กลเกม “ในศาล-ในถนน” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

เรามักเข้าใจว่า …..
มีแต่ “สัตว์เดรัจฉาน” เท่านั้น ที่แยกเป็นชนิดๆ
ความจริง “มนุษย์” ก็ด้วย
ยังมีแยกเป็นชนิดๆ ในแต่ละชนิดนั้น จัดเข้าหมวดหมู่ได้ ๕ จำพวก
๑.มนุสสเนรยิโก จำพวกมนุษย์สัตว์นรก
๒.มนุสสเปโต จำพวกมนุษย์เปรต
๓.มนุสสติรัจฉาโน จำพวกมนุษย์สัตว์เดรัจฉาน
๔.มนุสสภูโต จำพวกมนุษย์แท้ (รู้ผิด, ชอบ, ชั่ว, ดี)
๕.มนุสสเทโว จำพวกมนุษย์เทวดา (มีศีล ๕ และเทวธรรม ๗)

แล้วท่านว่า พวกสามสัสหมู่บ้านทะลุฟ้า ที่ชุมนุมสาดสีใส่รูปนายกฯและครม.ที่หน้าทำเนียบเมื่อวาน (๑๕ เมย.๖๔)
จัดอยู่ในจำพวกไหน?

ผมว่า น่าจะอยู่จำพวกที่ ๓ คือ “มนุสสติรัจฉาโน” เพราะพฤติกรรมเข้าองค์ประกอบ ตามที่ว่า….

“มนุษย์สัตว์เดรัจฉาน” ได้แก่ มนุษย์ที่ขวางศีล ขวางธรรม มีโมหะ คือ มีความหลงมาก
ไม่รู้จักบาป ไม่รู้จักบุญ ไม่รู้จักคุณ ไม่รู้จักโทษ ไม่รู้จักประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ อย่างนี้เป็นต้น

พวกนี้ “ยกไว้” ในฐานที่เข้าใจแล้ว
แต่ในในแก๊งที่มาชุมนุมเมื่อวาน ยังมีมนุษย์หัวโล้น พันกายด้วยผ้าเหลือง ๒ คน คนหนึ่งถือรูปนายกฯ อีกคนถือพวงหรีด เดินน้ำหน้าขบวนชุมนุม

ท่ามกลางเสียงกู่ตะโกน ปล่อยเพื่อนกู เลิกมาตรา ๑๑๒ เป็นต้น
ตรงนี้ อยากให้ “ผอ.สำนักพุทธฯ” ในฐานะ “เลขาธิการมหาเถรสมาคม” ช่วยตอบใน ๒ ประเด็นว่า

กับคนคลุมเหลืองร่วมม็อบ แปดเปื้อนวงการสงฆ์ มีมาตรการให้ทางเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจัดการอย่างไร?

และ ๒ เหลือง เมื่อวาน ยังจัดอยู่ในหมวดมนุษย์หรือพ้นจากหมวดมนุษย์ ไปอยู่ในหมวด “สัตว์เดรัจฉาน” แล้ว!

โควิดเข้าขั้น “หน้าสิ่ว-หน้าขวาน”…..
ชาวบ้าน-ชาวเมืองและรัฐบาล กำลังร่วมมาตรการป้องกันการระบาดที่พุ่งทะลุกว่า ๑,๕๐๐ คนในวันเดียว

แต่สัตว์เดรัจฉาน “สามนิ้ว-สามสัส” หามีสำนึกมนุษย์ไม่ กลับลากหางออกมาชุมนุม หยามเย้ยสังคมและกฎหมาย
ชั่วช้าสามานย์ถึงหน้าทำเนียบอันเป็นศูนย์กลางการบริหารประเทศ ซึ่งเป็น “ตัวอย่างเลว” จะปล่อยให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงต่อไปไม่ได้

ท่านผบช.น. “พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา” และท่านรองฯ “พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย”
ต้องทำกฎบ้านให้เป็นกฎบ้าน, กฎเมืองต้องเป็นกฎเมือง ไปลากกระบาลกลุ่มสัตว์เดรัจฉานมารสังคมที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีตามกาลพวกนั้น มาดำเนินคดีให้เป็นแบบอย่าง

มันอยาก “ลองดี” ก็ต้องให้มัน “เจอดี”
ถ้ามันเชื่อว่า “กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย” ลากหางออกมามากๆ แล้ว ทางการบ้านเมือง และกระบวนการกฎหมายบ้านเมือง “จะหงอ” ให้กับพวกมันละก็
ตำรวจต้องพิสูจน์ให้มันเห็น…..

