คิดแม่ชม “คิดต้นแบบ”-เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ตั้งแต่แม่ชม “ชมพู่ อารยา”
ออกผล “ศึกษา-วิเคราะห์” วัคซีนแต่ละห้อให้แฟนๆทราบ ก่อนตัดสินใจไปฉีด “ซิโนแวค”
“วิกแตก” เลย!
แย่งกันลงทะเบียน “หมอพร้อม-หมอไม่พร้อม” แทบจะตบตีกันโครมคราม
ยิ่งเห็น “น้องอั้ม” พัชราภา ไชยเชื้อ บี-น้ำทิพย์ และดาราเป็นสิบ-เป็นร้อย ถลกแขนเสื้อบ้าง แกะกระดุมเปลือยค่อนไหล่บ้าง ให้พยาบาลปักเข็ม
วิกแตกแล้วแตกอีก….

๑ มิถุนา. “รอบปฐมทัศน์” ทั่วประเทศ วันเดียว รับรอง..พรึ่บ เกิน “ล้านแล้วจ้าาา” แหงๆ!
แฟนๆ รอฉีดน่ะ ตรึมแน่ ว่าแต่ “ผู้แทงเข็ม” เท่านั้น มีพอและมีพร้อมขนาดไหน นายกฯ เตรียมรับเสียงด่าด้วยความยินดีล่วงหน้าได้เลย

พูดถึงแม่ชม ทั้งความเป็นดาราและความเป็นคนรุ่นใหม่ ข้อความที่เธอโพสต์ สร้าง “ตลาดแตก” ครั้งนี้
บอกตรงๆ เธอทำให้คำว่าความสุขลึกๆ บวกศรัทธา-ชื่นชมในตัวเธอ เกิดกับผมโดยอัตโนมัติ

คือดารา ส่วนมากจะสะท้อน “ความเป็นดารา” ต่อสังคม แต่แม่ชม เป็นคนแรก….
ใช้กึ๋น สะท้อนเนื้อหา “ศึกษา-ค้นคว้า-วิเคราะห์” นำหน้าความเป็นดาราบอกสังคม

ผมพลอยได้รับความรู้ด้านวัคซีนและได้ซึมซับการใช้ข้อมูลประกอบเหตุผลในการตัดสินใจทำ-ไม่ทำอย่างหนึ่ง-อย่างใดจากเธอด้วย
ด้านอัจฉริยภาพทางดารา สำหรับแม่ชม ไม่ต้องพูดถึง

แต่ด้านความเป็น “รุ่นใหม่” ใฝ่ศึกษา-วิเคราะห์ ประกอบเหตุผล ก่อนเชื่อและทำ นี่ซิ
ทำให้ปลื้มว่า นี้แหละคือ “รุ่นใหม่” ที่จะนำพาสังคมชาติไปสู่อนาคตใหม่ ด้วย “วิจัย-พัฒนา” ได้แน่นอน!

ประเทศไทย นับจากปี พศ. ๒๕๖๕ คือปีหน้า เป็นต้นไป อนาคตจะ “ซันเซต”หรือ “ซันไรส์”
หัวใจอยู่ที่ “พัฒนา-วิจัย” สู่นวัตกรรม New S-Curve ตัวเดียว!

แต่ผมเห็นแล้ว อย่างน้อย ใน “๓ องค์กร” คือ ปตท., ปูนซิมนต์ไทย และเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP
เห็นในด้านธุรกิจอุตสาหกรรม “แตกตัวใหม่” คนละ DNA กับธุรกิจอุตสาหกรรมเดิม ด้วยงาน วิจัย-พัฒนา ๑๐๐%
คงได้คุยกันต่อไป….

