“๓ จว.ใต้ที่กำลังเปลี่ยนไป”

เห็นหญิงตัดพ้อต่อว่าชายมาก็มาก
แต่วันก่อน…….
เห็นชาย โดยเฉพาะเป็นชายชาติทหารซะด้วย ตัดพ้อหญิง
ถ้าผมเป็น “ช่อ-พรรณิการ์” นะ
ถ้าใจไม่ด้านพอ อย่างน้อยก็ต้องละอาย กับสิ่งที่ตัวทำเป็นเหตุให้ชายต้องตัดพ้อ

เรื่องนี้ ต้องท้าวความหน่อย เมื่อ ๓๑ ตุลา. “พรรณิการ์ วานิช” ในฐานะ รองประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฏร
นำคณะ ประกอบด้วย สส.รังสิมันต์ สส.นายนิรมิต สุจารี สส.กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.อาดิลัน อาลีอิสเฮาะ
และนางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกก.สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ลงพื้นที่ ๓ จังหวัดใต้

เปิดเวทีรับฟัง-พูดจาปัญหาด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนใน ๓ จังหวัดใต้

พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองเลขาธิการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค ๔ ส่วนหน้า ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ ๔
นำคณะกมธ.เข้าไปเยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในค่ายอิงคยุทธบริหาร ที่ปัตตานี ด้วย
คอข่าวสารคงเห็นรูป-เห็นข่าวคณะคุณช่อลงพื้นที่ มีทหารติดตามดูแลกันแล้ว

เสร็จสรรพ รุ่งขึ้น พ.อ.ปราโมทย์ ตัดพ้อคณะคุณช่อไว้อย่างนี้
“ผมพากมธ.เข้าไปดูค่ายอิงคยุทธบริหาร ทางกมธ.ก็ชื่นชมว่า ทหารเราดี แต่พอตกเย็น ไปเปิดเวทีร่วมเสวนากลับด่าทหาร ว่าไม่ดี ดังนั้น ขอให้สะท้อนความจริง ที่เราได้พูดคุยกันให้รอบด้าน โดยเฉพาะการฟังปัญหาคนในพื้นที่ ต้องฟังอย่างหลากหลาย
ไม่ใช่ว่า ไปฟังปัญหามาจากทางด้านเดียว หรือกลุ่มเดียว ที่เป็นกลุ่มเห็นต่าง แล้วมาสรุปว่ารัฐนั้นแย่
และมาเรียกร้องให้”ยกเลิกกฎหมายพิเศษ”

พวกคุณไม่ฟังประชาชนในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าเขาคิดกันอย่างไร?

มาสรุปว่า “ทหารต้นทุนต่ำ” คุณมาสรุปอย่างนี้ได้อย่างไร? คุณเป็นกมธ.ฯแต่มาเล่นบทนักการเมืองคุณมาในฐานะกมธ.ฯ ก็ควรที่จะลืมภาพนักการเมือง แล้วมาฟังให้ปัญหาให้รอบด้านในทุกมิติ อย่าฟังเพียงกลุ่มๆเดียว”

ครับ…..
ทหารตัดพ้อ ฟังแล้วหัวใจละลาย สงสาร เห็นใจ เข้าใจ
คณะคุณช่อ ก็ช่างกระไร
เหมือนไปหาพระ ก็ด่าโจรให้พระฟัง แล้วชมพระว่าดี
แต่พอไปหาโจร ก็ด่าพระให้โจรฟัง แล้วชมโจรว่าดี
ยิ่งเหยียดว่า “ทหารต้นทุนต่ำ” ถ้าจริงตามที่โฆษกกองทัพภาค ๔ แถลง
ก็ต้องบอกว่า ประธานรัฐสภา “ชวน หลีกภัย” น่าจะตรวจสอบ
เพราะการกระล่อนปล้อนปลิ้น แบบนกมีหู-หนูมีปีก ต้องไม่มีเป็นพฤติกรรมของระดับคณะกรรมาธิการฯ
และพูดกันตรงๆสมาชิกสภาผู้แทนชุดนี้ บางส่วน “วุฒิภาวะ” ต่ำมาตรฐานมาก
มักใช้ตำแหน่งเกินเลยหน้าที่แบบมีเจตนาซ่อนเร้น มุ่งไปทางใช้สนองตัณหาตน จนน่าเกลียด

ประเทศไทย มี ๗๗ จังหวัด ทุกจังหวัด ที่ไหนมีคน ที่นั้น มีปัญหาด้านกฏหมาย ด้านยุติธรรม และด้านสิทธิมนุษยชนทั้งนั้น