เพราะวันนี้ ประชาชนเห็นแล้ว ว่าสามนิ้วไม่ใช่รุ่นใหม่ที่สังคมจะถนอมมือ-ถนอมตีนในการไปแตะ

มันเป็นเดรัจฉานไขลานตัวใหม่ของ “สามสัสและแก๊งจาน” ในปฏิบัติการรับจ้าง “ล้มเจ้า” เอาประเทศไปอยู่ใต้อาณัติจักรวรรดิอำนาจไอ้กัน

ผ่านมาทางเจ้าโซรอส “พ่อเอ็นจีโอ” และเจ้าโทนี่ “ขี้โกงการบ้าน-ขี้โม้การเมือง”!

ฉะนั้น ตำรวจอย่าเอาแต่ “ตั้งแถว-กั้นโล่” บริกรรมยุบหนอ-พองหนอ รอให้มันมาตีกระบาลอย่างที่ผ่านๆ มา

ประชาชนเห็นแล้ว เข้าใจแล้ว ว่า ….
“ตำรวจทุบตีเดรัจฉาน” หรือ “เดรัจฉานกระทืบตำรวจ”?

มันเล่นสงครามไซเบอร์ เราอย่าหลงไปซื่อบื้อตามมัน
อย่าให้แก๊งเพนกวิน ศิษย์สามสัส โรยอาหารหมาให้เป็นครั้งที่สองได้เป็นอันขาด!

พูดถึงคู่พระ-คู่นาง สามนิ้วธรรมศาสตร์ แต่หนักรวมกว่า ๒๐๐ กิโล “เพนกวิน-รุ้ง”
ดรามา “อดอาหาร” ในคุก กดดันศาลให้ประกันตัว และสำออยสังคม
ไม่มีใครสน นอกจากสม…!

ก็เห็นเพนกวินคุยนัก-คุยหนา “ขังดวงดาวได้ แต่ขังแสงดาวไม่ได้”

ก็เมื่อคืน ขึ้น ๔ ค่ำ แหงนมองฟ้า มือเกาตูด ยังเห็นแสงดาวอยู่เลย แสดงว่า ขังแสงดาวไม่ได้และแสงดาวก็ไม่ถูกจริงๆ อย่างที่เพนกวินพูด

ขังแต่ “ดวงดาว” อ้วนๆ ไม่มีปัญหามิใช่หรือกวิ้น และอีกอย่าง ดวงดาวจักรวาลไหนกันที่กินข้าว ไม่มีหรอก

ฉะนั้น ที่ดาวเพนกวินไม่กินข้าว ก็ถูกแล้วนี่ จะโอดติ๊เลงเต่งตุ๊มไปทำไม เขามีให้กิน ๓ มื้อ ก็ไม่กินเองมิใช่หรือ?

“ลูกยุ” นอกคุก หวังดีหรือหวังร้ายกับกวิ้นก็ไม่รู้นะ
“ขู่ศาล-ขู่สังคม”
ถ้าไม่ให้ประกัน เกิดเพนกวินตายขึ้นมาจริงๆ ละก็ มวลชนจะลุกฮือ “แห่ศพ” แล้วบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ!

