นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมการปรับวิถีชีวิตชาวศรีสะเกษ New Normal และการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านวิถีเกษตรแบบครบวงจรอย่างยั่งยืน

16 ก.ค.63 เวลา 09.40 น. ณ สวนทุเรียนทับทิม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการปรับวิถีชีวิตของชาวศรีสะเกษภายใต้มาตรฐานใหม่ (New Normal) คือการดูแลสุขภาพอนามัยส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม

มีระยะห่างระหว่างบุคคล และใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าอยู่เสมอ

และการพัฒนาเศรษฐกิจของพื้นที่ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ผ่านวิถีเกษตรแบบครบวงจร โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและบริหารจัดการคุณภาพทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษให้ยั่งยืน การพัฒนาโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนต่าง ๆ

โดยพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมตรวจเยี่ยมครั้งนี้ด้วย โดยมี นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ให้การต้อนรับ และรายงานภาพรวมของจังหวัดศรีสะเกษให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบประกาศกรมทรัพย์สินทางปัญญา เรื่อง การขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication : GI) หอมแดงศรีสะเกษ และกระเทียมศรีสะเกษ ให้แก่ตัวแทนเกษตรกร ซึ่งการขึ้นทะเบียน GI จะสามารถบ่งบอกได้ว่าสินค้าที่เกิดจากแหล่งภูมิศาสตร์นั้นมีคุณภาพ ชื่อเสียง หรือคุณลักษณะเฉพาะของแหล่งภูมิศาสตร์ดังกล่าว โดยนายกรัฐมนตรี ขอความร่วมประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังและปราบปรามป้องกันไม่ให้มีการนำหอมแดงจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ

จากนั้น นายกรัฐมนตรี พบปะเกษตรกร/กลุ่มคนรุ่นใหม่กันทรลักษ์ YSF (Young Smart Farmer) เป็นการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ทดแทนเกษตรกรผู้สูงอายุ และสร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่หันมาประกอบอาชีพเกษตรกรรมมากขึ้น และกลุ่ม YEC (Young Entrepreneur Chamber of commerce) กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ เพื่อพัฒนาเครือข่ายสมาชิกและธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการเกษตรแบบครบวงจรอย่างยั่งยืน

โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้มีข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีในประเด็นต่าง ๆ อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำห้วยตามาย และการบริหารจัดการน้ำ การยกระดับผลผลิต การรักษามาตรฐาน การรับรองมาตรฐาน แปลงผลิตข้าว การลดต้นทุนเทคโนโลยีและเครื่องจักร การแปรรูปมูลค่าเพิ่มผลผลิต เพื่อเพิ่มรายได้ การพัฒนาการท่องเที่ยงผามออีแดง การของบประมาณสนับสนุนการทำเกษตรแปลงใหญ่ การพัฒนาเศรษฐกิจภาพรวมของ จ.ศรีสะเกษ เช่น ถนน น้ำ เป็นต้น


โดยนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความดีใจที่ได้มาพบกับประชาชน จ.ศรีสะเกษ กลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ และกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ พร้อมขอบคุณสำหรับข้อเสนอและแนวทางที่เสนอต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมรับข้อเสนอทุกอย่างไปพิจารณาคัดกรองเพื่อดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป โดยจะพิจารณาดำเนินการในเรื่องที่มีความสำคัญเร่งด่วนก่อนเป็นลำดับแรก เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำห้วยตามาย

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงภาพรวมการบริหารจัดการน้ำว่า รัฐบาลได้เตรียมงบประมาณรองรับดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ถึง 2564 รวมทั้งเตรียมการงบฯ รองรับในปี 2565 ด้วย ซึ่งการดำเนินงานมีความคืบหน้ามาโดยลำดับ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการกระจายน้ำให้มากขึ้นตามแหล่งน้ำที่มีอยู่ การหาพื้นที่ขุดอ่างรองรับน้ำที่ยังมีปัญหาเรื่องที่ดินที่จะดำเนินการอยู่

ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ทุกภาคส่วน ในการดำเนินการเรื่องอ่างเก็บน้ำทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และแหล่งเก็บน้ำในชุมชน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง รวมถึงจะต้องการหาวิธีจูงน้ำโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย โดยขอให้ใช้น้ำอย่างประหยัด รู้คุณค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้มีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอยั่งยืน

และยืนยันว่ารัฐบาลมีการวางแผนและดำเนินการทุกอย่างเป็นระบบทั้งเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถนน น้ำ การเกษตร อุตสาหกรรม โลจิสติกส์ ฯลฯ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่รัฐบาลกำหนดไว้ พร้อมย้ำการทำงานรัฐบาล New Normal จะเร่งการดำเนินการต่าง ๆ ให้เร็วขึ้น ผ่านการดำเนินงานของหน่วยต่าง ๆ ให้เป็นไปตามแผนและงบประมาณที่มีอยู่ รวมถึงการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย การค้า การลงทุนให้ทันกับสถานการณ์

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวให้ความสำคัญกับ SMEs วิสาหกิจชุมชน โดยแนะให้ทุกคนรวมกลุ่มกัน เพื่อรัฐบาลจะสามารถช่วยเหลือได้ และให้เชื่อมโยงการทำงานร่วมกันกับเกษตรแปลงใหญ่ ทั้งนี้ รัฐบาลจะหาวิธีและแนวทางให้หน่วยงานรัฐสามารถซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์จากวิสาหกิจชุมชนได้  พร้อมย้ำ SMEs วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ชุมชนต้องเกิดขึ้นให้ได้และขับเคลื่อนต่อไป  รวมทั้งเน้นถึงการทำเกษตร BCG ลงไปสู่พื้นที่ และการพัฒนาพันธุ์ข้าวอย่างต่อเนื่อง ลดต้นทุนการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม

ขณะเดียวกันให้ปลูกพืชและผลิตสินค้าให้มีความสมดุลในอุปสงค์อุปทาน สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและตลาด ตลอดจนฝากให้ประชาชนปลูกไม้มีค่า 58 ชนิด ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันกับธนาคารและสามารถตัดไปจำหน่ายสร้างอาชีพและรายได้ให้กับครอบครัว และเป็นมรดกให้กับลูกหลานในอนาคตได้อีกด้วย ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรี ย้ำจะเร่งแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ยาเสพติด ปัญหานายทุนที่มีการฟอกเงินอย่างจริงจังและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด


ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมสวนทุเรียนประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการคุณภาพ : ทุเรียนภูเขาไฟ พร้อมเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP เช่น ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียน ผ้าไหมและฝ้ายที่ย้อมจากดินจอมปลวกภูเขาไฟ กาแฟภูเขาไฟ แคปซูลหอมแดง และน้ำสมุนไพร ฯลฯ ก่อนเดินทางต่อไปยังโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหนองใหญ่ อำเภอกันทรลักษ์ เพื่อตรวจเยี่ยมการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ต่อไป

จังหวัดศรีสะเกษมีศักยภาพเป็น “เมืองเศรษฐกิจชายแดน” มีจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ เชื่อมโยงการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนกับกัมพูชา มีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ อาทิ ข้าวหอมมะลิ หอม กระเทียม และผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษพันธุ์หมอนทอง ซึ่งเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของศรีสะเกษที่ปลูกด้วยดินภูเขาไฟ และมีรสชาติอร่อยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย รวมทั้งผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP ที่มีศักยภาพต่าง ๆ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้แก่จังหวัดเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจังหวัดศรีสะเกษ ได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาไปสู่การเป็น “ดินแดนเกษตรปลอดภัย การค้าและการท่องเที่ยวครบวงจร”

Written By
More from pp
“อนุทิน” ไม่ขวางฉีดวัคซีนโควิดฯ เด็ก 12 ปี แต่ขอให้ผู้ผลิตมาขึ้นทะเบียนกับ อย.
วันที่ 14 กันนายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแผนการฉีดวัคซีน ให้เด็กอายุ...
Read More
0 replies on “นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมการปรับวิถีชีวิตชาวศรีสะเกษ New Normal และการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านวิถีเกษตรแบบครบวงจรอย่างยั่งยืน”