ลับแลแห่ง “พุทธะอิสระ”

เปลว สีเงิน

“พุทธะอิสระ” นี่….
ดูๆ ไป “จิตตานุภาพ” ท่านขลังเอาการ!
ตอนปลายปี ๖๓ เห็นกับคณะศิษย์เดินสาย “เหนือ-ใต้-ออก-ตก” เรียกว่า ทั่วทั้ง ๔ ทิศ ๘ ทิศประเทศ
ถามว่าไปทำไม?
ไปทำพิธีบวงสรวงตามอินทขีลต่างๆ คือ เสาหลักหน้าประตูเมืองหรือศาลหลักเมือง ตามแห่งที่บรรพบุรุษสร้างไว้

เช่นที่ ศาลหลักเมือง กรุงเทพฯ, ที่ปราสาทหินพนมรุ้ง บุรีรัมย์, ที่ศาลหลักเมือง จันทบุรี, ที่วัดสระมรกต ปราจีนบุรี เป็นต้น

มนุษย์… “ชีพจร” อยู่ที่หัวใจ
บ้านเมือง… “ชีพจร” อยู่ที่อินทขีล

เพราะอย่างนั้น แต่ละบรรพชน ผู้ลงหลักอินทขีล หรือศาลหลักเมือง

นอกเหนือ พุทธคุณ-ธรรมคุณ-สังฆคุณ “มงกุฏแห่งกษัตริย์” คือ “หัวใจเมือง-หัวใจประเทศ” แล้ว

โองการอัญเชิญเทพเทวาทุกเหล่าชั้นมาประกาศิตพรชัย ให้บ้านเมืองแลอาณาประชาราษฏร์ สุขสำราญอมตะ
ด้วยจิตตรงอัญเชิญต่อจิตทิพคือเทพนั้น
“ประสิทธิเม” ยิ่งนัก!

และตอกตรึงด้วยพระเวทย์ มนต์ยันตระพิธี โองการแห่งคำสาป ต่ออสัตย์ชน
มันผู้ใดคิดคด ทรยศต่อชาติบ้านเมือง และองค์พระมหากษัตริย์ พระผู้ถึงพร้อมทศพิธราชธรรม

มันผู้นั้น จะต้องวิบัติฉิบหาย แพ้พ่าย แลมีอันเป็นไปในที่สุด

ด้วยยันตรพิธีปลุกชีพและวิญญานคุ้มเมืองจากบรรพชน เป็นสิทธิการิยะเข้มขลัง กระทั่ง “ยมทูตใต้พิภพ” ยังต้องรับสัญญาจากสัญญานนั้น

นั่นเป็นเรื่องไม่รู้ สำหรับคนไร้ราก ที่ไม่ต้องการจะรู้

แต่สำหรับผู้สืบสานชาติบ้านเมืองจากรากสู่จำเจริญรุ่ง เป็นเรื่องไม่ยาก ที่จะเข้าถึงมรดกแห่งจิตวิญญานบรรพชน

เพราะการเดินสายไปบวงสรวงศาลหลักเมือง “เหนือ-ใต้-ออก-ตก” ของท่านพุทธะอิสระหรือเปล่านั้น
ผมก็ไม่ทราบนะ….

แต่สังเกตว่า พอเข้ามกรา.ปีใหม่ คือปี ๖๔ เท่านั้นหละ เหล่ามารบ้าน-เหล่าลูกหลานจัญไร
ที่ตะโกนกันว่า “เราชนะแล้ว” ตอนนี้ เราเละแล้ว ทยอยขึ้นศาลแล้ว และอนาคตจะต่อด้วย เข้าคุกแล้ว เป็นแถวๆ

ที่ตะโกนว่า “ประตูบานแรกเปิดแล้ว”
ก็กำลังถูกประตูหนีบด้วยคดีความประเด-ประดังถึงขั้นหัวตั้ง-ตาเหล่ “ขี้แตกยกตระกูล”

พวกเฬวราก ตามเห่อ ตามแห่ และตามโหน ทั้งหลาย ที่เคยคึก ทั้งในที่ลับ-ที่แจ้ง ก็มีอันเป็นไป เฉา-เหี่ยว ด้วยวิบัติเป็น

เออ…แล้วรู้กันหรือยังนี่ เมื่อวาน (๔ กพ.๖๔)
นายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ และนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้
ไปแจ้งความดำเนินคดี “นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ” และลูกๆ ในความผิด ก็ไล่ไปตั้งแต่ใช้เอกสาร ภ.บ.ท.๕ น.ส.๒ ยึดครองที่ดินในเขตป่าสงวนฯ “ผิดกฎหมาย” หลายร้อยไร่

โดยยื่นหนังสือถึง “พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม” ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

และส่งเรื่องให้ปปง.จัดการตามมูลฐานความผิดการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติฯและในมูลฐาน “กฎหมายฟอกเงิน” ด้วยนะ

พื้นที่ ที่ไปตรวจตรวจยึดและถูกนำมาดำเนินคดี เนื้อที่ทั้งหมดกว่า ๒,๑๕๔ ไร่ ประเมินเสียหายภาครัฐกว่า ๑๔๐ ล้านบาท
เจอทั้งแพ่ง ทั้งอาญา ชนิดที่ต้องบอกว่า ฉลามไม่น่าติดแร้วในป่าสงวนแบบนี้เล้ย!

