การเมืองเรื่อง “คิดกันไปเอง”

วันนี้ กราบขออภัยตระกูล “ปราโมช” เป็นเบื้องต้น
เมื่อวาน “ผมผิด”
คือได้เล่าถึงคุณูปการของ “ขบวนการเสรีไทย” ที่ท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ เป็นหัวหน้า ช่วยชาติรอดจากการเป็น “ประเทศแพ้สงคราม” ในยุคสงครามโลกครั้งที่ ๒ตอนนั้น ช่วงปี ๒๔๘๔
ญี่ปุ่นฝ่ายเยอรมัน-อิตาลี “บุกไทย” ใช้เป็นทางผ่านไปเยิ่นกับฝ่ายสัมพันธมิตร “สหรัฐ-อังกฤษ” ทางมาเลย์-พม่า
บีบจอมพลป.นายกฯ ขณะนั้น ให้เข้าร่วมฝ่ายอักษะ ต้องประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร ในที่สุด

ถึงตอนจบ ญี่ปุ่นแพ้ แต่ไทยชนะ
ชนะเพราะท่านอาจารย์ปรีดี บอกสหรัฐ-อังกฤษ ว่าประกาศสงครามของไทยนั้นโมฆะ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ลงนามไม่ครบ

คือช่วงนั้น มีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ๓ คน อาจารย์ปรีดี เป็น ๑ ใน ๓ ท่านไม่ได้ลงนามรับรองคำประกาศนั่นด้วย
แล้วท่านก็รวบรวมผู้คนตั้งขบวนการเสรีไทย ทำงานใต้ดินกระจายทั่วประเทศ เรียกว่าประเทศไทย โดยขบวนการเสรีไทย เป็นฝ่ายสัมพันธมิตร ร่วมรบเคียงไหล่

งานหลักเป็นแนวที่ ๕ คอยสืบข่าว ชี้เป้าบึ้มที่ตั้งญี่ปุ่น ชี้จุดให้สหรัฐฯ นำอาวุธยุทธปัจจัยมาหย่อน และให้ทหารมาโดดร่มลง
“เสรีไทย” แยกทำงาน ๓ สายหลัก คือสายสหรัฐฯ สายอังกฤษ และสายในประเทศ ทุกสายควบคุมบัญชาการโดยท่านอาจารย์ปรีดี

“ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช” ตอนนั้น ท่านเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐฯ รวบรวมคนไทยที่นั่นตั้งขบวนการเสรีไทย
“บนดิน” ในฐานะทูตของประเทศที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามสหรัฐ
“ใต้ดิน” เป็นหัวหน้าเสรีไทย สายสหรัฐฯ อยู่ฝ่ายเดียวกับสหรัฐ สู้กับฝ่ายตรงข้าม คือพวกอักษะ

โดยประสานกับท่านอาจารย์ปรีดีในไทย ซึ่งดำรงสถานะ ๑ ใน ๓ ผู้สำเร็จราชการในพระองค์ขณะนั้น
เล่าไปเมื่อวานคร่าวๆ ……….
ปรากฏว่า ผมเขียนนามสกุลของท่าน ม.ร.ว.เสนีย์ ไปเป็นว่า “ปราโมทย์” ซึ่งผิดฉกรรจ์
ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฝ่ายพิสูจน์อักษรแก้ให้ถูกต้อง
ส่วนในเว็บ “เปลว สีเงิน” มาอ่านตอนเช้า แอดมินไม่ได้แก้ คงเป็น “ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมทย์” เห็นแล้ว ผมทั้งตกใจและเสียใจ
จึงขอแก้ไข ……..
ที่ถูกต้องเป็น “ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช” ขอรับทราบกันตามนี้ และกราบขออภัยในความผิดของผมด้วย

เอาหละ ล้อมวงกันเข้ามาได้แล้ว ถึงตอน “นินนาลุงป้อม” ตามที่บอกไว้แต่วาน!
ลุงป้อมของผม ขึ้นตั่งนั่งในตำแหน่งประมุขพรรคพลังประชารัฐปุ๊บ
ทั้งปากกา นาฬิกา แว่นตา และเกี๊ยะ ปลิวว่อนเฉลิมฉลองตำแหน่งหัวหน้าและกก.บห.ชนิดหัวหนุ่ย-หัวโน

“ลุงป้อม” ยังเบา ที่คาดไม่ถึง กลายเป็นอาจารย์แหม่ม “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” กก.บห.ชุดใหม่ ในตำแหน่ง “เหรัญญิก” พรรค

ไม่มีใครอิจฉาตำแหน่ง แต่พลันที่นายอนุชา นาคาศัย เลขาฯ พรรคบอกว่า อาจารย์แหม่มเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
เท่านั้นแหละ เละยิ่งกว่าโจ๊กบด!
ก็ทั้งสงสาร ทั้งเห็นใจอาจารย์แหม่ม ทำไมถึงโหดร้าย ใช้ความรู้สึก “ชอบ-ไม่ชอบ” ตัดสินชี้ขาดฉับพลันกันอย่างนี้ก็ไม่รู้

