เมื่อ “เลขาฯสภา” ออกทะเล

เนี่ย..คนเรา….

เป็นอะไรก็เป็นได้ แต่จะเป็นให้ดีที่สุด ต้องรู้จัก ๒ อย่าง
คือ รู้จัก “อำนาจและหน้าที่”
และต้องมี ๒ อย่าง คือ “รับผิดและรับชอบ” ที่ต้องคู่กัน!
กรณี นายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.เขต ๗ ขอนแก่น ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิต
และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว จึงเข้าคุกทันที เมื่อ ๒๔ กย.๖๒
ก็มีความเห็นทางกฎหมายแตกเป็น ๒ ทาง
คือทางหนึ่ง ว่าเป็นศาลชั้นต้น คดียังไม่ถึงที่สุด จึงยังไม่ขาดจากความเป็นสส.
แต่อีกทางหนึ่งว่า นายนวัธขาดจากความเป็นสส.แล้วเพราะการที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว

จึงเข้าลักษณะต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๑ ประกอบมาตรา ๙๘ (๖)ที่ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง เมื่อ
“ต้องคําพิพากษาให้จําคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล” ตามมาตรา ๙๘(๖)
ขณะนี้ (๒๕ กย.) นายนวัธยังอยู่ในคุก
โดยถูกนำตัวจาก “ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ” ขอนแก่น ไปจองจำไว้ที่ “เรือนจำกลางขอนแก่น” แต่คืนวาน
เหตุที่ต้องเข้าคุกใหญ่ เพราะโทษประหาร เป็นอุกฤษโทษ ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ต้องคุมขังที่เรือนจำกลาง
ถึงวันนี้แล้ว ก็ยังไม่มีใครมายื่นขอประกันตัว!
นี่คือเนื้อความ…………
ตอนแรก “นายสรศักดิ์ เพียรเวช” เลขาธิการสภาผู้ราษฏร บอกว่า เมื่อไม่ได้ประกันตัว ต้องเข้าคุก นายนวัธถือว่าขาดจากความเป็นสส.แล้ว
แต่มาเมื่อวาน (๒๕ กย.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯบอก เพื่อให้ได้ข้อสรุป
ให้นายสรศักดิ์ไปประชุมฝ่ายกฎหมายดูว่านายนวัธขาดหรือยังไม่ขาดจากสถานภาพสส.

ประชุมเสร็จ นายสรศักดิ์ออกมาบอกว่า…….
ทีมกฎหมายสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๕ คน มีความเห็นเป็น ๒ ฝ่าย คือ
๑๑ เสียง ว่าต้องพ้นจากสถานะส.ส.
๔ เสียง ว่ายังไม่พ้น!
แต่ทั้ง ๑๕ คน เห็นตรงกันว่าสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีอำนาจหน้าที่ชี้ขาดเรื่องการสิ้นสุดสถานะส.ส.
เป็นหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัย
เพราะไม่มีข้อกฎหมายใด ระบุให้สภาฯ เป็นผู้ชี้ขาดเรื่องสถานะสส.
ช่องทางที่จะส่งไปศาลรัฐธรรมนูญ มี ๒ ช่องทาง คือ
ช่องทางส.ส.หรือส.ว.เข้าชื่อร้องผ่านประธานสภา ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
อีกช่องทางคือ กกต.เป็นผู้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
แล้วนายสรศักดิ์ก็ปัดสวะพ้นตัว บอกว่าจะนำความเห็นในที่ประชุมนี้ เสนอให้ประธานสภาชวนทราบวันนี้
สรุป ไม้หลักปักขี้เลน!
วันแรกไปอย่าง รุ่งขึ้นไปอีกอย่าง ตาอิน-ตานา กูขอเป็นตาอยู่ กางมุ้งไว้ก่อนดีกว่า ว่าแล้วก็เตะลูกส่งประธานสภาไปเลย
ชาวบ้านฟัง บอก…กูงง

ไม่มีข้อกฎหมาย หรือไม่กล้ารับผิดชอบ รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี เผื่อวันไหน อีกฝ่ายมาเป็นนาย จะได้ไม่เดือดร้อนกันแน่?
ความจริง เรื่องอย่างนี้ เขามีเจ้าภาพอยู่แล้ว หากแต่เลขาฯ สภาผู้แทนราษฏรนั่นแหละ
นอกจากไม่รู้อำนาจหน้าที่ของตัวเองแล้ว ยังทำให้สับสนไปอีก!
“เลขาฯสภาผู้แทนราษฏร” น่ะ มีอำนาจหน้าที่อย่างไรบ้าง นายสรศักดิ์รู้ใช่มั้ย?
หน้าที่ของ “สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร” จะเป็นงานธุรกิจ งานอำนวยการ งานแม่บ้านเป็นส่วนใหญ่
คือเป็นฝ่ายสนับสนุนและบริการ
ไม่มีอำนาจหน้าที่ไปตัดสิน-ชี้ขาดทางกฎหมายใดๆ เลย!
การออกความเห็นทางกฎหมาย เป็นเรื่องหนึ่ง อย่างที่คุณสรศักดิ์ให้ความเห็นวันแรก อย่างนั้นได้
แต่ที่จะไปชี้ขาดทางกฎหมายว่านายนวัธยังเป็นสส.หรือขาดจากสส.แล้วนั้น
มันไม่ใช่อำนาจหน้าที่ ที่ “สำนักงานเลขาฯสภา” จะไปประชุมชี้ขาดได้อย่างที่ทำ
ทำให้มันสับสนไปเปล่าๆ ปลี้ๆ!



