ปลุกม็อบจากในคุก – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

“ธงชาติและเพลงชาติไทย

                เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย

                เราจงร่วมใจ ยืนตรง เคารพธงชาติ

                ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช

                และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย”

            สำหรับ “คนไทย” แล้ว นี่คือเสียงที่คุ้นหู ก่อนเพลงชาติจะบรรเลง

            แต่ก็มีคนรุ่นใหม่ตั้งคำถาม

            ทำไมต้องเคารพธงชาติ?

            เพลงชาติมีไว้เพื่ออะไร?

            และล่าสุด เฌอเอม-ชญาธนุส ศรทัตต์ ผู้สมัครนางงามคนแรกที่โดนแก๊สน้ำตา เลือกที่จะนอนเอกเขนกทันทีหลังได้ยินเสียงเพลงชาติดังขึ้น

            เธออ้างว่า “การกระทำดังกล่าวมันไม่ได้เป็นภัยต่อใคร มันคือความหลากหลายทางความคิดในระบอบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องยืน รวมถึงทุกๆ  คนในที่นี้ก็เหมือนกัน ถ้าคุณรักชาติไม่ได้รักด้วยใจ รักด้วยการถูกบังคับ แบบนั้นก็ไม่มีค่าอะไร”

            อะไรคือเพลงชาติ

            เพลงชาติ หมายถึง บทเพลงที่ประพันธ์ขึ้น เพื่อปลุกเร้าให้หวนระลึกถึงหรือสรรเสริญประวัติศาสตร์ชาติ ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาติ

            หรือการต่อสู้ของชนในชาติ โดยได้รับการยอมรับจากรัฐบาลของชาตินั้นๆ อย่างเป็นทางการ

            หรือความตกลงใจร่วมกันของประชาชนในชาติว่า เพลงดังกล่าวเป็นเพลงประจำชาติของตน

            เพลงชาติไทยเล่าถึง ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศ อาณาเขต โดยผู้ที่เป็นเจ้าของแผ่นดิน ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ จนถึงเหล่าชาวบ้านธรรมดา ช่วยกันกอบกู้เอกราชปกป้องประเทศชาติ จากศัตรูรอบข้าง

            จนเรามีชาติที่มั่นคงดังเช่นทุกวันนี้

            เพลงชาติไทยเป็นการบ่งบอกความมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในชาติ

            เพลงชาติคือเกียรติภูมิ เมื่อนักกีฬาที่ไปแข่งขันแล้วได้รางวัลชนะเลิศ เพลงชาตินั้นๆ จะถูกเปิดดังกึกก้อง ฟังแล้วชวนขนลุก ด้วยความภาคภูมิ

            ถ้ามีใครสักคน ไม่รู้สึกถึงสิ่งที่ว่ามาข้างต้น คนคนนั้นจะเป็นคนเช่นไร?

            ชังชาติใช่หรือไม่?

            ครับ…ผู้สมัครนางงามคนแรกที่โดนแก๊สน้ำตา เธอไม่ผิดกฎหมายที่ไม่ยืนเคารพธงชาติ เพราะไม่มีกฎหมายบังคับ

            แต่ในแง่ จรรยาและมารยาท ถือว่าเป็นคนใช้ไม่ได้

            จอมพล ป. พิบูลสงคราม สร้างผลงานไว้ให้ลูกหลาน   ให้คนในชาติมีระเบียบวินัย ออก พ.ร.บ.วัฒนธรรมแห่งชาติ  พ.ศ.๒๔๘๕

            มาตรา ๖ พ.ร.บ.ฉบับนี้ เขียนว่า วัฒนธรรมซึ่งบุคคลจักต้องปฏิบัติตาม นอกจากจะได้กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติแล้ว ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาได้ในกรณีดังต่อไปนี้

            ๑.ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการแต่งกาย จรรยาและมารยาทในที่สาธารณสถานหรือที่ปรากฏแก่สาธารณชน

            ๒.ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการปฏิบัติตนและการปฏิบัติต่อบ้านเรือน

            ๓.ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการประพฤติตนอันเป็นทางนำมาซึ่งเกียรติของชาติไทย และพระพุทธศาสนา

            ๔.ความมีสมรรถภาพและมารยาทเกี่ยวกับวิธีดำเนินงานอาชีพ

            ๕.ความเจริญงอกงามแห่งจิตใจและศีลธรรมของประชาชน

            ๖.ความเจริญก้าวหน้าในทางวรรณกรรมและศิลปกรรม

            ๗.ความนิยมไทย

            และมี พ.ร.ฎ.กำหนดวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.๒๔๘๕  คลานตามออกมา

            ในมาตรา ๖ ระบุว่า

            บุคคลทุกคนจักต้องเคารพตามระเบียบเครื่องแบบหรือตามประเพณี คือ

            (๑) เคารพธงชาติเวลา ๐๘.๐๐ นาฬิกา ทุกวันพร้อมกัน

            (๒) เคารพธงชาติ ธงไชยเฉลิมพล ธงเรือรบ ธงประจำกองยุวชนทหาร หรือธงประจำกองลูกเสือ เมื่อชักขึ้นหรือลงประจำสถานที่ราชการ เมื่อเชิญมาตามทางราชการ หรืออยู่กับที่ประจำแถวหรือหน่วยทหาร ยุวชนทหาร หรือลูกเสือ