แต่นางสาวพรรณิการ์ มุ่งเขม้นเฉพาะ ๓ จังหวัดใต้เท่านั้น ก็รู้กันอยู่ว่าเพราะอะไร

ยิ่งมีหัวโขน “รองประธานกมธฯ” ก็เข้าทางของเธอ อย่างที่ พอ.ปราโมทย์พูด
เป็นกมธ.ฯ แต่มาเล่นบทนักการเมือง มาในฐานะกมธ.ฯ ก็ควรที่จะลืมภาพนักการเมือง

แล้วมาฟังให้ปัญหาให้รอบด้านในทุกมิติ อย่าฟังเพียงกลุ่มๆ เดียว
ไปหาทหาร ก็ชมทหารว่าดี แต่พอไปหาชาวบ้าน ก็ด่าทหารให้ชาวบ้านฟัง ว่าทหารไม่ดี

ใครมีพฤติกรรมอย่างนี้ โบราณถือเป็นคนกาลีบ้าน-กาลีเมือง ไม่ควรคบหา

แก๊งช่อ-อนาคตใหม่ นี่ ลงใต้ทีไร ก็เห็นซุกสิงอยู่ปัตตานีคงเพราะมีอาจารย์-นักศึกษาส่วนหนึ่ง เป็นฐานอยู่ที่นี่

ใครเคยเห็นลงไปคลุกพื้นที่ยะลา-นราธิวาสบ้างมั้ยล่ะ? อันที่จริง พอ.ปราโมทย์ น่าจะเชิญคณะคุณพรรณิการ์ พักค้างอ้างแรมกับทหารซักคืน-สองคืน
เพื่อให้กมธ.ชุดนี้เข้าถึงปัญหาจริงๆ……..

ก็เชิญช่อกับคณะนั่งรถไปตระเวณพื้นที่ ปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส กับหน่วยทหาร ตามถนนสายหลักและสายรอง ทั้งกลางวันและกลางคืน
ให้ช่อสัมผัสชีวิตจริง อยู่กับทหารพื้นที่ซักคืน-สองคืน ยิ่งได้เจอสถานการณ์จริง เข้าถึงเนื้อ-ถึงกระดูกด้วยแล้ว
บางที….
บางทีนะ คณะช่อจะชมทหารว่าดี ทั้งต่อหน้าและลับหลังก็เป็นได้!
เธอไม่ได้ห่วงหาสิทธิมนุษยชนอะไรกับคน ๓ จังหวัดใต้หรอก แค่ใช้บังหน้า
หวังขมวดขบวนการแบ่งแยกพื้นที่เป็นลูกมือ “เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ” ล้มสถาบัน-แยกประเทศ เลียนแบบยุค “ปฏิวัติฝรั่งเศส” เท่านั้น
พี่น้อง ๓ จังหวัด “ยะลา-ปัตตานี-นาธิวาส” ประมาณ ๑.๕ ล้านคน ส่วนใหญ่ต้องการทำมาหากินอยู่สงบ-สันติ
ปัญหาพื้นที่จริงๆ การแบ่งแยกดินแดน เป็นแค่ “หญ้าคลุมหน้าดิน”
ปัญหาจริงๆ ที่หมกซ่อน คือเรื่องยาเสพติด เรื่องการค้าผิดกฎหมายระหว่างแดน
และเรื่อง “สมประโยชน์” ระหว่างอิทธิพลถิ่นกับการรู้เห็นของเจ้าหน้าที่รัฐ
“การเมือง-การบริหาร” เหมือนเชื้อรา ที่อาศัยซากนั้นได้เกิด-ได้กิน เป็นสิ่งมีชีวิตร่วมซากสืบต่อกันมาเรื่อยๆ
ด้านเป็นจริงตามธรรมชานั้น หญ้าไม่ใช่สัตรูพืช-สัตรูดิน
หญ้าเป็นเครื่องหมายสมบูรณ์แห่งดิน ไม่ต้องถาง ไม่ต้องขุด
เพียงบริหารให้ดินเกื้อหญ้า-หญ้าเกื้อดิน ทุกอย่างก็จะกลมกลืนสู่จุดสมดุล
คนเรา ไม่ว่าชาติไหน ศาสนาไหน ลองมีอยู่ มีกิน มีอาชีพ มีอนาคต มีเสรีภาพตามกรอบ ใครจะอยากแยกไปไหน

ทุกวันนี้ ปลุกคำว่า “โจรก่อการร้าย” ไว้
ปลุกคำว่า ๓ จังหวัดใต้ อันตราย ไป..ตายไม่รู้ตัวไว้
เลยสบาย ชาวบ้าน-ชาวโลก ไม่มีใครกล้าไป เข้าล็อค ทั้งโจร ทั้งคนปราบโจร
๓ จังหวัดใต้ จึงเป็นฮับยาเสพติดเพื่อส่งออก เป็นฮับการค้าของหลบภาษี เป็นแดน “อิทธิพลผสม” ทรงกลด
ชาวบ้านจริงๆ ใน ๓ จังหวัดใต้ น่ารักมาก แปลกหน้าไปใหม่ๆ เป็นธรรมดา เขาจะระแวด-ระวัง ไม่ไว้ใจเรา ก็เหมือนเราที่ไม่ไว้ใจเขา

