“บอส เรดบูล”เมาหลังขับ?

หมู่นี้ ผม “สามวันดี-สี่วันไข้” คงต้องอาศัยคุณ “ผักกาดหอม” บ่อยหน่อย
พระท่านว่า “โลกนี้ไม่มีอะไรที่บังเอิญ”
เพราะ “กรรม” ทั้งอดีต-ปัจจุบัน “ล็อก” ไว้ล่วงหน้าหมดแล้วนั่นแหละเพราะอย่างนั้น ความเป็นคน “โรคมาก” แต่เด็กของผม แม้กิน “รากโมก” ต้มเป็นปี๊บ ก็ยังเป็นโน่น-เป็นนี่ของมันเรื่อยไป!
ไม่ต่าง “นายจารุชาติ มาดทอง”
๑ ใน ๒ ประจักษ์พยาน คดี “นายบอส เรดบูล” ที่อัยการสั่งให้ตำรวจสอบเพิ่ม จนนำไปสู่การ “สั่งไม่ฟ้อง” ที่ก้องโลก

พยานปากนี้ยืนยัน เห็นเหตุการณ์ ขณะนายวรยุทธ ขับรถด้วยความเร็วแค่ ๕๐-๖๐ กม./ชม.ขณะพุ่งชนดาบวิเชียรตาย
เหตุเกิดปี ๕๕ เก็บความจำนี้ไว้ ๗ ปี
เพิ่งมาให้การเป็นพยานเอาปี ๖๒ วันเดียวกับพยานอีกคน คือ “พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร” มาให้การยืนยันเรื่องความเร็วตรงกัน

การปรากฏขึ้นของพยาน ๒ ปากนี้…….
เพราะทีมทนายของนายบอส ไปร้องขอความเป็นธรรมต่อกมธ.กฎหมาย สนช.ว่าตำรวจตัดพยาน ๒ ปากนี้ทิ้งไป ในชั้นสอบสวน ทำให้นายบอสไม่ได้รับความเป็นธรรม

กมธ.ก็จัดให้ ตรวจสอบแล้วส่งข้อมูลให้อัยการไปเพ่งพินิจ อัยการเพ่งแล้ว จึงสั่งตำรวจให้นำ ๒ คนนี้มาสอบเป็นประจักษ์พยาน และ “มีคำสั่งเด็ดขาด” ไม่ฟ้องนายบอส ในทุกข้อหา ในที่สุด


เมื่อวาน (๓๐ กค.๖๓) พลันมีข่าว……..
นายจารุชาติ ๑ ใน ๒ พยานปากเอก พบอุบัติเหตุด้วยรถมอเตอร์ไซด์ “เสียชีวิต” ที่เชียงใหม่ “กัมมุนา วัตตติ โลโก” ซะแล้ว!

ครับ..ก็เล่าสู่กันฟัง ไม่มีอะไร
กรรม ทำงานตามกรรม, คน ทำงานตามหน้าที่, ตำรวจ-อัยการ ตอนนี้ กำลังสอบหาจริง-หาเท็จในเรื่องราวกันอยู่

ทีนี้ ผมมีอะไรจะให้อ่าน ………
คือ คดีนายบอส ข้อหา “ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” และอัยการสั่งไม่ฟ้อง นั้น
ด้วย “ข้อมูลใหม่” จากการ “พิสูจน์ความเร็ว” เป็นตัวอ้างอิงในการชี้ขาด
แต่ถ้าหากในชั้นสอบสวน ตำรวจไม่ตัดประเด็น “เมาแล้วขับ” ทิ้งไปดื้อๆ แต่แรก การสั่งไม่ฟ้อง “ยากเกิด”

เพราะเหตุใด “เมาแล้วขับ” จึงถูกเปลี่ยนเป็น “เมาหลังขับ” อยากรู้มั้ย?
ถ้าอยาก จะเล่าให้ฟัง คือ ปี ๕๕ “พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และนำตำรวจบุกจับนายบอสถึงในบ้าน

“พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร” เป็นผบช.น.คนต่อมา ขณะอยู่ในตำแหน่งรักษาการ ราวๆ ปี ๕๙
ท่านไปขอดูสำนวนที่โรงพักทองหล่อ ให้สัมภาษณ์นักข่าว ใจความว่า

“ผมไม่เคยเจอข้อหาเมาแล้วขับ…….
ไม่มีการแจ้งข้อหา “เมาแล้วขับ” แก่นายวรยุทธ แต่กลับแจ้งข้อหา “ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด” และ “เมาหลังขับ” แก่ผู้ต้องหา

ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือฝ่ายผู้ต้องหาหรือจะมีใครรู้เห็นหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่อยากพาดพิงไปถึงหน่วยงานอื่น”

พล.ต.ท.ศานิตย์ท่านนี้ ผมจำได้ ช่วงแดงนปช.ครองเมืองเสธฯ แดง “พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล” พาสมุนนั่งรถตู้บุกกองปราบ
พล.ต.ท.ศานิตย์นี่แหละ ออกปะทะหน้า
พร้อมสวนกลับด้วยการ “จับเสธฯแดง” ทำเอาเสธฯ แดงเซ่อแดกไปเลย!

