จาก “บางระจัน” ถึง “ลำพะยา”

#SAVE ลำพะยา

ขอเป็นคำแทนดอกไม้วางหน้าอก ๑๕ วีระอาจหาญ ชรบ.แห่งลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา
เพื่อสันติสุข เพื่อพี่น้องไทย และเพื่อประเทศไทย

เมื่อคืน ๕ พย.๖๒……..
๑๕ ชรบ. “สละชีวิต” เพื่อสิ่งนี้!
ด้วยวีระอาจหาญ “เหล่าท่าน ณ ลำพะยา” ตรงนี้ อนุสรณ์สถานถึง “๑๕ ชรบ.ลำพะยา” จะเกิดก่ออยู่ในใจคนไทยตลอดไป-ตลอดกาล

ชรบ.ไม่ใช่กองกำลังที่จะไปสู้รบตบมือกับใคร
เป็นชาวบ้านธรรมดา มืดค่ำก็ออกมาช่วยกันดูแลพื้นที่ ให้ทุกคนในหมู่บ้านได้หลับนอนพอเป็นสุข

แต่เมื่อคืน ๕ พย.๖๒ ก็ดังข่าวตามที่ทราบกัน
ยากทำใจ…บอกตรงๆ!

กับชาวบ้าน ทั้งไทยพุทธ-ไทยมุสลิมด้วยกันแท้ๆ ไม่ใช่ศัตรูหมู่ร้ายจากที่ไหน

แต่กลุ่มก่อการร้าย ซึ่งก็คนในพื้นที่ด้วยกัน กระทำต่อกัน โหดเหี้่ยม อำมหิต ยิ่งกว่าในสงคราม

 

ผมพูดก็คงไม่เห็นภาพ ขออาศัยภาพ NationPhoto ของคุณ “จรูญ ทองนวล” ที่โพสต์เฟซเมื่อวาน จะเกิดภาพในม่านคิดท่านเอง

 

ภาพนั้น มีคำบรรยายไว้ ดังนี้…….
ข้าวยำเหนาะสะตอ มื้อสุดท้าย ชรบ.ยะลาก่อนถูกถล่มคาป้อม 15 ศพ
สภาพบริเวณรอบๆ และภายในป้อมรักษาการณ์ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) บ้านตะวันออก ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา

ขณะพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจความเสียหาย
หลังถูกกลุ่มก่อความไม่สงบใช้อาวุธสงครามนานาชนิดยิงถล่ม เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เป็นเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย บาดเจ็บ 5 ราย
ยังคงเห็นรอยกระสุนไม่ต่ำกว่า 100 นัด ที่ยิงเข้าใส่จุดตรวจ และรอยเลือดกระจายไปทั่วบริเวณ

ขณะที่จานข้าวยังคงวางอยู่บนบังเกอร์ หลงเหลือข้าวยำและลูกสะตอเพียงไม่กี่เม็ด
นับเป็นอาหารมือสุดท้ายของพวกเขา…..
ก่อนถูกยิงถล่มเสียชีวิต ขณะเข้าเวรรักษาความปลอดภัยภายในชุมชน / 6 พ.ย.62

กับอีกหนึ่งโพสต์ของผู้ใช้นามว่า “ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูของเราคือหัวใจ”

เขาโพสต์ไว้อย่างนี้………
#เหตุการณ์เมื่อคืน ทำผมยืนสั่น น้ำตานองไหลนิดหน่อย
ตั้งแต่อยู่กู้ภัยมา
ไม่เคยเห็นศพนอนตายเรียงรายต่อหน้ามากมายนับ10 ศพ ที่เกิดจากการกระทำของคนร้าย

ครั้งแรก เมื่อได้รับแจ้งเหตุคนร้ายได้ลอบวางระเบิด และยิงถล่มป้อม ชรบ.ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนอนเลือดนองในป้อม

ก่อนผมและทีมงานเข้าช่วยเหลือ ต้องเจอเรือใบและเผายางกลางถนน เพื่อสกัดการเข้าช่วยเหลือ
ผมเป็นรถคันแรก ที่นำและเข้าในที่เกิดเหตุ ครั้งแรกที่เห็นทำให้ผมเกือบทำอะไรไม่ถูกมีคนเจ็บ คนตายนอนเรียงรายในป้อม ชรบ.