โดยเฉพาะองค์กรปตท. นอกจากเขา “แตก-ต่อยอด” ทั้งธุรกิจเดิม-ธุรกิจใหม่ S-Curve แล้ว
ยังไปไกลถึงขั้น “แตกต้น” ใหม่ ฉีกจากอุตสาหกรรมพลังงาน เป็นอุตสาหกรรมนวัตกรรม น่าตื่นตา-ตื่นใจมาก

นั่นไม่ใช่แค่อนาคตปตท.
หากแต่เป็นการ “สู่ศตวรรษใหม่” ที่เป็นอนาคตประเทศ ด้วยอุตสาหกรรม New S-Curve ด้าน “อุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์” ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ!

กลับมาคุยด้านตัวบุคคล….
รุ่นใหม่ด้วยคิดอย่างแม่ชม อันเป็น “คิดต้นแบบ” คนรุ่นใหม่คุณภาพ ความจริง “มีมาก”

แต่เรามัวไปติดหล่มอยู่กับพวก “คิดใต้ตม” จึงไม่ค่อยได้หันมาสนใจมองบุคลากรด้านนี้
อย่างวันก่อนเราคุยกันถึงคุณพยาบาล “เสาวภา ไชยวิชา” นี่ก็ตัวอย่าง “คิดต้นแบบ”

และจากโพสต์ของ “แม่ชม”
ก็ยังทำให้เห็น “รุ่นใหม่ต้นแบบ” เด่นชัดอีกคน คือคุณ “โบว์-ณัฏฐา มหัทธนา”

คงเห็นคุณโบว์ออกมา “โพสต์สวน” ขบวนการสามนิ้ว กระทั่งกับ “สมศักดิ์ เจียม” แล้วกระมัง

กรณีโพสต์แม่ชม ที่มีบางคนอ่านแล้วโรคอิจฉาตาขวางขึ้นสมอง ออกมาโพสต์ฟาดแม่ชม
คุณโบว์อดรนทนไม่ได้ ฟาดกลับ “คนกันเอง” ซะคางบิด!

นี่ไม่ใช่สาเหตุยกให้คิดอย่างคุณโบว์เป็น “คิดต้นแบบ” คนรุ่นใหม่ เพราะบังเอิญตรงใจผม
หากแต่ ผมมองว่าในแต่ละคิดและทำของเธอ นั้น….
ไม่อยู่ใต้กรอบ “ฝ่ายไหน”

หากแต่อยู่ในกรอบ “เหตุและผล” บนความเป็น “ตัวของตัวเอง” ในสิ่งที่เธอใคร่ครวญแล้วว่าใช่ และควรจะเป็น

อย่างเช่น “สมศักดิ์ เจียม” โพสต์ข่าวลือเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ประชวร ขบวนการเดียวกันก็รับลูก ขยายเรื่องอย่างที่ทราบกันอยู่
แต่โบว์ ทั้งที่อยู่ขบวนการเดียวกัน เธอกลับโพสต์ว่า

“พอเถอะค่ะอาจารย์ ถ้าอยู่ในประเทศ มันไม่ได้ยากที่จะรู้ความจริง หยุดวิธีการแบบนี้ได้แล้ว”

หรือที่แม่ชม รีวิวการฉีดวัคซีนชิโนแวคของเธอ ซึ่งก็ยาว จะยกบางตอนเป็นตัวอย่างละกัน

“สวัสดีค่ะ รีวิวการฉีดวัคซีน sinovac ค่ะ”
ก่อนอื่น ขอแชร์ว่า ส่วนตัวตัดสินใจแน่วแน่ที่จะรับวัคซีน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดตอนนี้ที่หนักหน่วง + มีลูกเล็ก + ห่วงว่าจะเป็นพาหะให้ยายหนิง

และที่สำคัญที่สุดคือ มีแพลนที่จะตั้งครรภ์ แต่มองไม่เห็นเลยว่าสถานการณ์นี้จะยืดเยื้อไปอีกเท่าไหร่
จึงเริ่มศึกษาหาข้อมูลถึงตัวเลือกต่างๆ ที่มี บอกตามตรงว่า ในช่วงแรกๆที่มีข่าวการผลิตวัคซีนออกมา ก็คิดว่าถ้ามีโอกาส ก็คงจะเลือกยี่ห้อที่ชื่อติดหูเรา เช่น Pfizer หรือ J&J และขอสารภาพตามตรงว่า ความคิดที่จะดิ้นรนไปฉีดตปท.ก็มีค่ะ

ระหว่างนั้น ก็ได้พยายามหาความรู้เท่าที่จะหาได้เกี่ยวกับวัคซีนแต่ละยี่ห้อเอามาประกอบการตัดสินใจ …….