ซึ่งตอนนั้น ท่านเป็นรองผู้การฯ กองปราบ ผมประทับใจท่านมาก
และเมื่อ “บอส รอดทุกคดี” เป็นข่าวทะลุโลกขึ้น ผมก็นึกถึงบางประเด็นที่ท่านเคยให้สัมภาษณ์ไว้

เพราะท่านเป็นสนช.อยู่ในกมธ.กฎหมาย ชุดรับเรื่องทนายนายบอสไปร้องขอความเป็นธรรมนั้นด้วย

สาม-สี่วันก่อน ท่านชี้แจงเรื่องนี้ว่า……
“ในประเด็นกมธ.ขอยืนยันได้ว่า กรรมาธิการนำเรื่องนี้มาพิจารณาจริง หลังทนายความของนายบอส ยื่นเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรม

เท่าที่ทราบ เขายื่นทุกช่องทางที่จะทำได้ เช่นร้องขอความเป็นธรรมอัยการสูงสุด รวมถึงช่องทางของกรรมาธิการฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ตอนนั้นเป็นสนช.

แต่สุดท้าย กรรมาธิการมีความเห็นตรงกันเกือบทั้งคณะ “ไม่รับเรื่องนี้ไว้พิจารณา”

ไม่เคยมีความเห็นใดๆ ในทางคดี เช่น บอกว่าเขาไม่ผิดหรือสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบเพิ่มเติมอย่างที่สังคมเข้าใจ”

แต่วานซืน “นายธานี อ่อนละเอียด” สว.อดีตเลขาฯ กมธ.กฎหมาย กลับบอกว่า
“เป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะสนช.มีงานเยอะ พล.ต.ท.ศานิตย์ จึงอาจสับสนได้”!?

พล.ต.ท.ศานิตย์สับสน หรือนายธานีเลอะเลือน ก็ไม่ทราบได้ ทราบแต่ว่า ในฐานะรักใครนับถือน้ำใจส่วนตัว ผมถามพล.ต.ท.ศานิตย์ถึงเรื่องนี้ ท่านเล่าให้ฟัง ดังนี้


เล่าสู่กันฟัง!!!!!!!!!!!!!!
“อย่าพึ่งสิ้นหวังกับ…..”
คดีนายบอสฯ กลับมาเป็นข่าวครึกโครมอีกครั้ง ต้องยอมรับว่ามันมีผลกระทบต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชนค่อนข้างมาก
คดีนี้ เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.2555 ท้องที่สน.ทองหล่อ ต่อมา ประมาณต้นปี 2559 มีข่าวนายบอสฯ ผู้ต้องหาซึ่งหนีคดีไปปรากฎตัวที่อังกฤษ
จึงมีการเรียกร้องให้ติดตามตัวนายบอสฯกลับมาดำเนินคดีในไทย
เมื่อผมทราบเรื่อง จึงได้เดินทางไปที่ สน.ทองหล่อ เรียก ผกก. และพงส.มาพบ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง

ต่อมา จึงทราบในเบื้องต้นว่า พงส.ได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปให้อัยการแล้ว โดยมีความเห็นสั่งฟ้องนายบอสฯ หลายข้อหา
เช่น “ขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนผู้อื่นจนถึงแก่ความตายฯ” แต่ไม่มีข้อหา “เมาแล้วขับ”

ผมจึงขอดูร่างสำนวน ปรากฎว่ามีข้อเท็จจริงบางเรื่องเป็นที่น่าสงสัย
เช่น มีการเปลี่ยนคนขับ การตั้งข้อหาตำรวจผู้ตาย (เอ๊ะ) ขับรถเร็วฯ เมาแล้วขับฯลฯ

โดยเฉพาะ “เมาแล้วขับ” พงส.ไปเชื่อนายบอสฯ ว่าขณะชนไม่เมา แต่หลังชนแล้วจึงไปดื่มจนเมา ซึ่งมันเป็นเรื่องแปลก ผมเกิดมาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ ผมจึงได้ตำหนิพงส.ไป

หลังจากนั้น สื่อมาขอสัมภาษณ์ ผมได้ให้ความเห็นไปว่า “เรื่องนี้ พงส.บกพร่อง”
ส่วนหน่วยงานอื่น ผมมิอาจก้าวล่วง ในส่วนของพงส.นั้น ต่อมา มีการส่งเรื่องให้ปปช.ชี้มูลความผิดทางวินัยไป

