ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
‘เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง‘ผงาดนั่งเก้าอี้ประธานกรรมการนโยบายไทยพีบีเอส
นี่..พาดหัวข่าว “แนวหน้าออนไลน์” เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเนื้อหา-รายละเอียดก็คงจะได้ผ่านตา-ผ่านหูท่านผู้อ่านไปแล้วก็..ขอแสดงความยินดีกับอีกตำแหน่งการงานของดร.เจิมศักดิ์ นอกเหนือจากอาจารย์พิเศษ ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักจัดรายการวิทยุ และคอลัมนิสต์ “นสพ.แนวหน้า”
และหวัง (สูง) ว่า เมื่อคณะกรรมการนโยบายชุดนี้ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ สถานีโทรทัศน์ช่องไทยพีบีเอส จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่พัฒนาก้าวหน้าแปลกใหม่ให้ได้ปรากฏเห็น
ที่พูดเช่นนี้ ไม่ได้หมายความคณะกรรมการชุดก่อนไม่มีฝีมือ ความรู้ ความสามารถ หากแต่คณะกรรมการใหม่ควรที่จะได้โชว์ผลงาน ฝีมือ ความรู้ ความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์มากไปกว่าที่เป็นอยู่
ซึ่งนอกจาก ดร.เจิมศักดิ์ที่เป็นประธานแล้ว กรรมการนโยบายไทยพีบีเอสอีก 8 ท่าน ประกอบด้วย นายบุญเลิศ คชายุทธเดช นางสาวอุษาสินี ริ้วทอง นายอนุสรณ์ ธรรมใจ นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
รศ.ดร.ธีรภัทร สงวนกชกร นายชัยรัตน์ แสงอรุณ น.ส.รุ่งมณี เมฆโสภณ และ นายจักร์กฤษเพิ่มพูล
ทีนี้..มาดู “หน้าที่” ของคณะกรรมการนโยบายว่ามีอะไรบ้าง ผมค้นจากวิกิพีเดียพบว่า..
1.กำหนดนโยบายโดยทั่วไปขององค์การ
2.คุ้มครองรักษาความเป็นอิสระของคณะกรรมการบริหาร ผู้อำนวยการ และพนักงานให้ปลอดจากการแทรกแซงใดๆ
3.ให้ความเห็นชอบแผนการบริหารกิจการและแผนการจัดทำรายการขององค์การให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ตามมาตรา ๗
4.ให้ความเห็นชอบงบประมาณขององค์การ
5. ควบคุมการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารให้เป็นไปตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบาย
6.กำหนดให้มีการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพของรายการ
7.กำหนดข้อบังคับด้านจริยธรรมของกรรมการบริหาร ผู้อำนวยการ ผู้บริหารขององค์การ พนักงานและลูกจ้างขององค์การ และบทลงโทษ
8. กำกับดูแลเพื่อให้ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะและคำติชม ตลอดจนข้อร้องเรียนของประชาชนต่อองค์การ ได้รับการพิจารณาอย่างเหมาะสมและรวดเร็ว
ครับ..รู้แค่ 8 ข้อนี้พอ ซึ่งข้อ 2 นั้น ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าดร.เจิมศักดิ์ จะไม่ปล่อยให้พนักงาน ผู้อำนวยการ คณะกรรมการบริหารถูกแทรกแซงอย่างแน่นอน!
แต่..เรื่องการถูกแทรกแซงบางทีก็พูดยาก เพราะหากคณะกรรมการบริหารใช้ความเป็นอิสระ เสรีจนเลยเถิดเกิดประเด็นมีวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมถึงความเหมาะ-ไม่เหมาะสมของสถานี..
คณะกรรมการนโยบายจะนิ่งเฉยดูดายได้ไง อย่างน้อยก็ต้องพูดต้องปราม หรือบางครั้งก็ต้อง “ห้าม” เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อช่อง-สถานี..
อย่างนี้ จะเรียกว่า “แทรกแซง” ก็เห็นจะเป็นเรื่องที่พูดไม่ค่อยเต็มปากเต็มคำนัก ว่าแต่..ยุคสมัยนี้ สื่ออย่างไทยพีบีเอส..
ยังจะมีคน (กล้า) แทรกแซงอยู่อีกหรือ?