ทีนี้มาดูเกณฑ์ในการประกอบการตัดสินใจ ของชมนะคะ 1.efficiency rate 2.side effect 3.เทคโนโลยีที่ใช้ผลิต
ในส่วนของ efficiency rate จะเห็นว่า ตัวเลขที่แชร์ๆ กัน ค่า efficiency rate ของ pfizer จะสูงที่สุด รองลงมาคือ moderna ส่วน
sinovac จะอยู่ท้ายๆหน่อย ซึ่งมองดูแล้วคิดแบบง่ายๆ ค่า efficiency สูงก็น่าจะหมายถึงประสิทธิภาพในการป้องกันสูง ถูกมั้ยคะ …ฯลฯ…..

วัคซีนแต่ละยี่ห้อ ก็เก็บข้อมูลของตัวเอง ต่างสถานที่ ต่างเวลา ในระยะของการระบาดที่ไม่เท่ากัน
ดังนั้น จะนำมาเปรียบเทียบกันว่า อันไหนกันการติดเชื้อได้มากกว่า ก็ดูจะไม่แฟร์เท่าไหร่

แต่ที่แน่ๆ คือ ไม่มียี่ห้อไหนที่กันได้ 100% แต่ที่ทุกยี่ห้อมีเหมือนกันคือ กันไม่ให้มันเล่นเราหนัก ลดอัตราการเป็นผู้ป่วย ICU ช่วยแบ่งเบาภาระของบุคคลากรทางการแพทย์
และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เพื่อให้ pandemic นี้จบเร็วที่สุด ….ฯลฯ….

ประเด็นของ efficiency rate ที่ว่าๆ กัน สำหรับชมเมื่อพิจารณาแล้ว แทบจะปัดตกไปเลยค่ะ

ทีนี้มาที่เรื่องของ side effect ค่ะ เท่าที่เห็นจากข้อมูลในประเทศต่างๆ โอกาสแพ้วัคซีนหรืออาการไม่พึงประสงค์ต่างๆ ชมเห็นว่า เกิดขึ้นกับแทบทุกยี่ห้อ

แต่มีในอัตราส่วนที่น้อยมาาาาก ตามความเข้าใจของชมเอง (คหสต.) มันน่าจะเป็นเรื่องของการตอบสนองของแต่ละคน แตกต่างกันไป สภาพร่างกาย โรคประจำตัว และปัจจัยอื่นๆอีกที่เราคงไม่รู้ ….ฯลฯ….

เทคโนโลยีที่ใช้ผลิต Pfizer และ moderna ผลิตด้วย เทคโนโลยี MRNA คือเป็นวัคซีนชนิดสารพันธุกรรม
เอาเป็นว่า ถ้าใครอยากจะศึกษาเพิ่มเติม ก็ลองหาข้อมูลดูนะคะ คือยาวมากอ่ะ

Astra Zeneca คือวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ อันนี้ก็ยาวอีก สั้นๆคือ เป็นไวรัส ที่มีชีวิต แต่ไม่สามารถแบ่งตัวได้
เมื่อฉีดเข้าไป ก็จะเลียนแบบการติดเชื้อตามธรรมชาติกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้าง anti body
แต่เนื่องจากเป็นเชื้อที่มีชีวิต ไม่แนะนำให้ใช้กับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องมากๆ