แค่ “เมฆกลางแดด” โวยว่าฝนตก-น้ำท่วมไปไยกัน?
ผมเข้าใจอารมณ์ผู้คน ตอนนี้ ฉุนอยู่ ๓ เรื่อง

๑.ไม่ชอบใจทีมบริหารพรรคชุดใหม่ คล้ายว่า “ทีมสมศักดิ์-สุริยะ” ลอกคราบเป็นใหม่ ยึดพรรคพปชร.ไปแล้ว
๒.ไม่ชอบใจที่ “ทีมสมคิด” อุตตม-สนธิรัตน์-สุวิทย์-กอบศักดิ์ ถูกเขี่ยพ้นวงจรพรรค
๓.แค่สองข้อนั่นก็หงุดหงิดอยู่แล้ว พอได้ยิน จะเอาอาจารย์แหม่มเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ระเบิดตูมทันที!

ก็อยากบอกว่า “ที่เห็น-ใช่ที่เป็น”
การเมืองไม่ต่างการทัพ เพราะทีม ๓ ป.มีแผน-มีเป้าหมาย การเคลื่อนไหวกำลังพลในพรรคจึงเกิด
คนภายนอกรักนายกฯ ประยุทธ์ เข้าใจว่า การเมืองเรื่องอำนาจในพรรค กำลังบีบนายกฯ ให้ปรับครม.เอาคนนั้นออก เอาคนนี้เข้า ตามที่พรรคชี้นิ้ว

ขอบอกว่า ตื้นๆ ทหารไม่ อะไรที่คิดไม่ถึง ทหารทำ!

มองการเมืองพลังประชารัฐ อย่าไปมองตามคนนั้น-คนนี้ คอเคล็ดเปล่าๆ
สังเกตุ “บิ๊กป้อมกับน้องตู่” สบตากัน ก็พอ!
ดูการเมืองเหมือนดูกีฬา ต้องรู้กติกา ถ้าไม่รู้ ก็จะเชียร์เลอะเทอะไปเรื่อย
อย่างเรื่องนี้ ตั้งสมการกันว่า เมื่อทีม “สมศักดิ์-สุริยะ” ยึดพปชร.ได้ ก็จะรุกต่อ ชี้เอาเก้าอี้โน้น-นี้ แล้วบีบให้นายกฯ ปรับครม. ตาม

มันจะเป็นอย่างนั้นได้มั้ย ก่อนอื่น ต้องดูกติกา คือรัฐธรรมนูญก่อนเขาว่าไง?

-ที่มานายกฯ ต้องมาจากบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรคตอนเลือกตั้ง
-ผู้เลือกนายกฯ ตามบทเฉพาะกาล ๕ ปีแรก สส.-วุฒิฯ ๗๕๐ คนโหวต คนไหนได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสองสภา คือได้ ๓๗๖ เสียงขึ้นไป ได้เป็นนายกฯ
-พรรคพปชร.เชิญ “คนนอก” พลเอกประยุทธ์ นำชื่อเสนอกกต.ในบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรค ส่งชื่อเดียว
-สมาชิกรัฐสภาโหวตให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ

นั่นคือ พลเอกประยุทธ์ ไม่ใช่นายกฯ ของพรรคพปชร.พรรคเดียว ที่ต้องทำตามมติหรือความต้องการพรรคพปชร.
หากแต่เป็นนายกฯ “หัวหน้ารัฐบาล” ของพรรคร่วม ๒๐ พรรค
มีหน้าที่บริหารประเทศให้เป็นไปตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาและตามรัฐธรรมนูญบัญญัติ ไม่ใช่ต้องทำตามมติพรรคพปชร.

สรุปก็คือ ทั้ง ๒๐ พรรคร่วม จะอยู่หรือจะคว่ำกระจาดไปเลือกตั้งกันใหม่ อยู่ในกำมือนายกฯ โดยตรง!
ก็เป็นอย่างที่นายกฯ ย้ำหลายครั้งแล้วนั่นแหละว่า เรื่องปรับครม.ปรับเมื่อไหร่ จะบอก
ส่วนจะเอาใครเป็น เสนอมาได้
แต่การตัดสินใจ “เอา-ไม่เอา” นายกฯจะเป็นคนเลือกและตัดสินใจ!
ด้วยกติกาเช่นนี้ ไม่เพียงพปชร.ทุกพรรคร่วมก็ต้องเข้าใจในการปรับครม.คือไม่มีอะไรที่ทุกคนอยากได้ แล้วได้หมด และก็ไม่มีอะไรที่ทุกคนอยากได้ แล้วไม่ได้เลย
นายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ เขาวางแบบมาให้นายกฯ เป็นดาวฤกษ์ ส่วนพรรครัฐบาล เป็นแค่ดาวเคราะห์