            (๓) เคารพเพลงชาติ เพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงเคารพอื่นๆ ซึ่งบรรเลงในงานตามทางราชการ ในงานสังคม หรือในโรงมหรสพ

            ต่อมาในปี ๒๕๕๓ รัฐบาลอภิสิทธิ์ ออก พ.ร.บ.วัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๓ แทน ไม่กำหนดโทษ สำหรับผู้ฝ่าฝืนการไม่ยืนตรงเคารพเพลงสำคัญอีกต่อไป

            เมื่อกฎหมายออกห่างจากวัฒนธรรม คนรุ่นใหม่ จึงไม่เห็นถึงความจำเป็นในการเคารพเพลงชาติ ไม่รู้ทำไปเพื่ออะไรกัน

            หรือบางคนไม่รู้ว่าจะมีศาสนาไปทำไม

            ขอเป็นคนไม่มีศาสนา

            เพราะมองว่าเป็นการบังคับ กดขี่ กดทับ

            ไปไกลถึงเรื่องของการยอมจำนนต่ออำนาจรัฐ และเผด็จการ อย่างที่ ผู้สมัครนางงามคนแรกที่โดนแก๊สน้ำตา กำลังบิดเบือนให้เกิดความเข้าใจผิด

            ถ้าคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ไม่รู้ว่า การแสดงความเคารพต่อคนที่มาก่อนหน้า คนที่ปลูกไม้ใหญ่ไว้ให้เราได้ร่มเย็นในวันนี้ คือเรื่องที่จำเป็นต้องทำ

            คนกลุ่มนี้ก็ไม่ต่างจากเดรัจฉาน

            ครับ….วานนี้คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  มีบางคนเป็นสมาชิกคณะนิติราษฎร์ร่วมลงชื่อให้แก้ ม.๑๑๒ ไปศาลอาญา ขอยื่นประกันตัว เพนกวิน รุ้ง ไผ่

            เหตุผลเพราะทั้ง ๓ คนอยู่ในช่วงการสอบ

            จริงครับการเรียนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับเยาวชนของชาติ และควรคิดได้ก่อนยุให้ลูกศิษย์ติดคุก

            แต่ก็อดคิดไม่ได้

            เพนกวิน เคยเรียกร้องให้หยุดเรียนทั่วประเทศเพื่อไล่รัฐบาลลุงตู่

            จานอนุสรณ์ อุณโณ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มธ. ร่วมคณะขอยื่นประกันตัวลูกศิษย์ก็เคยประกาศให้จานทั่วประเทศหยุดสอน

            ฉะนั้นวันนี้ขอถามกลับว่า…มองเห็นความสำคัญของการศึกษา หรือใช้การศึกษามาต่อรองกันแน่

            ศาลจะสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเพราะเหตุใดบ้าง ต้องใช้ดุลพินิจมีเหตุอันควรเชื่อดังต่อไปนี้

             (๑) ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะหลบหนี

             (๒) ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

             (๓) ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น

             (๔) ผู้ร้องขอประกันหรือหลักประกันไม่น่าเชื่อถือ

             (๕) การอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความ เสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงานหรือการดำเนินคดีในศาล

            เมื่อศาลท่านไม่ให้ประกันตัว เพนกวิน รุ้ง ไผ่ อีกคำรบ ก็แสดงว่าศาลท่านเชื่อว่าเรื่องเรียนยังเป็นเรื่องรอง

            คิดว่าน่าจะจัดการสอบในเรือนจำได้

            แต่ ๕ ข้อด้านบนต่างหาก คือความเสี่ยง

            ขนาดอยู่ในคุกยังส่งสารให้ชุมนุมกันต่อ อย่างกรณี  “รุ้ง” ฝากข้อความผ่านพี่สาว

                “สวัสดีพี่นัองประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกคน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๒ แล้วที่รุ้งเข้ามาในคุก ไม่เป็นไร เพราะเรามาในฐานะนักสู้ ไม่ใช่นักโทษ เช่นนั้นแล้ว ไม่มีอะไรที่น่าท้อใจเลย เพราะเรารู้ว่าคนที่ยังอยู่ข้างนอกจะคงสู้อย่างต่อเนื่อง  พวกเราที่อยู่ข้างในมีความเชื่อมั่นและศรัทธาเปี่ยมล้นไปทั้งหัวใจว่า

                คนที่ยังอยู่ข้างนอกจะสู้อย่างไม่ท้อและจะทำให้พวกเราได้รับชัยชนะ ขอให้ทุกคนโปรดยึดมั่นในหลักสันติวิธี  เพราะสันติวิธีสำหรับเราเป็นหนทางแห่งชัยชนะหนทางเดียวที่เรามี”

            ทีนี้รู้ยังทำไมศาลถึงไม่ให้ประกันตัว.

Written By
More from pp
“นริศ” สั่งการ ปภ.เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยโดยรวดเร็ว ทันท่วงที และให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2566 นายนริศ ขำนุรักษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวถึงกรณีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามันภาคใต้และอ่าวไทยจนก่อให้เกิดเหตุฝนตกหนักและลมกรรโชกแรงทำให้สิ่งสาธารณะประโยชน์และบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหาย นั้น
Read More
0 replies on “ปลุกม็อบจากในคุก – ผักกาดหอม”