ต่อมา ได้นำคนเจ็บคนแรก พร้อมรถกู้ภัยในเขตเมืองจำนวนเกือบ10 คัน ลำเลียงออกจากที่เกิดเหตุ

คนแรกเราไม่สามารถนำออกทางเดิมได้ จึงขอความช่วยเหลือให้กำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ช่วยนำพาออกจากที่เกิดเหตุ

ขณะใช้ความเร็วเพื่อนำส่ง ร.พ.ทำให้ผมชนกับต้นไม้ต้นใหญ่ที่คนร้ายได้ตัดขวางทางเอาไว้ เพื่อสกัดกั้นการเข้าช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่
ผมได้ชนเข้าอย่าจัง

และรถกู้ภัยอีกหลายคัน ได้เหยียบตะปูเรือใบบริเวณล้อหน้าซ้าย ทำให้ต้องจอดรถในพื้นที่ เสี่ยงมากๆ

ต่อมา เห็นรถ อส.กำลังจะเข้าพื้นที่ ผมเลยโบกขอความช่วยเหลือเพื่อถ่ายคนเจ็บนำส่ง ร.พ.

และได้ประสานขอความช่วยเหลือรถยกบังเด่น เพื่อเปลี่ยนยางรถ
ต่อมา ได้ดำเนินการสำเร็จ จึงนำรถกลับไปเปลี่ยนเพื่อออกมาสนับสนุนรถบรรทุกศพ อุปกรณ์ส่งสว่าง เครื่องปั่นไฟและน้ำดื่ม เพื่อเข้าสนับสนุนที่เกิดเหตุต่อ เพื่อรับร่างผู้เสียชีวิต ลำเลียงนำส่ง ร.พ.ยะลา

หลังจากนั้น ได้รับแจ้งว่ามีลูกระเบิดของคนร้ายตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งผมและพวกได้วิ่งข้ามไป-ข้ามมา เมื่อรู้ว่าขนาดที่เราเข้าที่เกิดเหตุนั้น ยังมีวัตถุดังกล่าวตกอยู่

เหตุการณ์นี้ เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจมากที่สุดในชีวิตที่เคยทำงานมา
มีคนเจ็บและนอนตาย เรียงรายจากการกระทำจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกัน
ความรู้สึกตอนนั้น……
ใครที่ไม่ได้เห็น ไม่ได้เข้าสัมผัสในนั้นไม่รู้หรอก

และได้รับแจ้งเมื่อสักครู่ คนเจ็บที่ผมนำส่งก่อนโดนเรือใบนั้น ได้เสียชีวิตแล้วขณะกำลังผ่าตัด

สุดท้ายนี้ ต้องขอแสดงความเสียใจต่อญาติผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตด้วยครับ

ผมเข้าใจความรู้สึกของผู้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต15 ราย และได้รับบาดเจ็บ 4 ราย
เหตุเกิด พื้นที่ป้อม ชรบ. ม.5 บ.ตะวันออก (ทางลุ่ม) ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา

เอาละมังครับ……..
จาก ๒ โพสต์ในเฟซ อ่านแล้ว หลับตา…คงนำเราทุกคนเหมือนไปอยู่ในสถานการณ์นั้น
ไม่ต้องให้พูดกระมังว่า แล้วเราทั้งหลาย รู้สึกอย่างไร ต่อการกระทำของคนกลุ่มนี้?
กับรัฐบาล
กับกองทัพ
ก็ไม่ต้องให้บอกกระมังว่า ต้องทำอย่างไร กับคนกลุ่มนี้?

ด้วยทัศนคติตอบสนอง ทั้งจากประชาชน จากรัฐบาล และทั้่งจากทหาร ในเมื่อ “มีหัวใจ”

บางเรื่อง แม้คำเดียว ก็มากเกินจะพูดมิใช่หรือ?

มันไม่ใช่เรื่อง “ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน” หรือการไล่ล่า ในความหมาย ใช้กำลังเข้าปราบ
แต่การที่มีกลุ่มคน ด้วยอาวุธสงครามร้ายแรง ยกมากึ่งกองกำลัง กราดปืน ฆ่าชาวบ้าน ฝังระเบิด ทั้งไม่รู้จัก ทั้งไม่มีเหตุใดๆ เป็นกรณีปฏิปักษ์ต่อกัน
มันเป็นอาชญากรรมร้ายแรง เป็นภัยคุกคามประชาชน ทั้งเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

จำเป็นอย่างยิ่ง………..

