ว่าด้วยเรื่อง “หนี้กยศ.” ของสส.

ช่วงไม่อยู่…..

ก็อาศัยติดตามข่าวสารโซเชียลมีเดีย เปิดๆ เปิดๆ ติดบ้างไม่ติดบ้าง ทางมือถือ

รับรู้ได้ว่า ที่ฮิตและพูดจากันอื้ออึง
เห็นจะไม่พ้นเรื่อง สส.แสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อปปช.
โดยเฉพาะราย สส.อนาคตใหม่ ๓-๔ คน

ค้างชำระหนี้กยศ. (กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา) เป็นหลักแสนและหลักหมื่นแต่ละราย ในขณะบัญชีทรัพย์สินที่ยื่น มีกันเป็นล้านๆ บาท “สำนักข่าวอิศรา” นำมาเปิดให้ดู พอสรุปได้ ดังนี้

-นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อนาคตใหม่ อายุ 27 ปี มีทรัพย์สิน 222,623 บาท หนี้กยศ.202,360 บาท

-นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.อนาคตใหม่ อายุ 29 ปี
มีทรัพย์สิน 11,000,000 บาท หนี้สิน 6.7 ล้านบาท เฉพาะหนี้กยศ. ยอดหนี้คงเหลือ 35,549 บาท

-นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก อนาคตใหม่ อายุ 37 ปี
มีทรัพย์สิน 8,000,000 บาท หนี้สิน 1.3 แสนบาท หนี้กยศ.ตั้งแต่ปี 42 ยอดหนี้คงเหลือ 85,667 บาท

-นายพีรเดช คำสมุทร ส.ส.เชียงราย อนาคตใหม่ อายุ 32 ปี มีทรัพย์สิน 8,200,000 บาท มีหนี้กยศ.ยอดคงเหลือ 83,433 บาท

ที่ถูกวิพากษ์-วิจารณ์มากเป็นพิเศษ คือรายนายรังสิมันต์ โรม และเขาโพสต์ fb ชี้แจง ไว้ ๔ ข้อ

1.ป.ป.ช. กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชี้แจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยแจ้งรายการที่เราต่างมีอยู่ก่อนหน้าวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 (วันที่ปฏิญาณตนรับหน้าที่ในสภา)

2.การชำระหนี้กยศ.นั้น จะชำระกันเป็นรายปี ซึ่งผมเองก็ทำตามระเบียบปกติในการกู้ยืมเพื่อการศึกษา เมื่อต้องชำระ ผมก็ได้ทำการชำระไปตามปกติ โดยป.ป.ช.ให้ผมแจ้งหนี้ กยศ.ออกเป็นสองส่วน โดยส่วนหนี้สิน ผมต้องนำยอดรวมทั้งหมด มาหักลบกับที่ชำระไปก่อนหน้าแล้ว ซึ่งการชำระหนี้ กยศ.ปีนี้ ผมเพิ่งจ่ายไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ดังนั้น ยอดการชำระคืนของปีนี้ จึงไม่ได้ถูกนับรวมไปในส่วนที่ถูกชำระไปแล้ว

3.ในส่วนของทรัพย์สินนั้น ยอดรวมที่เป็นประเด็นคือประมาณสองแสนกว่าบาท ผมขอชี้แจงเบื้องต้นเลยว่า
ผู้ที่นำประเด็นว่า ผมมีทรัพย์สินสองแสนกว่า ทำไมไม่ชำระหนี้ประมาณสองแสนเสียที นั้น กำลังอาศัยการใช้กลเม็ดเล่นคำ เนื่องจากยอดทรัพย์สินรวมนี้ นั้น มาจากเงินสดที่ผมมีอยู่จำนวนสองหมื่นบาท อีกส่วนมาจากบัญชีเงินฝากทุกบัญชีที่ผมมีอยู่ รวมถึงผลตอบแทนที่จะได้จากเบี้ยประกันในอนาคต (ซึ่งยังไม่ได้ ณ ตอนนี้)
และจากจุดนี้เอง ที่มีการอาศัยความเข้าใจผิด ว่าผมมีทรัพย์สินมากมาย มากกว่าหนี้กยศ.อาศัยความดราม่า เล่นใหญ่ว่า ทำไมผมจึงไม่ยอมจ่ายชดใช้หนี้แผ่นดิน ทั้งที่ผมไม่เคยมีปัญหาในการใช้หนี้คืน กยศ.