ก็สืบสาวราวเรื่องมาแต่เมื่อต้นมกรา……
คือเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ตำรวจบก.ปทส.กรมที่ดิน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินฯ (สปก.) และผู้นำชุมชนรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี

ร่วมกันปักป้ายประกาศ “ยึดที่ดินนางสมพรในเขตป่าสงวน ฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี

ชุด “พยัคฆ์ไพร” กรมป่าไม้ ยังพบว่า…….
มีการนำ น.ส.3 ก ที่เป็นเอกสารออกโดยไม่ชอบของ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ, น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รวมเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๒,๐๐๐ ไร่

เป็นที่ดินในเขตป่าสงวนฯ นำมาครอบครองกันอีก ซึ่งผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
เมื่อขยายผลสืบสวน ยังพบพื้นที่ ที่ครอบครองทำประโยชน์อยู่ในท้องที่จอมบึง เป็นพื้นที่ต่อเนื่องอีกกว่า ๓,๐๐๐ ไร่
โดยใช้เอกสารสิทธิประเภท น.ส.3 ก ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เมื่อตรวจสอบ พบผู้ครอบครอง น.ส.3ก เป็นนางสมพร, นางสาวชนาภา ในชื่อของ “นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ก็มี ๒ ฉบับ เนื้อที่ กว่า ๘๑ ไร่

รวมของแม่ ของพี่สาวและของตัวเองแล้ว รวมเนื้อที่ทั้งหมดกว่า ๒,๑๕๔ ไร่

ก็ดูซี…..
ใครจะไปคิด เห็นตรวจสอบคนโน้น-คนนี้เหย็งๆ แล้วศรก็เลี้ยวกลับมาเสียบตูดทั้งแม่ ทั้งพี่ ทั้งตัวเอง

เมื่อย้อนไปดูสัจจาธิษฐานแห่งคำบวงสรวงท่าน “พุทธะอิสระ”
อืมมมม ฤาตามนั้น เป็นมหัศจรรย์น่าคิด!?

ก็อ่านกันดู….
“ขอ อาราธนาคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลกพร้อมทั้งอัญเชิญพระมหาบารมีแห่งอดีตองค์พระมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกๆ พระองค์

และพระเสื้อเมือง ทรงเมือง พระหลักเมือง พระพรหมเมือง พระบันดาลเมือง พระสิริเมือง พระสยามเทวา พระกาษชัยศรี พระมหาจตุธาตุ วัถฐานสี่

ขออัญเชิญพระบารมี และอิทธิฤทธิ์ ช่วยอภิบาลบันดาลดล ให้ประชาชนคนไทยและพระราชวงศ์จักรี

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากสรรพภัยทั้งปวง ขอให้บ้านเมืองสงบสุข เจริญรุ่งเรือง ขอให้เภทภัยอันตรายและอริราชศัตรู จงพินาศไปด้วยบุพกรรมของตน

ขอให้ทุจริตชนถูกไฟแห่งกรรมชั่วของตนเผารนให้เดือดเนื้อร้อนใจ ทุรนทุรายมีกายและใจอันตกอยู่ในเปลวไฟแห่งกรรมที่ตนได้กระทำต่อผู้อื่น เป็นหมื่นแสนล้านทวี

ด้วยเดชแห่งการบูชาครั้งนี้
ความผาสุขสวัสดีและความสำเร็จในกิจการงานทั้งปวง จงมีแด่พระราชวงศ์จักรีทุกๆ พระองค์ และปวงชนชาวไทยผู้สุจริตชนทั้งหลาย

ทุจริตชนคนสร้างความเดือดร้อนต่อแผ่นดินทั้งหลาย จงแพ้ภัยตนเอง

เห็นมั้ย….
ทุจริตชนจะแพ้ภัยชนิด “อะยัมภะทันตา” หรือไม่ ก็ลองไล่เลียงความระเนระนาดแห่งสามสัส-สามนิ้วดูเอา

และตั้งแต่มกรา.ดอกเห็ดแห่งคดีของธนาธรก็บาน

-ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง นำตัวธนาธรพร้อมสำนวนคดีรู้ว่าไม่มีคุณสมบัติลงสมัคร สส.กลับลงสมัครรับเลือกตั้ง ไปส่งมอบอัยการ ด้วยเห็นสมควรสั่งฟ้อง

-กกต.แจ้งความดำเนินคดีอาญาธนาธรต่อตำรวจทุ่งสองห้อง ฐานบริจาคเงินเกิน ๑๐ ล้านบาท ที่เป็นขาวครึกโครม หัวหน้าพรรคปล่อยเงินกู้พรรค ๑๙๐ ล้าน กินดอกนั่นแหละ

ตามด้วยคดี “วัคซีนพระราชทาน:ใครได้ ใครเสีย”
ที่กระทรวงดีอีเอส เป็นโจทก์ให้ดำเนินคดีธนาธรด้วยความผิดตามมาตรา ๑๑๒

สดๆ ร้อนๆ เมื่อวาน คุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม พร้อมคณะพรรคไทยภักดี แจ้งความที่สน.นางเลิ้ง ให้ดำเนินคดีธนาธร ในความผิดมาตรา ๑๑๒ เช่นกัน

สรุป คือ…….
ท่าน “พุทธะอิสระ” ประหนึ่ง “ตัวแทนกรรม” ถูกกำหนดให้มาทำหน้าที่
มิให้คนชั่วอยู่เหนือ “อกุศลกรรม” โดยแท้!

Written By
More from plew
คู่หู “ชูวิทย์-บิ๊กโจ๊ก” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน วงการตำรวจนี่ “น่าขยะแขยง” ที่สุด! ยิ่งฟัง “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” แฉเส้นทางโจร “นายตู้ห่าว” หรือ “ห๋าว...
Read More
One reply on “ลับแลแห่ง “พุทธะอิสระ””

Comments are closed.