คลิป..เล่าความรู้สึกพิธีกรดัง (1)

ผสมโรง

สันต์ สะตอแมน

ไทม์แมชชีน..

เป็นคลิปวีดีโอที่ คุณเช็ค-สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ พิธีกรรายการดัง ได้จัดทำขึ้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าได้เผยแพร่เข้าถึงหูถึงตาคนดูไปมากแค่ไหนแล้ว ส่วนผมที่ดูแล้ว-เห็นแล้ว..

นอกจากให้นึกชื่นชมและขอบคุณจากใจจริง ยังใคร่จะขออนุญาตคุณเช็ค ที่จะแกะสำนวนในคลิปมาถ่ายทอดให้กับผู้อ่านที่อาจไม่ได้ดู หรือดูแล้ว ได้อ่านตัวหนังสือซ้ำอีกรอบ

หรือหากจะส่งต่อให้คนรุ่นใหม่ ลูกๆหลานๆได้ผ่านตาด้วย ก็น่าจะได้ข้อคิดที่ดีๆอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

คุณเช็คเริ่มต้น.. “ทุกท่านครับ ผมเป็นคนรักสถาบันพระมหากษัตริย์นะครับ และผมคิดว่าความรักที่ผมมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่ความรักแบบศรัทธา เทิดทูน ว่ากันตามๆมาโดยไม่มีหลักคิด ไม่มีเหตุผล

ผมคิดว่าผมมีหลักคิด และมีเหตุผลให้กับตัวเองดีพอนะครับ

ประเด็นที่อยากจะมาชวนคิดในวันนี้ ก็คือว่า ขณะที่ผมซึ่งเป็นคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ รู้สึกแบบนี้ คิดแบบนี้ แต่ว่ารุ่นลูกเราไม่ได้คิดแบบนี้

ลูกผมเองก็เหมือนกัน ลูกผมก็ไม่ได้มีความรัก หรือไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนกับผม ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องพ่อผิดลูกถูก ลูกผิดพ่อถูก

แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือว่า ในสถานการณ์ที่คนรุ่นใหม่แสดงออกอย่างชัดเจน ผมมีความรู้สึกสะทกสะท้อนใจต่อวิบากกรรม หรือว่าต่อทุกเหตุปัจจัยที่มันสร้างสมกันมา ที่มันทำให้เกิดภาวะ เกิดปรากฏการณ์อย่างเช่นในปัจจุบันนี้ขึ้น

นั่น ก็คือว่า ผมมีความรู้สึกโทษตัวเอง ผมมีความรู้สึกเสียใจ ผมมีความรู้สึกอยากจะขอโทษลูกในการที่มีส่วนเพิกเฉย หรือว่าประมาทก็ได้นะครับ

และก็ไม่ได้มีหน้าที่ในการที่จะทำให้กับลูกได้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ผมคิดว่า เออ มันน่าจะดีนะ

ในฐานะที่เป็นคนไทย อยู่ในชาติไทยที่มีความเป็นมา มีวัฒนธรรม หรือว่ามีทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เราอยู่มีความสุขในทุกวันนี้

สำหรับเรื่องนี้ผมทำความเข้าใจกับลูก โดยใช้การยกตัวอย่างเทียบเคียงกับครอบครัว หรือจากตระกูลของเราเอง

ผมบอกกับลูกว่า ไม่ผิดเลยที่ลูกจะไม่รู้จักทวดของตัวเอง ไม่รู้ว่าทวดของลูกชื่ออะไรด้วยซ้ำ แม้แต่ปู่ย่าตายาย ลูกก็มีความรู้สึกผูกพัน มีความรู้สึกถึงความเชื่อมโยงสัมพันธ์ก็น้อยกว่าพ่อกับแม่

ไม่แปลกใช่ไหมครับ เพราะลูกอยู่กับพ่อกับแม่ พ่อกับแม่คือปัจจุบันของลูก ตั้งแต่เขาโตมา เราก็เลี้ยงเขามา เขาก็โตมากับเรา แต่ว่าเราพาเขากลับไปเยี่ยมปู่ย่าตายายน้อยมาก

เพราะฉะนั้น ไม่ต้องแปลกใจ ว่าทำไมลูกถึงไม่มีความเชื่อมโยง หรือว่ามีความผูกพันกับปู่ย่าตายายมากเท่ากับที่เราผูกพันกับผู้ที่เป็นพ่อแม่ของเรา


เพราะฉะนั้น การที่คนรุ่นใหม่ ไม่สามารถที่จะเชื่อมโยงกับอดีตที่ไกลกว่าเจเนอเรชั่น ผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติ

ผมบอกกับลูกว่าในการมีชีวิตอยู่ที่สุขสบายของลูกทุกวันนี้ ถ้าเรามองตามหลักของกรรม ที่มาจากการเชื่อมโยง เป็นเหตุเป็นผลต่อๆกันมา เราปฏิเสธไม่ได้ว่าชีวิตของลูกที่มีความสุขความสบายวันนี้

ได้นอนดูทีวี ดูคอนเสิร์ตเกาหลี ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ดี ได้มีความสุข กินอิ่มหมีพีมัน มีพ่อแม่ที่รักลูก ดูแลลูกดีอยู่ทุกวันนี้ เพราะไม่มีกรรมที่คนรุ่นปู่รุ่นย่ารุ่นทวดสร้าง”

ครับ..เนื้อที่จำกัด เอาไว้พรุ่งนี้มาอ่านกันต่อ หรือถ้าใครอดใจไม่ไหวจะหาคลิปมาดูก่อน..

ก็..เชิญ!

https://www.facebook.com/CheckSuthipong/videos/582189045786127/

Written By
More from pp
มูลนิธิธรรมดี ร่วมตักบาตรเติมบุญ ช่วยเหลือสถานการณ์ โควิด-19
ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี มอบอาหารชุดตักบาตรเติมบุญ ครั้งที่ 72 จำนวน 466 กล่อง แก่นายแพทย์ชำนิ จิตตรีประเสริฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์ และพระครูมงคลกิตติธาดา...
Read More
0 replies on “คลิป..เล่าความรู้สึกพิธีกรดัง (1)”