เรื่องการจะชี้ว่า นายนวัธขาดหรือยังไม่ขาดจากสส.เป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต.เขา
ถ้าไม่แน่ใจ นายสรศักดิ์แค่ประสานไปทางกกต.และทางกกต.เขาว่าไง ค่อยนำมาประดิษฐ์ถ้อยแถลง
แบบนี้ คำพูด-คำจา ของเลขาฯ สภาผู้แทนราษฏร ก็จะเป็นมาตรฐานเชื่อถือมากกว่านี้
แล้วนี่ประชุมอะไรของคุณ เสียงส่วนใหญ่ ชี้ขาดว่า นายนวัธขาดจากสถานภาพสส.แล้ว
แต่ทั้งส่วนใหญ่-ส่วนน้อย ก็ยังร่วมกันสร้างมติ “ใหญ่ในใหญ่” ซ้อนขึ้นมาอีกว่า
ที่ชี้ขาดไปนั้น เขาทั้ง ๑๕ คน ไม่มีอำนาจชี้
รู้ว่าไม่มีอำนาจแล้วชี้ทำไม?
แทงกั๊ก ว่างั้นเหอะ?

เป็นอำนาจหน้าที่กกต.เขา แต่เอาเหอะ ในเมื่อเรื่องจะๆ แจ้งๆ ตามตัวบทกฎหมาย ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ทางสำนักงานเลขาฯ สภา ยังชักเข้า-ชักออก
อยู่เฉยๆ เถอะ แล้วดีเอง….
กกต.เขาจะจัดการเอง เพราะเขามีอำนาจหน้าที่โดยตรง เช่น
-สืบสวนสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง
-สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่…ฯลฯ
-การดำเนินคดีในศาลเกี่ยวกับความผิดการเลือกตั้งหรือพรรคการเมือง
-มีอำนาจแจ้งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการสอบสวนและให้มีอำนาจฟ้องคดีต่อศาล…ฯลฯ



-ดำเนินการเรื่องอื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนด
นี่แค่ตามกรอบตามอำนาจหน้าที่กกต.ยกมาเป็นสังเขปบางข้อเท่านั้น
สรุป คือ……..
กกต.มีอำนาจหน้าที่ครอบคลุม ๓ ด้าน
-ด้านบริหาร ควบคุมและจัดให้มีการเลือกตั้ง
-ด้านตุลาการ สืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยชี้ขาด สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ นับคะแนนใหม่ สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ผู้สมัครและสมาชิกสภาที่ทำผิดกฏหมายเลือกตั้ง
-ด้านนิติบัญญัติ ออกกฏระเบียบ คำสั่ง และข้อกำหนดที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน
ดังนั้น กรณีนายนวัธ “กกต.” ผู้เป็นเจ้าภาพ ก็รีบระงับความสับสนในด้านสถานภาพสส.ให้เป็นที่ชัดเจนเถอะ
ขาดแล้ว-ไม่ขาด



หรือ…
ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หรือไม่ต้อง ก็ให้รวบรัดชัดเจนทันต่อสถานการณ์วิพากษ์สู่แตกแยก
ขืนปล่อยนานไป จะเป็นช่องให้ทั้ง ผู้รู้ ผู้ไม่รู้ และผู้ตะแบง-แปลงกฎหมาย ลากไปพูดในแนวทางตนให้เป็นประเด็นหนักขึ้น
เอาหละ….ก่อนจะจบ
เพื่อความทันสมัยกะเขาบ้าง ขอแจมเรื่อง “ควายอินเตอร์” รับจ๊อบชูป้ายประท้วงนายกฯที่นิวยอร์คซักนิด



