัยทัศน์ใหม่ “สมยุค” เข้ามาทำหน้าที่่ในสภา

แต่ที่ไหนได้………
กลับเข้าลักษณะ “กบเลือกนาย” ได้สัตว์ประหลาดเข้ามาฝูงหนึ่ง

วันๆ ไม่ทำอะไร นอกจากจ้องก่อความฉิบหายให้สังคมบ้านเมือง กับ “ตะกายตึก” อวดสีสันกวนตา-กวนตีนชาวบ้านไปเรื่อยๆ

สภาคาบนี้ ไม่ต่างเอาเสื้อผ้าไปแลกไข่

“เลือกตั้ง” หมดไปพันล้าน-หมื่นล้าน ก็เพื่อแลกคำว่า “รัฐบาลเลือกตั้ง” คำเดียว

ส่วน สส. “ติดตีนแห” ขึ้นมาด้วยเท่านั้น!

จากบางสส.-บางพรรค ทำให้สส.ส่วนใหญ่และรัฐสภา พลอยถูก “เหมาเข่ง” ไปหมดแบบนี้

ยิ่งฝ่ายค้านจับผิด-จับถูกรัฐบาลแต่วินาทีแรก “หาเรื่อง-จ้องล้ม” กะให้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ จมน้ำไปเลย อย่างที่ทำ

แทนที่รัฐบาลจะจม………
กลับเป็น “ฝ่ายค้าน” จะจมแทน!

เพราะชาวบ้านเห็นว่า ทำเพราะแค้น ไม่ใช่ทำตามคัลลองตรวจสอบ-ถ่วงดุล

ใช้เวทีสภา โค่นล้มรัฐบาลเพื่อประโยชน์ตัวเอง ไม่ใช่เพื่อประชาชน
และสังเกตว่า พรรคฝ่ายค้านด้วยกัน ก็ชักจะไปคนละทาง เช่นพรรคเพื่อไทยกับอนาคตใหม่
นายคนเดียวกัน คือ “ทักษิณ”

แต่ตอนนี้ เพื่อไทย “เมียหลวง” เหมือนรถเก่าในอู่ เอาไว้ดู แต่หมดความจูงใจให้ขับขี่

ส่วนอนาคตใหม่ “เมียน้อย” ใหม่ๆ ก็หน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประหลาดๆ อีกตะหาก
เหมือนรถใหม่ เพิ่งถอยจากอู่ จึงขับขี่อวดโฉมบ่อย

แรกๆ พูดกันว่า เพื่อไทย-อนาคตใหม่ “รวมกันอยู่-แยกกันตี”

แต่ที่เป็นตอนนี้ ใกล้จะ “แยกกันแตก” รอมมะร่อ เพราะอนาคตใหม่ “ตกปลาในบ่อเดียวกัน” จนแดงกลายเป็นส้มไปมากต่อมาก

สรุปแล้ว การรุมตีนายกฯ แทนที่นายกฯ จะตาย นายกฯ กลับมีฤทธิ์ มากศรัทธาจากประชาชนยิ่งขึ้น

ในขณะที่ เพื่อไทย ค่อยๆ ซีดลงไป
อนาคตใหม่ ก็เหมือนคนบ้า เที่ยวตะโกนไปคนเดียวเหนือ-ใต้-อีสาน “แก้รัฐธรรมนูญ-ล้มประยุทธ์”

บางพรรค-บางคนในซีกค้าน ก็เป็น “ตลิ่งพัง” ไปขึ้นฝั่งรัฐบาลทีละคน-สองคน

สรุป เป็นอย่างที่สส.เพื่อไทย บอกนายกฯที่สุรินทร์วานนี้ นั้นแหละ

“อย่ายุบสภา ๔ ปียาวไปเลยครับ..ท่านนายกฯ”!

Written By
More from plew
อำนาจแท้จริง “ประชาชน”
เมื่อคืนเป็นไงครับ? ได้ดูกันเปล่า ……… ประชุมรัฐสภาในนัด “แก้รัฐธรรมนูญ” เพื่อตั้งสสร.ไปร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แทนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนั่นน่ะ แล้วผลเป็นไง?
Read More
0 replies on “เมื่อ “ลางร้าย” มาเยือนฝ่ายค้าน”