4.ทั้งนี้ ผมลงเล่นการเมืองในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อายุแค่ 27 ปี กยศ.ให้เวลาในการชำระหนี้ 15 ปี ผมก็ไม่เคยหลบหนี ก็มีบางคน กล่าวหาผมว่าเงินเดือนตั้งเยอะ ทำไมจึงไม่ใช้หนี้ให้หมด

ผมก็ต้องตอบตรง ๆ ว่าผมเป็นมนุษย์ ก็ต้องบริหารจัดการวางแผนทุกอย่างให้ดี เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่ยังคงต้องเดินทางไปทำงาน รับประทานอาหาร จ่ายค่าที่พักอาศัย ค่าใช้จ่ายรายเดือน รวมถึงการบริจาคให้กับพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากพรรคของเราไม่มีนายทุน ผมมีรายได้และรายจ่ายเหมือนคนปกติทั่วไป แน่นอนว่าที่ผ่านมา หนี้กยศ.ก็ยังคงเป็นหนึ่งในรายจ่ายนั้นเสมอมา ซึ่งก็ไม่เคยบกพร่องเรื่องนี้

ส่วนอีก ๓ สส.อนาคตใหม่ นั้น ยังไม่มีคำอธิบายถึงเหตุที่ยังมีหนี้กยศ.ค้างอยู่

ครับ…..

ก่อนจะไปต่อว่า-ต่อขาน ประจานคน ก็มาทำความใจเรื่องเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.กันก่อนสักเล็กน้อย

พูดถึงกยศ.อันเป็นกองทุุนให้ “อนาคตใหม่” ที่ไม่ Fake กับนักเรียน-นักศึกษา ในรอบ ๒๐ กว่าปีมานี้
ต้องขอบคุณ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรี แห่งพรรคชาติไทยสมัยนั้น ที่มาเป็นชาติไทยพัฒนาสมัยลูกทอป “รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยฯ” วันนี้

รัฐบาลอดีตนายกฯ บรรหารนั่นแหละครับ เป็นผู้จัดตั้งกองทุน กยศ. ตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ ออกพรบ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาต่อมา เมื่อปี ๒๕๔๑
เป็นกองทุนหมุนเวียน มีสโลแกนว่า “รุ่นพี่จะต้องส่งคืนเงินกู้ยืม เพื่อให้โอกาสน้อง ๆ รุ่นต่อไปบ้าง”

จากระดับมัธยมปลาย ปวช,/ปวส./อนุปริญญาตรี-ปริญญาตรี กู้ยืมเงินกยศ.ไปเรียนได้ มีหลักเกณฑ์ว่า ผู้จะกู้กยศ.จะต้องเป็นผู้

-ขาดแคลนทุนทรัพย์
-รายได้ครอบครัวไม่เกิน ๒ แสนบาทต่อปี
-ต้องทำประโยชน์ต่อสังคมและต่อสาธารณะ
-อายุในขณะที่ขอกู้ยืมเงิน………

เมื่อนับรวมกับระยะเวลาปลอดหนี้ ๒ ปี และเวลาผ่อนชำระอีก ๑๕ ปี รวมกันแล้วต้องไม่เกิน ๖๐ ปี

ถ้าถามว่า คนไม่ขาดแคลนทุนทรัพย์ จะกู้กยศ.เพื่อเรียนต่อได้มั้ย?

คำตอบ คือ ได้

ในสาขาวิชาที่เป็นความต้องการหลัก ในระดับปวส./อนุปริญญาตรี/ปริญญาตรี

เอ้า…ทีนี้ก็มาดูอย่างรายนายรังสิมันต์ โรม ซิว่า เขาควรถูกประณามหรือไม่ ในประเด็นค้างหนี้กยศ.?

นายปิยบุตร อดีตอาจารย์สอนกฎหมายมหาชน ธรรมศาสตร์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า

เขามีศ.วรเจตน์ นิติราษฏร์ เป็นไอดอล มีนายรังสิมันต์ เป็นศิษย์เอก
และมีนายธนาทร อนาคตใหม่ ที่ Fake หรือเปล่าไม่ทราบ นั้น เป็นเพื่อนเลิฟ

ช่วงนายรังสิมันต์ ใช้ธรรมศาสตร์เป็นฐาน “คนอยากเลือกตั้ง” เคลื่อนไหว ก่อนร่วมปิยบุตร-ธนาทร ตั้งพรรคอนาคตใหม่และลงเลือกตั้ง
เขาให้สัมภาษณ์ 101 One-On-One โดย “ยิ่งชีพ อัชฌานนท์” เมื่อเดือนมีนา.ปี ๖๑ ว่า

“ตอนนี้ ผมเรียนปริญญาโท สาขากฎหมายมหาชน ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อยู่ในช่วงการเขียนวิทยานิพนธ์ ….ฯลฯ….

รายได้เลี้ยงตัวเองหลักๆ ของผมตอนนี้ มีเงินจากที่บ้านและการทำงานเป็นผู้ช่วยอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ครอบครัวผมเป็นคนภูเก็ต ที่บ้านผมไม่ได้มีฐานะยากจน เขาอยากให้ผมเรียนจบปริญญาเอกด้วยซ้ำไป
ผมเคยคุยกับคุณแม่นะครับว่า อยากเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ว่าตอนนี้ต้องดูอีกที เพราะผมติดพันอยู่กับการเมือง ….ฯลฯ…..