ตัดทอนจากเพจ @เสธ น้ำเงิน มาให้อ่าน ดังนี้
แฉความลับ
แฉ..เบื้องหลังม็อบป้ามุดเวอร์ชั่นเปรูชูป้ายต้านไทย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ก.ย.62 เวลาประมาณ 8.30 น.กลุ่มชาวต่างชาติ “ทุยแดง” ราวสิบกว่าคนใส่เสื้อหลากสีเพิ่งสกรีนเสร็จ
ถือป้ายเรียกร้องประชาธิปไตยในไทย ที่บริเวณหน้าโรงแรมพลาซ่า แอทธินี นิวยอร์ก อเมริกา ที่พักลุงตู่พร้อมคณะของไทย
แต่พวกนี้การข่าวแย่ เพราะลุงตู่เดินทางออกจากโรงแรมไปตั้งแต่เช้าตรู่ 07.00 น.
…..เมื่อมีนักข่าวและสายสืบของรัฐบาลไทยไปทำทีพูดคุยด้วย พบว่าไม่ใช่คนไทย พูดภาษาไทยก็ไม่ได้ แต่เมื่อสอบถามเป็นภาษาอังกฤษ ม๊อบเติมเงินเหล่านี้ มาจากเม็กซิโก และเปรู


เมื่อถามว่ารู้จักประเทศไทยหรือไม่?ม็อบบอกว่า “ไม่รู้จัก” สายสืบถามว่า “สปีคไทยทูมี?” ม็อบตอบว่า “ไตย ไตย ไตย ไตย”..ฮา !!
จากการข่าวกรองมา พบว่าม๊อบเติมเงินป้ามุดเปรู และเม็กซิโก ชุดนี้คือ “ม็อบรับจ้างอาชีพ” ในยามปกติคนต่างชาติพวกนี้จะเป็นพวกเร่ร่อน ไร้บ้าน นอนข้างถนน
เพราะที่อเมริกามีความเหลื่อมล้ำสูงมากๆ จนคือจนกรอบเลย รวยก็รวยล้นฟ้า
ดังนั้นในยามที่มีการประชุมใหญ่ๆ ระดับนานาชาติแบบนี้ที่จัดบ่อย ก็จะมีฝ่ายแค้น ฝ่ายชังชาติ พวกขายชาติ ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลประเทศต่างๆ ทั่วโลก มาติดต่อว่าจ้างทำม็อบ



โดยที่มะกันเขาทำกันเป็นล่ำเป็นสันแบบวันสต็อบเซอร์วิสแพ็กเก็จเลย คือ มีทีมรับงาน รับสกรีนเสื้อ รับทำป้าย รับจัดหาคน ฯลฯ
สนนราคาจะอยู่ที่ 100 – 200 US ต่อหัว หรือราว 3,000 – 6,000 บาท
ราคาที่แตกต่างกันนี้ สังเกตุได้จากป้าย ถ้าป้ายสกรีนข้อความสวยงาม แบบนี้ต่อหัวแพง แต่ถ้าเขียนด้วยมือ คือต่อหัวจ้างถูกๆ
เมื่อผู้ว่าจ้างรับงานจากเจ้าของเงินแต่ละประเทศมาแล้ว ก็จะทำป้ายข้อความ เสื้อยืดเป็นภาษาต่างๆ ตามที่ได้รับว่าจ้างมา เช่น เรียกร้องประชาธิปไตยจีน รัสเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น ฯลฯ อะไรก็ว่าไป
แล้วผู้ว่าจ้างก็ไปติดต่อประสานม็อบพวกนี้อีกที เพราะเขาทำกันประจำ รู้งานกันดี พวกม็อบเร่ร่อนจะยืนรองานกันตั้งแต่วันก่อนหน้า หรือเช้าวันงานเลยก็ได้ เดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้น

ถ้าสังเกตให้ดีๆ ม็อบเติมเงินพวกนี้จะ “ใส่เสื้อสองตัว” ทับกัน เหตุผลเพราะเสื้อตัวแรกที่ใส่ด้านในจะเป็นเสื้อกล้าม เสื้อยืด เสื้อแขนยาว
อันนี้คือเสื้อของพวกเขาจริงๆ ที่ใส่มาจากที่พัก ส่วนเสื้อยืดตัวนอกที่สกรีนข้อความเป็นชื่อประเทศต่างๆ ตามที่ได้รับว่าจ้างมา คือเสื้อที่ “ผู้ว่าจ้าง”  เอามาให้ใส่คลุมลงไปสดๆ กันแถวนั้นเลย
แต่ม็อบพวกนี้มีจุดที่เหมือนกันอย่างเดียว คือ “ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับประเทศที่ชูป้ายประท้วงเลย” เรียกชื่อประเทศยังไม่ถูกด้วยซ้ำ
………………………
@เสธ น้ำเงิน
#บ้านเมืองจะแย่ถ้าแก้รัฐธรรมนูญ



Written By
More from plew
รุ่นใหม่ “ลลิษา มโนบาล”-เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน จะคุยเรื่อง “ไพรวัลย์-สมปอง” วันนี้ ……… ดูมันเด๋อๆ ด๋าๆ เหมือนคุยงาน “ล้างป่าช้า” กลาง “สยามพารากอน”...
Read More
0 replies on “เมื่อ “เลขาฯสภา” ออกทะเล”