สิ่งที่เกิดกับ “จันทร์โอชา”

ผักกาดหอม

เห็นด้วยนะ…
สุทิน คลังแสง บอกว่า
……มีข่าวว่ามีชื่อนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของพรรคเพื่อไทย ติดโผ รัฐมนตรีคลังคนใหม่

อาจเป็นผลจากการที่รัฐบาลพยายามควานหาคนที่มีความสามารถ
หากมีการเลือกนายสุชาติ จริง มองว่ารัฐบาลหมดหนทางแล้ว
หรือที่เรียกว่าจนตรอก…

ถ้าเป็นตามนี้ก็น่าจะจนตรอกจริงๆ
เพราะสมัยที่ นายสุชาติ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ๒ เดือนกว่า ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ที่สำคัญมาแบบไม่มีตัวเลือก!

แถมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ร่วมปี ก็ไม่มีอะไรให้จดจำ

ถ้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวเรือใหญ่ฟื้นอภิมหาวิกฤตเศรษฐกิจ จากมหาวิกฤตโควิด-๑๙ คงจะดูไม่จืดจริงๆ
หมดหนทางตามที่ สุทิน คลังแสง ว่ามานั่นแหละ

ครับ…ก็ปล่อยข่าวกันไป แต่ไม่ควรเป็นตัวเลือก ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะนำมาใช้งาน
เรายังคนที่มากความสามารถ อีกเยอะ
แต่ติดตรงที่ ไม่อยากจะเข้ามาเพราะเปลืองตัว

สิ่งที่เกิดกับ “ปรีดี ดาวฉาย” ทำให้เห็นแล้วว่า ยากที่คนมีฝีมือจะเดินเข้าสู่การเมือง โดยไม่มีหลักประกันในการทำงาน
ฉะนั้น…เป็นหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นขึ้นมา
และกันเกมการเมืองในรัฐบาลออกไปจากคนที่จะมากอบกู้เศรษฐกิจชาติ

เพราะลำพังคนไม่ชอบรัฐบาลถล่มก็หนักพออยู่แล้ว หากคนในรัฐบาลเอาแต่จะเลื่อยขากัน ก็ไม่มีใครอยากเข้ามา

ยกเว้นกันการเมืองผู้กระสันอยากจะได้เก้าอี้รัฐมนตรี แต่ความสามารถตลาดล่าง
พวกนี้จะพาชาติล่มจม
เข้าใจนะ สันติ พร้อมพัฒน์

เอาหละรายชื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ที่โผล่มา หลายคนหน้าตาไม่ขี้เหร่

วิรไท สันติประภพ
ไพรินทร์ ชูโชติถาวร
กรณ์ จาติกวณิช

ความสามารถมี แต่ใจไม่รู้
ขณะที่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในยามนี้ คือตำแหน่งที่สำคัญที่สุดในรัฐบาลรองจากนายกรัฐมนตรี

เก้าอี้ตัวนี้ เป็นโควต้ากลางของ นายกรัฐมนตรี
จะดีจะชั่วหลังจากนี้ก็อยู่ในมือนายกรัฐมนตรี

ฉะนั้นหันดูให้รอบๆ เพราะมีอีกหลายรายชื่อ เต็มไปด้วยศักยภาพ เพียงแต่ไม่ใช่ลูกพรรคพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม”

เพื่ออนาคตของชาติแล้ว หลายๆ ชื่อควรจะให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด ในการทบทวน และทาบทามเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตครั้งใหญ่นี้

ประสาร ไตรรัตน์วรกุล
ศุภชัย พานิชภักดิ์
บัณฑูร ล่ำซำ

คนเหล่านี้มีดีมากพอที่จะสร้างโอกาสให้กับประเทศได้
และหมากตานี้อาจตัดสินอนาคตของรัฐบาล เพราะหนทางข้างหน้า ไม่ใช่ขวากหนาม
แต่เป็นดงระเบิด………..

พักเรื่องเครียดๆ ไปดูเรื่องร้อนๆ กันบ้าง
เคยย้อนดูประวัติศาสตร์การเมืองไทยกันบ้างมั๊ย มียุคไหนบ้างที่ ลูก เมีย อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ทำตัวเป็นข่าว ไม่ยุ่งวุ่นวายงานบริหารราชการแผ่นดิน
ส่วนใหญ่ไม่มาวุ่นวายนะ นอกจากยุคทักษิณ

ติ๊กผิด
โกงข้อสอบ
โอนหุ้น

ที่หนักหน่อย เล่นบทซูสีไทเฮา นั่งกำกับพรรคการเมือง คุมรัฐบาลอยู่ข้างหลัง

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับ ลูกสาว ๒ คนของพล.อ.ประยุทธ์ กลับกันอย่างสิ้นเชิง คนที่เอาแต่ พร่ำเพ้อ เรื่องประชาธิปไตย แต่การกระทำกลับเลวทรามเยี่ยงอาชญากร