ผมเกิดและใช้ชีวิตอยู่ภูเก็ตมาโดยตลอด เวลาเราพูดถึงสังคมคนใต้ นี่คือสังคมที่บ้าการเมืองมาโดยตลอด
ผมจำได้เลย วันที่ทักษิณชนะเลือกตั้งครั้งแรก ผมเห็นแม่กับยายผมจับเข่าคุยกันเรื่องทักษิณ

ดังนั้น ผมจึงเติบโตมากับครอบครัวที่คุยเรื่องการเมืองตลอดเวลา แม้กระทั่งพ่อผมเอง ซึ่งเป็นคนอเมริกันที่ย้ายมาอยู่ไทย เขาก็เป็นคนที่สนใจการเมือง….ฯลฯ….

เนี่ย…….
เมื่อทราบเส้นทางเป็นมาของนายรังสิมันต์ ก็ไม่แปลกใจด้านพฤติกรรม ความคิด การกระทำ ต่อสังคมชาติบ้านเมืองไทยของนายรังสิมันต์ ว่ามาจากไหน?

แต่ที่แปลกใจ ก็ตรงที่ นายรังสิมันต์บอกเอง
-บ้านผมไม่ได้มีฐานะยากจน เขาอยากให้ผมเรียนจบปริญญาเอกด้วยซ้ำไป
-มีเงินจากที่บ้านและการทำงานเป็นผู้ช่วยอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

อ้าว…
แบบนี้ กู้ยืมเงินกยศ.เรียนได้อย่างไร เพราะครอบครัวรายได้เกิน ๒ แสนบาท/ปีแน่นอน

นายรังสิมันต์ ก็บอก ทางบ้านไม่ได้มีฐานะยากจน ต้องการให้เรียนถึงปริญญาเอกด้วยซ้ำ

แสดงว่ารังสิมันต์ “ไม่ขาดแคลนทุนทรัพย์” คุณสมบัติเฉพาะไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะกู้กยศ.ได้

รังสิมันต์ น่าจะชี้แจงในประเด็นนี้บ้าง และพลอยสงสัยต่อไปอีกว่า

มีคัดกรอง-ตรวจสอบคุณสมบัติผู้กู้ก่อนอนุมัติหรือไม่?

หรือนักศึกษาคนไหน ยื่นมา สถาบันศึกษาก็ตะบุ้ยเซ็นรับรองให้ กยศ.ก็จะอนุมัติไปตะพึด

ทำนองบัตร ๓๐ บาท คนรวยที่ “อยากจน” ก็งกเอา!

เรื่องนี้ สำหรับ ๔ สส.อนาคตใหม่ ดูตามยอดหนี้คงเหลือ แสดงว่า ก็จ่าย แต่ยังไม่หมด

พูดตามเงื่อนไข ยังไม่ถือว่าเบี้ยวหนี้
แต่เงินกยศ.ไม่ใช่เงินแสวงหากำไรทางธุรกิจ หากแต่เป็นเงินทางคุณธรรมสำนึก “เพื่อการศึกษา”

ดังนั้น ใครก็ตามที่กู้ไป ไม่เฉพาะ ๔ สส.นี้ เมื่อเงินคุณธรรมสร้างชีวิตให้แล้ว จนมีเป็นล้าน ก็ควรรู้ละอาย รู้สำนึก ว่าเงินนี้ เป็นเงิน “จากพี่สู่น้อง” ที่น้องๆ รออยู่จำนวนมาก

ดังนั้น เมื่อพอมี-พอเก็บ เอาไปคืนทีเดียวทั้งก้อน หรือผ่อนส่งทีละมากกว่าเกณฑ์งวด ก็เป็นสิ่งควรทำ เพราะนั่น นอกจากตัวเองไม่เดือดร้อนแล้ว
ยังแสดงถึงความเป็น “คนดี” ทั้งต่อหน้าและลับหลังแท้จริง

ทุกวันนี้ “ประชาธิปไตย-เผด็จการ” ไม่น่ากลัว

พวกต่อหน้า “เสแสร้งเป็นคนดี” เงินมี..ไม่จ่าย ภาษี..ก็ไม่ยอมเสีย

พวกนี้ตะหาก ทั้งเฟค ทั้งน่ากลัว.

Written By
More from plew
“มิตรแท้-มิตรเทียม” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน คุยกันทุกวัน ผมก็เอา “สิ่งที่จะเป็น” ในอนาคตมา “บอกล่วงหน้า” ในปัจจุบัน ว่าพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ ซ้ำแล้ว-ซ้ำอีก!
Read More
0 replies on “ว่าด้วยเรื่อง “หนี้กยศ.” ของสส.”