รมว.ยุติธรรม ห่วงสถานการณ์โควิด สั่งงดเยี่ยมญาติแบบช่องทางปกติใน 11 เรือนจำ พร้อมกำชับเรือนจำเขต ๗ ทำตามมาตรการเข้มข้น คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า ใช้เทคโนโลยีทดแทน แยกกักโรคนักโทษใหม่

วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม  เวลา 15.00 น. ณ เรือนจำกลางนครปฐม ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประชุมร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำเขต 7 นำโดย นายนักรบ นาคพรหม ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครปฐม ประธานเขต 7 รวมถึงผู้บัญชาการเรือนจำกลางเขาบิน ผู้บัญชาการเรือนจำกลางราชบุรี ผู้บัญชาการเรือนจำกลางสมุทรสงคราม ผู้บัญชาการเรือนจำกลางสมุทรสาคร ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอทองผาภูมิ ผู้อำนวยการสถานกักกันนครปฐม ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษธนบุรี และผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงธนบุรี ถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤตฯ กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รับทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าวและมีความเป็นห่วง จึงได้กำชับถึงมาตรการป้องกันโรค ตามที่กรมราชทัณฑ์กำหนด โดย นายสมศักดิ์ฯ เห็นควรให้ใช้มาตรการดังกล่าวกับเรือนจำเขต 7 ทั้งหมด จึงขอให้เรือนจำเขต 7 ดำเนินการ ตามมาตรการสำคัญ ๆ ดังนี้

1. แยกกักกันโรค ผู้ต้องขังรับใหม่ รับย้าย กลับจากโรงพยาบาลภายนอก อย่างน้อย 14 วัน และต้องปฏิบัติตามกระบวนการแยกกักกันโรคที่ถูกต้องอย่างเข้มงวด 2. งดการเยี่ยมญาติช่องทางปกติและให้มีการเยี่ยมญาติทางไลน์ทดแทน 3. “มาตรการคนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า” ด้วยการงดนำผู้ต้องขังออกทำงานภายนอกเรือนจำทุกกรณี และงดการนำบุคคลภายนอกเข้าเรือนจำ ยกเว้นมีความจำเป็น เช่น เจ็บป่วย 4. สร้างความเข้าใจ ให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้ต้องขังและญาติ ตลอดจนจัดให้มีกิจกรรมผ่อนคลายความเครียดในเรือนจำช่วงระหว่างการงดเยี่ยมญาติ

5. กำชับเจ้าหน้าที่ ผู้ต้องขังและญาติ ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด เช่น สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา การเว้นระยะห่างทางสังคมสังคม และ6. งดการจัดกิจกรรมที่ต้องนำผู้ต้องขังมารวมกันมากๆ และจัดหาหน้ากากอนามัยให้ผู้ต้องขังทุกคนอย่างน้อยคนละ 2 ชิ้น

“ขอให้ผู้บัญชาการทุกท่านรับทราบมาตรการ และจัดการให้ดี พยายามประชาสัมพันธ์ข่าวสารให้ทั่วถึง ทั้งตัวผู้ต้องขังและญาติ และการนำตัวผู้ต้องขังไปยังศาลจะสามารถใช้วิธีวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้หรือไม่ และหากเรือนจำไหนพิจารณาแล้วว่าจะเกิดการลุกลามให้พิจารณาล็อกดาวน์ตัวเอง สิ่งที่เราห่วงคือเรื่องของคนในเรือนจำ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ พยายามเช็คอย่างละเอียดและไปในพื้นที่สุ่มเสี่ยง ในเรือนจำต้องไม่มีโควิด” ว่าที่ ร.ต.ธนกฤตฯ กล่าว



จากนั้น นายสมศักดิ์ฯ ได้วีดีโอคอนเฟอเรนซ์เข้าสู่ที่ประชุม โดยระบุว่า หากพบเชื้อที่ไหนให้กำหนดจุดบริเวณนั้น และวัดระยะห่างตีกรอบพื้นที่ และให้ทุกคนพิจารณาร่วมกัน เพราะเป็นเรื่องของข้อเท็จจริง หากจุดไหนสุ่มเสี่ยงก็ต้องปิด โดยขณะนี้ได้ตีกรอบงดเยี่ยมญาติแล้วเบื้องต้น 11 เรือนจำ คือ

1.เรือนจำกลางนครปฐม 2.เรือนจำกลางเขาบิน 3.เรือนจำกลางราชบุรี 4.เรือนจำกลางสมุทรสงคราม 5. เรือนจำกลางสมุทรสาคร 6.เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี 7.เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร 8.เรือนจำอำเภอทองผาภูมิ 9.สถานกักกันนครปฐม 10.เรือนจำพิเศษธนบุรี และ 11.ทัณฑสถานหญิงธนบุรี

“เมื่อปิดการเยี่ยมญาติให้ผู้บัญชาการทุกท่าน ใช้การสื่อสารทางไกล ผ่านแอปพลิเคชันไลน์สื่อสารกันแทนและเพิ่มรอบการเยี่ยม วางแผนให้ดี รวมถึงการใช้เทคโนโลยีอื่นๆ ตามสิทธิที่ผู้ต้องขังทุกคนควรจะได้ เช่น การพบศาลผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ การฝากเงินผ่านออนไลน์ และทำความเข้าใจกับผู้ต้องขังทุกคน ไม่ให้เกิดการเข้าใจผิดว่ากีดกันสิทธิเสรีภาพ จนเกิดความวุ่นวาย และขอให้ผู้บริหารทุกท่านนำมาตรการไปปฏิบัติตามสถานการณ์ หากมีปัญหาติดขัดตรงไหนให้รีบแจ้งมาทันที” นายสมศักดิ์ฯ กล่าว

Written By
More from pp
ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณี โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เตรียมพร้อมรองรับการเดินทางจากต่างประเทศ (Safety to Safety Travel)
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2563 เวลา 13.30 น. กองสาธารณสุขฉุกเฉิน จัดประชุมทางไกล (Video Conference) ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข...
Read More
0 replies on “รมว.ยุติธรรม ห่วงสถานการณ์โควิด สั่งงดเยี่ยมญาติแบบช่องทางปกติใน 11 เรือนจำ พร้อมกำชับเรือนจำเขต ๗ ทำตามมาตรการเข้มข้น คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า ใช้เทคโนโลยีทดแทน แยกกักโรคนักโทษใหม่”