เว้นแต่ว่า พรรคร่วมพร้อมใจ “ไม่ไปต่อ” เทนายกฯ ทิ้ง นั่นก็เป็นอีกเรื่อง
แต่ตามรูปการณ์ บ่งว่าภารกิจบ้านเมืองที่นายกฯ ต้องการทำ ยังไม่ลุล่วง จำเป็นต้องดำรงสถานะรัฐบาลไว้ เพื่อสานให้เสร็จ
บิ๊กป้อมจึงต้องลงไป “คุมสภาพ” ทางเอกภาพในระบบสภา เป็นการ “ระวังหลัง” ให้นายกฯ ในเกมการรุกไปข้างหน้า

ดังนั้น ที่เคลื่อนไหวในพรรค ตาหมากที่เขยื้อน ก็ “บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก” นั่นแหละคอนโทรล
ปรับครม.ก็ต้องให้เขาบ้าง แต่มิใช่ทั้งหมด!
ส่วนอาจารย์แหม่ม ต้องบอกว่าระดับ “ศาสตราจารย์” มีประสบการณ์ตรงในงานสาขาเศรษฐกิจ การเงิน เป็นสิบๆ ปี นอกเหนือสอนหนังสือ จะดูแคลนเธอไม่ได้เลย
ผู้ช่วยรัฐมนตรีคลังก็เป็นมาแล้ว อยู่เบื้องหลังแผนงานด้านเศรษฐกิจหลายแผน เป็นตัวช่วยงานด้านต่างประเทศให้นายกฯ ที่ลงตัว


ส่วนงานโฆษก ที่ใครต่อใครค่อนขอดนั้น ว่ากันตรงๆ เป็น “งานชำร่วย” ส่วนงานหลัก คือตัวช่วยนายกฯ ที่คนทั่วไปมองไม่เห็น
พูดถึงวิชาความรู้ความสามารถและประสบการณ์ ไม่แปลกที่อาจารย์แหม่มจะเป็นหัว-หางในคำว่า “ทีมเศรษฐกิจ”
เพียงแต่ “อ่อนพรรษา” และตีราคาจากภาพโฆษก ยังไม่มีใครเห็นประกายกระบี่เศรษฐกิจของเธอ เมื่อบอกจะมาเป็นทีมเศรษฐกิจ จึงร้องกันขรม “จะไหวหรือ?”

ส่วนรองนายกฯ สมคิดกับ ๔ กุมาร นั้น ความจริง จะมีตำแหน่งในพรรคหรือไม่มี ก็เท่านั้น ไม่มีเหตุผลต้องสบัดตูดออกไป
การเมืองไม่ได้เล่นกันวันเดียวเลิก ที่เห็นเป็นเรื่อง ผมว่าเจ้าตัวพอใจ-ไม่พอใจ ก็อยู่ในใจ แต่สื่อนั่นแหละ เสี้ยมศักดิ์-เสี้ยมศรี ทำให้วุ่นวายไปเอง

ปรับครม.นายกฯ จะเอาทีม “อนุชา-อาจารย์แหม่ม” มาเป็นทีมเศรษฐกิจแทน “ทีมสมคิด” งั้นหรือ?
เรื่องของนายกฯ มัคนายกไม่เกี่ยว คือผมไม่รู้
แต่รู้ธรรมชาติทหารอย่างหนึ่ง เขามีคติว่า “งานไหน..ใครทำ คนนั้น ต้องรับผิดชอบ” คือต้องทำให้เสร็จ

งานกู้เศรษฐกิจ “สู้โควิด” เฉพาะหน้า ทีมสมคิดทำไว้ยังไม่เสร็จ เปลี่ยนคนกลางงาน เดิมพันเป็นล้านล้าน ใครรับผิดชอบ?
พรรคต้องดูแลนายกฯ เพื่อทางยาวของคณะพรรค นายกฯ ต้องดูแลประชาชน เพื่ออนาคตยั่งยืนประเทศ

สถานการณ์นี้ ขืนเข้าปล้นก็บ้าแล้ว!
ฉะนั้น ปรับครม.ถึงเวลาก็ต้องปรับ ส่วนทีมสมคิดนั้นประเมินวิสัยนายกฯ แล้ว ท่านไม่ใช่คน “ทิ้งเพื่อน” เอาตัวรอด
ผมจึงดูว่า ไม่มีอะไร ผู้บริหารพรรคใหม่จะพูดอะไรบ้าง ก็ให้เขาได้พูดบ้างเหอะ จะทึกทักที่เขาพูดทุกเรื่อง มันก็มากไป ประชาธิปไตย มันมีอยู่ตรง “ใจเขา-ใจเรา” นั่นแหละ

ปรับครม.เมื่อไหร่ เอาใคร-ไม่เอาใคร เชื่อใจนายกฯท่านเถอะ ถ้าวันไหนนายกฯทำให้ “ใจ” ของท่าน “เชื่อไม่ได้”

“ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์”…..
จะต่างอะไรกับ “ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์” ในค่าของคน?

 

Written By
More from plew
“ปฐมสถาปนาล้มเจ้า”
เปลว สีเงิน เป็นอันว่า……. “ร่างแก้รัฐธรรมนูญ” ทั้งหมด ๗ ฉบับ “สอบผ่าน” ๒ ฉบับ คือฉบับของ นายสมพงษ์...
Read More
0 replies on “การเมืองเรื่อง “คิดกันไปเอง””