ใครบอกมึงว่าศาลไม่ให้ประกัน…หือ?
“นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม” หรือ “หมอลำแบงค์” ในคดีเดียวกัน ศาลก็ให้ประกันไปแล้วมิใช่หรือ

เพราะหมอลำแบงก์แถลงต่อศาล ว่า….
“หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองและพูดพาดพิงสถาบันฯ อีกอย่างเด็ดขาด

จะไปประกอบอาชีพร้องหมอลำเพื่อหาเลี้ยงชีพต่อไป และยินดีปฏิบัติตามเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราวทุกประการ

ไม่ว่าจะเป็นการติดเครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุม และจะมาศาลตามนัดทุกนัด”

เมื่อแถลงเช่นนั้น ศาลพิจารณาแล้ว มีคำสั่งว่า
“น่าเชื่อว่าจำเลยที่ ๓ (หมอลำแบงค์) จะไม่ไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นได้อีก จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว”

ตีราคาประกัน ๒ แสนบาท
มีเงื่อนไขห้ามมิให้กระทำการในลักษณะเช่นเดียวกับที่ถูกกล่าวหาตามฟ้องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ซ้ำอีก
หรือไปร่วมกิจกรรมที่อาจทำให้เสื่อมเสียแก่สถาบันฯ…”

และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับหนังสืออนุญาตจากศาล และให้มาตามกำหนดนัดโดยเคร่งครัด

เห็นมั้ย ศาลท่านให้ประกัน แต่ที่ไม่อนุญาตให้ประกันเพนกวิน-รุ้ง และคน อื่นๆ ในแก๊ง เพราะ
พวกสามสัสนั่นแหละ ใช้อิสรภาพของเพนกวิน “เล่นเกม-เล่นแง่” ทางกฎหมาย

เมื่อ ๘ เมย.ศาลนัดสอบคำให้การ ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนับสืบพยานในคดี
ทนายนำรายงานกระบวนพิจารณาไปเขียนข้อความเพิ่มเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล

ระบุว่า ทนายความของจำเลย ๒๑ คน “ยกเว้นหมอลำแบงค์” ไม่ขอลงชื่อในกระบวนพิจารณา เนื่องจากไม่ยอมรับกระบวนพิจารณา

กับมีพฤติการณ์จะไม่ยอมไปกำหนดวันนัดสืบพยานที่ศูนย์นัดความ และยื่นคำร้องขอถอนทนายความ

ทำให้การกำหนดวันนัดสืบพยานเป็นด้วยความยากลำบาก ซึ่งเป็นอุปสรรคและก่อให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินคดีในศาล

เนี่ย…ชัดๆ โต๊งๆ เห็นตำตาแล้วว่า ต้องการเล่นเกมกับศาล ถ้าอยากได้รับประกันจริง แถลงต่อศาลอย่างที่หมอลำแบงก์แถลง ศาลท่านก็ต้องอนุญาตให้ประกันอยู่แล้ว

แต่นี่ ไม่ยอมรับปาก ว่าออกไปแล้วจะไม่ไปขึ้นเวทีหรือไม่พูดจาล่วงเกินสถาบัน แบบนี้ ศาลจะให้ประกันได้อย่างไร?
ให้ประกัน แล้วไปเหมือนเดิม ใครรับผิดชอบ?

นี่…เป็นข้อเท็จจริง
แต่พวกจาน-พวกสามสัส “ตัดตอนพูด” หลอกพวกควายให้หลงขวิด ว่าเอาคนบริสุทธิ์ไปขัง

พวกมันเองแหละ อยากให้เพนกวินอยู่ในคุก ไม่อยากให้ออกมา จะได้ใช้ “เพนกวินติดคุก” เป็นเกมยืดเกมในถนน

มาคิดอีกที ก็สงสัย ทำไมลูกๆ พวกนี้ จึงฉลาดแบบโง่ๆ
แต่เมื่อมาเห็นแม่ๆ ก็เลยเข้าใจ
“ตามสายพันธุ์” อย่างนั้นจริงๆ!

Written By
More from plew
ขอให้ได้ “ค้าน” เถอะน่า – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน คน “ถูกอิจฉา” เพราะอะไร รู้มั้ย? เพราะ “ดี” เกินหน้าเขาน่ะซี! ฉะนั้น นายกฯ ประยุทธ์ควรดีใจ...
Read More
0 replies on “กลเกม “ในศาล-ในถนน” – เปลว สีเงิน”