แต่พอรู้ว่า “หน้าใส-ใจซื่อ” ต่อกัน ก็โอภาปราศัย เอื้อเฟื้อเฟือฟายกัน ถ่ายรูปกันสนุกสนาน ที่จะจ้องฆ่ากัน ไม่เห็นมี

ที่นราธิวาส ยอมรับ ไปน้อยครั้ง เพราะไม่รู้จะไปหาใคร มิตรสหายไม่มีที่นั่น ส่วนที่ ยะลา-ปัตตานี ต้องบอกว่า รายปีเลยทีเดียว

อย่างที่ยะลา วันก่อน รองนายกฯ “พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ไปเป็นสักขีพยาน

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาฯศอ.บต.กับ คุณจิราพร ขาวสวัสดิ์ “เจ้าแม่ คาเฟ่ อเมซอน” ในฐานะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTOR
ร่วมลงนาม ถอดรูปการเกษตร ๓ จังหวัดใต้ นำร่องที่ยะลา ก่อน

จากปลูกยาง เป็นเกษตรผมผสาน โดยเฉพาะเปลี่ยนจากยางพารา เป็นปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสตา
PTTOR จะร่วมบริหารจัดการ ควบคุมคุณภาพเมล็ดกาแฟ ตามมาตรฐานของคาเฟ่ อเมซอน

จากความร่วมมือกัน จะนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เป็นต้นแบบของการพัฒนาที่ยั่งยืน
เรื่องเปลี่ยนเมืองยางเป็นเมืองเกษตรผสมผสานนี้ “คุณพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ” นายกเทศมนตรีนครยะลา นำร่องมาระยะหนึ่งแล้ว

นอกจากเปลี่ยนสวนยางเป็นไร่กาแฟโรบัสตา ยังจัดโซนเกษตรผลไม้ ทั้งทุเรียน มังคุด ลองกอง
เรียกว่า วิจัยดิน วิจัยอากาศ ว่ายะลาเหมาะกับพืชชนิดไหน นายกฯพงษ์ศักดิ์ เปลี่ยนยะลาเป็นเมืองศูนย์กลางผลไม้ ๓ จังหวัดใต้ ไปตามทิศทางนั้น
โทรบอกผมเดือนก่อน ว่าได้ผลแล้ว ทุเรียนยะลารสชาติมหัศจรรย์ ที่ต้องชวนชาวโลกมาลิ้มลอง

ปีหน้า จะจัดมหกรรมตลาดกลางผลไม้ ๓ จังหวัดใต้
ให้คนมาชิม มีทั้ง ทุเรียน ส้มโชกุน ลองกอง มังคุด ฯลฯ
ผมถาม ใครจะไปล่ะ มันไกล?
นายกฯ พงษ์ศักดิ์บอก อยากให้โลกรู้ของดียะลา จะเช่ารถไฟเป็นโบกี้ ให้นั่งฟรีจากกรุงเทพฯมากินฟรี อยู่ไม่ฟรี ถึงที่ยะลากันเลย

ก็เห็นดีด้วย ความจริง ๓ จังหวัดใต้ ดูแต่ข่าว จะรู้สึกน่ากลัว แต่ถ้าไปสัมผัสจริงๆ น่าอยู่-น่าเที่ยว ชาวบ้านน่ารัก อย่าง ปัตตานี ยะลา ไปแล้ว ใครก็ต้องอยากไปอีก

คงเท่านี้ละมัง ที่อยากบอกคือ แก้ปัญหา ๓ จังหวัดใต้ อย่ามุ่งเปลี่ยนที่เขา
เปลี่ยนที่เราก่อน แล้วเขาเปลี่ยนเอง!

Written By
More from plew
อ้อย “ฤาจะหวานเท่า” ไทย-จีน
เพราะประเมินค่า “อาเซียน” ต่ำ “พญาอินทรี”อย่างสหรัฐฯ จึงกลายเป็น “กระจอก” ในฝูงหงส์ของวงประชุม “อาเซียนซัมมิต” ที่จบไปวานซืน! ไม่สนใจเรียนรู้วัฒนธรรมเอเชีย โดยเฉพาะอาเซียน ก็เรื่องหนึ่ง...
Read More
0 replies on ““๓ จว.ใต้ที่กำลังเปลี่ยนไป””