ส่วนเรื่อง “เมาหลังขับ” ผมแกล้งพูด เพื่อสื่อให้เห็นว่า ข้อหา “เมาหลังขับ” มันไม่มีหรอก มีแต่ข้อหา “เมาแล้วขับ”

แต่ข้อเท็จจริง กลับไปเปลี่ยนเป็น “เมาหลังขับ” พงส.จึงสั่งไม่ฟ้อง เพราะหลังขับรถ จะดื่มเมาขนาดไหน ย่อมทำได้ ไม่มีความผิด
ที่เล่ามานี้ เป็นเพียงข้อเท็จจริงส่วนหนึ่ง ที่อยากจะบอกว่า “ส่วนตัวผม……..
รู้สึกช้ำใจและเสียใจกับเรื่องนี้เป็นร้อยเท่าทวีคูณ และยังนึกเสียดายด้วยว่า คดีนี้ ถ้าขณะเกิดเหตุอยู่ในยุคผม มันไม่มีทางรอดอย่างแน่นอนครับ”

ที่สุดนี้ ผมอยากจะบอกกับทุกท่านทุกคนว่า….
เรื่องนี้ เป็นเรื่องของบุคคลบางคนไม่เกี่ยวกับองค์กร อย่าพึ่งสิ้นหวังกับกระบวนการยุติธรรมของเรา
ส่วนตัวผม ยังเชื่อว่า ยังมีคนดีๆ ที่พร้อมจะทำหน้าที่นี้ ขอเพียง “ให้โอกาสเขาเท่านั้น” มาช่วยกันส่งเสริมคนดีกันเถิด

“ทำดี ทำได้ ทำทันที” ครับ (กราบ) (กราบ)(กราบ)
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร
26 ก.ค. 2563

อืมมมมม……..
นี่จะถือเป็น “อีกข้อมูลใหม่” ได้มั้ยเนี่ย?
เพราะเอกสาร-หลักฐาน “เมาสุรา” ขณะขับรถและมีสารเสพติด “โคเคน” ในร่างกาย ถูกเป่าหายไม่มีอยู่ในสำนวนคดีแต่ต้น
และนี่ จากปากคำอดีตผบช.น.ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และส่งเรื่องให้ปปช.ชี้มูลผิดทางวินัยไปแล้ว
ถือเป็นพยานถึงการ “เปลี่ยนข้อหา” เจตนาช่วยผู้ต้องหาได้!

และจากถ้อยแถลงนายธานีนั้น
ค่อยๆ แกะและไปทีละประเด็น จะเห็นที่มาการ “กลับคำสั่ง” จาก “ฟ้อง” เป็น “ไม่ฟ้อง” ในข้อหาประมาทขับรถชนคนตาย
น้ำหนักมาจากคำให้การด้านความเร็วรถของ ๒ พยานใหม่โดยตรง
นำไปสู่กมธ.ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสภาพความเสียหายและคำนวณความเร็วรถมาตรวจสอบ และรวบรวมผลสอบทั้งหมดส่งอัยการพิจารณานั่นแหละ
ตรวจสอบใหม่ จากความเร็ว ๑๗๗ กม/ชม.ในทางการ กลายเป็น ๗๖ กม/ชม.ในทางเอกชน

แต่ทางตำรวจ-อัยการ กลับเชื่อทางเอกชน ไม่เชื่อผลตรวจของพิสูจน์หลักฐาน อันเป็นทางราชการ

เอาหละ…….
ราตรียิ่งยาวนาน ยิ่งหนาวเหน็บ
ยุติธรรมจะกลับคืนหรือไม่ ประชาชน “ฝากความหวังทั้งหมด” ไว้ที่คณะกรรมการชุดนายกฯตั้ง

ที่ท่าน “วิชา มหาคุณ” เป็นประธาน
แต่ยังมีประเด็นเป็นเงื่อนไขที่ประชาชนต้องการความมั่นใจ อยากได้ยินจากปากนายกฯชัดๆ อยู่อีก ๑ ประเด็น
จะเป็นอะไร ไว้พรุ่งนี้เนอะ!



Written By
More from plew
นายกฯ “ในนายกฯ” คนที่ ๓๐ – เปลว สีเงิน
คลิกฟังบทความ…? เปลว สีเงิน น้ำเป็นของปลา ฟ้าเป็นของนก “เก้าอี้นายกฯ” เป็นของ “พิธา”! “หอมกลิ่นความเจริญ” มากับสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงตลบอบอวลเมืองไทย
Read More
0 replies on ““บอส เรดบูล”เมาหลังขับ?”