ย้่ำว่า “อย่างยิ่ง” ที่ทางการ จะต้อง “ทำทุกทาง” ให้ทันท่วงที ติดตามคนร้ายกลุ่มนี้ นำตัวมาเข้าสู่กระบวนการกฎหมายให้ได้

ถ้าทางการบอกว่า “มันมีอาวุธร้ายแรง มันมีขบวนการ มัน ต่อสู้แน่”

ก็จะบอกว่า…….
ตำรวจ-ทหาร ถ้าสู้ไม่ได้ ก็ให้มันยิงให้ตายไปเถอะ!

ถ้าไม่ตาย มันสู้..ขัดขืน
ก็ต้องให้ “ความตาย” กับพวกมัน!

ตายก็ต้องเอาศพมาดู มาให้ประชาชนดูหน้า ว่ามันเป็นใคร พวกไหน อยู่หมู่บ้านไหน ?

ที่มันเลวยิ่งกว่าสัตว์ ลอบกัด ลอบฆ่ากระทั่งชาวบ้านทั้งไทยมุสลิม ไทยพุทธ ด้วยกัน

น่าจะตัดหัวเสียบประจานไว้ที่ลำพะยาซัก ๗ วัน เพื่อให้คนมาดูหน้า ว่าไอ้หน้าอย่างนี้ ที่มันลอบกัด-ลอบฆ่า ชรบ.ลำพะยา คนบ้านๆ ด้วยกันแท้ๆ

เหตุเกิดครั้งนี้ ไม่โทษว่าทางการทหาร-ตำรวจล้มเหลวครั้งที่ ๑๐๑

๑๕ ศพ ทุกคนเจ็บลึก เท่ากันทุกคน
และทุกคน ไม่ว่า ตำรวจ-ทหาร-ประชาชน มีคำถาม-คำตอบ ในเรื่องนี้อยู่ในใจกันแล้วทั้งนั้น

ดังนั้น ไม่ต้องกล่าวโทษ กล่าวตำหนิใคร!

เพียงแต่……
ใครมีหน้าที่ “โดยตรง” ทางไหน อย่างไร จงทำหน้าที่แห่งตน เป็นบทพิสูจน์ประสิทธิภาพให้ประจักษ์
ในชาตินี้ ไม่ใช่ชาติหน้า!

มันมีผลทางบริหารและปกครองมาก ไม่เชื่อถามฉ้อ ถามตี๋ ถามอองตวน ถามนางชะนี และไอ้สุนัข ดูก็ได้ว่าจริงมั้ย?

ในเมื่อ ๑๕ ชรบ.ลำพะยา “ด้วยมือเปล่า”
กลับต้องด่าวดิ้น เลือดไทยพุทธ-ไทยมุสลิม ไหลรินรวมกัน ในความหมายเทิดพิทักษ์สันติสุขสิทธิมนุษยชาติไปวันนี้

แต่อีกเป็นปีๆ ถึงจะมาบอกว่า………
นี่ไง ไอ้คนนี้ไง เพิ่งได้ตัว เมื่อ ๕ ปีที่แล้ว ๑๐ ปีที่แล้ว มันฆ่า ๑๕ ชรบ.ลำพะยา

ในหนังจีน ก็เรื่องหนึ่ง ร้อยปียังไม่สาย
แต่ในชีวิตจริง ผู้รักษากฎหมาย ผู้รักษากติกาบ้านเมือง เกินเดือน-เกินปี กับการตามจับคนร้ายมาลงโทษ
แบบนี้ มีแค่ธูป-เทียนบนบาน “ถูกกว่า” มีงบประมาณจ้างคนสวมเครื่องแบบ!

อย่าให้ชาวบ้านคั้นกะทิรอเนื้อนานนัก
รอข้ามคืน-ข้ามวัน เนื้อที่จะแกงก็ยังไม่มีมา สาดทิ้งให้หมา หมาก็ไม่กินกะทิบูด

แต่พวกแก้ทุกมาตรา บอกว่า…เข้าทางกู!

Written By
More from plew
อนุทิน “อย่าห้าวริมปากเหว”
รัฐบาลนี้ ถ้าใครบอก “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” คือนายกฯ เผลอๆ มีคนเชื่อ! เพราะขี่ม้าขาวเป็นพระเอกได้แทบทุกเรื่อง เบียดม้าลากรถประยุทธ์ลงข้างทางไปเลย วานซืน (๘ ตค.๖๒)...
Read More
0 replies on “จาก “บางระจัน” ถึง “ลำพะยา””