ธัญญา จันทร์โอชา, วนิฏฐา จันทร์โอชา ลูกสาวฝาแฝด พล.อ.ประยุทธ์ ถูกด่าสาดเสียเทเสียในโซเชียลมาหลายวัน ทั้งๆ หลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับงานของพ่อมาตลอดเวลา

แต่วันนี้ต้องลุกขึ้นสู้แล้ว
เพราะพวกล่าแม่มด ตามหาลูกประยุทธ์ คือพวกที่ชี้หน้าด่ารัฐบาลว่าคุกคามประชาชน ล้้ำเส้นมากไป
————–
ข้าพเจ้า นางสาวธัญญา จันทร์โอชา และ นางสาวนิฏฐา จันทร์โอชา ประสงค์ดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล หรือสื่อใดๆ ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จ, ด่าทอให้ร้าย, กล่าวหา, คุกคาม, หมิ่นประมาท ข้าพเจ้าทั้งสอง

เช่นการกล่าวหาว่า ข้าพเจ้าทั้งสอง เปลี่ยนนามสกุล, อาศัยอย่างสุขสบายอยู่ในคฤหาสน์ต่างประเทศ, เป็นเส้นทางฟอกเงินของบิดาและอื่นๆ โดยปราศจากหลักฐานและไม่มีมูลความจริงเช่นนี้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวข้าพเจ้าทั้งสองและวงศ์ตระกูล ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง

ข้าพเจ้าทั้งสอง ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการงานของบิดา ไม่เคยแสดงความคิดเห็นใดๆทางการเมือง วันนี้ข้าพเจ้าทั้งสอง จำเป็นต้องปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี สิทธิของตนเองและวงศ์ตระกูล ข้าพเจ้าทั้งสองขอเรียนชี้แจง ในประเด็นข้อกล่าวหาต่างๆ ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้น ดังนี้

ข้อ ๑ กล่าวหาว่า : มีการเปลี่ยนมาใช้นามสกุลมารดา เพื่อทำเรื่องผิดกฎหมายต่างๆ เช่น ฟอกเงิน ขอวีซ่าเพื่อหนีไปอยู่ต่างประเทศ ฯลฯ
ข้อเท็จจริง : ไม่เคยมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลใดๆ ยังคงใช้ชื่อ ธัญญา จันทร์โอชา และ นิฏฐา จันทร์โอชา ตั้งแต่กำเนิดจนถึงปัจจุบัน

ข้อ ๒ กล่าวหาว่า : ไม่ได้อยู่ประเทศไทย
ข้อเท็จจริง : อยู่ประเทศไทยมาโดยตลอด ใช้ชีวิตปกติอย่างประชาชนคนไทยทั่วไป

ข้อ ๓ กล่าวหาว่า : เรียนอยู่ประเทศออสเตรเลีย
ข้อเท็จจริง : ไม่เคยเรียนที่ประเทศออสเตรเลีย เคยเดินทางไปท่องเที่ยวเพียงครั้งเดียว เมื่อวัยเด็ก

ข้อ ๔ กล่าวหาว่า : เรียนอยู่ต่างประเทศ
ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสอง เรียนจบชั้นประถมและมัธยม จาก โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ เรียนจบปริญญาตรี จาก คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เท่านั้น

ข้อ ๕ กล่าวหาว่า : สอบตกปริญญาโท อธิการบดีถูกกดดันให้รับเข้าเรียน
ข้อเท็จจริง : ไม่ได้เรียนปริญญาโท และ ไม่เคยสอบตก เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ด้วยเกรดเฉลี่ย ๔.๐๐ และ ๓.๙๖ และ เรียนจบปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ได้รับเกียรตินิยมอันดับ ๒ ทั้งคู่

ข้อ ๖ กล่าวหาว่า : ปัจจุบันใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่ประเทศอังกฤษ โดยมีเจ้าสัวซื้อให้
ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสองใช้ชีวิตตามปกติในประเทศไทย ไม่เคยพำนักอาศัยในประเทศอังกฤษหรือประเทศอื่นใดเป็นระยะเวลานาน ไม่เคยพักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ใดๆ ข้าพเจ้าทั้งสองได้เดินทางไปเที่ยวประเทศอังกฤษครั้งล่าสุดในปีพ.ศ.๒๕๕๘ ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว โดยเข้าพักโรงแรมตามปกติ ในการนี้ ข้าพเจ้าทั้งสองได้มอบหลักฐานการเดินทางเข้าออกประเทศไทย ให้กับพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว


ข้อ ๗ กล่าวหาว่า : มีการซุกเงิน ฟอกเงิน โดยบิดาโอนเงินเข้าบัญชีลูกที่ต่างประเทศ
ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสองไม่มีบัญชีธนาคารที่ต่างประเทศ มีเพียงบัญชีธนาคารในประเทศไทยเท่านั้น

ข้อ ๘ กล่าวหาว่า : บิดาโอนเงินเข้าบัญชีลูกทั้งสองคนเพื่อฟอกเงิน
ข้อเท็จจริง : บิดาโอนเงินให้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือ ความลับใดๆ บิดาเป็นผู้ชี้แจงเองและแจกแจงที่มาที่ไปของเงินอย่างชัดเจนในการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.อย่างเปิดเผย ตั้งแต่เมื่อครั้งรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๗ และยังปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อทั่วไปหลายครั้งแล้ว

โดยเงินส่วนนี้มีที่มาจากการขายที่ดินของ พันเอก ประพัฒน์ จันทร์โอชา (คุณปู่) และมีการแบ่งทรัพย์สินภายในครอบครัว ซึ่งที่ดินผืนนี้เป็นมรดกตกทอดของครอบครัวมามากกว่า ๕๐ ปี


ข้อ ๙ กล่าวหาว่า : ทำไมไม่เคยมีภาพหลุดออกมาใน Social Media ใดๆ เลย แม้กระทั่งของเพื่อนยังไม่มีภาพ
ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสองไม่มีบัญชีส่วนตัวใน Social Media ใดๆ และ กลุ่มเพื่อนที่ติดต่อกันก็เข้าใจในสิทธิความเป็นส่วนตัวจึงไม่เคยแชร์ภาพใดๆ และไม่ต้องการให้มีบุคคลใดนำภาพไปแอบอ้างใช้หาประโยชน์

ข้อ ๑๐ กล่าวหาว่า : ไม่เปิดเผยตัวเหมือนลูกนักการเมือง หรือ ลูกนายกฯ คนอื่นๆ
ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสองใช้ชีวิตปกติเหมือนประชาชนคนไทยทั่วไป ไม่ได้ต้องการเป็นที่รู้จักหรือเปิดเผยตัวว่าเป็นลูกใคร เพราะ ไม่ต้องการได้รับอภิสิทธิ์หรือเพื่อรับผลประโยชน์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งของบิดา หากมีใครแอบอ้างว่ารู้จัก สามารถช่วยเหลือเพื่อรับผลประโยชน์ต่างๆ ได้ เป็นเรื่องเท็จทั้งหมด


ข้าพเจ้า นางสาวธัญญา จันทร์โอชา และ นางสาวนิฏฐา จันทร์โอชา ต้องการใช้สิทธิทางกฎหมายโดยการฟ้องดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด กับผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จ, ด่าทอให้ร้าย, กล่าวหา, คุกคาม, หมิ่นประมาท ทั้งหมด ทั้งผู้ที่โพสต์และแชร์ ในทุกช่องทาง Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Youtube ฯลฯ รวมถึงสื่อ หรือ พื้นที่สาธารณะอื่นๆ โดยไม่มีการยอมความใดๆ ทั้งสิ้น

หากผู้ใดมีหลักฐานการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ, ด่าทอให้ร้าย, กล่าวหา, คุกคาม, หมิ่นประมาท ที่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าทั้งสองเพิ่มเติม ขอความร่วมมือส่งข้อมูลมาที่ทนายความของข้าพเจ้าทั้งสอง ทางอีเมล [email protected] เพื่อรวบรวมและดำเนินการฟ้องร้องต่อไป….
—————-

ครับ…ใช้สิทธิเสรีภาพด่าคนอื่นจนเพลิน ถึงเวลาต้องรับผลของการกระทำ
มีทั้งนักการเมืองฝ่ายค้าน เซเลบเคลื่อนไหวด่ารัฐบาล ไปยันมวลชนปลายแถว ร้องหาความเป็นธรรมในสังคมด้วยการคุกคาม ให้ร้ายผู้อื่น ควรได้รับบทเรียน ผ่านกระบวนการยุติธรรม
ตามหาลูกประยุทธ์ ก็ไปเจอกันที่ศาล



Written By
More from pp
‘สาธิตกรุงเทพธนฯ’ หยุดการเรียนกรณีพิเศษ ตระหนักถึงความปลอดภัยของนักเรียน
โรงเรียนสาธิตกรุงเทพธนบุรี ประกาศหยุดการเรียนในกรณีพิเศษ หลังมีประกาศเรื่องการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ และทางกระทรวงศึกษาธิการได้ขอความร่วมมือให้โรงเรียนในเขตกรุงเทพมหานคร หยุดการเรียนเป็นกรณีพิเศษ หลังกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขตรวจพบผู้ติดเชื้อในจังหวัดสมุทรสาครเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Read More
0 replies on “สิ่งที่เกิดกับ “จันทร์โอชา””