Sinovac คือการฉีดเชื้อที่ตายแล้ว เป็นเทคโนโลยีที่มีมานานแล้ว คือ classic ส่วนตัว รู้สึกสบายใจที่สุด กับการฉีดเชื้อตายค่ะ
ถึงแม้ efficiency rate (ที่จริงๆ แล้วก็เอามาเทียบกันไม่ได้) จะน้อยกว่าเพื่อน เนื่องจากยังไม่มีใครตอบชมได้ ถึงผลระยะยาวของวัคซีนที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่มากๆ

ดังนั้น ณ เวลานี้ ชมจึงมุ่งไปที่ sinovac ส่วนตัวอื่น ขอเวลาหาข้อมูลให้มากกว่านี้ จะเป็นเข็ม 3 เข็ม 4 ค่อยมาว่ากันอีกที

เมื่อชมทราบจากเพื่อนบ้านว่ามี จนท.มาตั้งโต๊ะฉีดวัคซีน ที่วัดมหาไถ่ ซ.ร่วมฤดี เนื่องจาก zone แถวบ้านเป็น พท.เสี่ยง จึงไม่ลังเลเลยค่ะ….ฯลฯ……

ส่วน effect ก็คือ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยค่ะ บางคนเตือนว่า จะเพลียจะง่วง จะหลับมันมาก หรืออาจจะมีไข้อ่อนๆ
แต่ของชมคือ ปกติ แบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยค่ะ (จริงๆ ก็อยากหลับแบบที่เค้าว่าบ้าง )..ฯลฯ…

ชมไม่ใช่ผู้รู้หรือผู้เชี่ยวชาญที่ไหน ชมเข้าใจว่า ชมคงไม่สามารถเปลี่ยน mindset ของทุกคนได้

หากคุณอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว จะตัดสินใจอย่างไร คุณอาจจะยังกลัว effect กลัวตายจากวัคซีน หรือลิ่มเลือดอุดต้นอะไรอย่างที่ได้ยินในข่าว ชมเคารพการตัดสินใจของคุณ

ชมรู้ว่า ใครๆ ก็รักชีวิตของตัวเอง ส่วนชมก็รักชีวิตของชมเหมือนกัน ชมก็เป็นแม่ มีครอบครัว มีคนที่รัก มีงานการที่ต้องเป็นห่วง และนี่คือการตัดสินใจของชม

สุดท้าย การที่เราจะยุติ pandemic นี้ได้ก็ คือการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งภูมิคุ้มกันหมู่จะเกิดได้ ก็คือ
1. พวกเราคนติดเชื้อกันหมดแล้ว เราก็จะมีภูมิกันทุกคน หรือ
2.การฉีดวัคซีนให้กับประชากรเป็น % ที่มากพอ ที่จะทำให้เชื้อไม่แพร่ระบาด

จุดนี้ ชมสะดวกเลือกข้อ 2 นะคะ
สุดท้ายยิ่งกว่า ขอใช้โอกาสนี้ ขอบคุณบุคคลากรทางการแพทย์ทุกท่านค่ะ คุณคือ hero ตัวจริงค่ะ
…………………

ดูเหมือนคนชื่อช่อ ออกมาโพสต์ฟาดแม่ชม แล้วคุณโบว์ ก็ใช้ “ความคิดต้นแบบ” คนรุ่นใหม่
โพสต์ให้สติ “คนชื่อช่อ” ว่า……..

“การที่ดาราเขาศึกษาข้อมูลอัปเดต ซึ่งไม่ใช่ความลับอะไรสำหรับคนที่เข้าถึงข้อมูลได้ แล้วตัดสินใจฉีดวัคซีน พร้อมอธิบายเหตุผลการให้น้ำหนักปัจจัยต่างๆ ในการเลือกวัคซีนของตัวเอง แต่กลับถูกแปะป้ายว่า

ทำเพื่อเอาใจรัฐบาลหรือถึงขั้น “รับงาน” มา มันดูสิ้นคิด นะคะ #Sinovac #ชมพู่อารยา #โควิด”

เห็นมั้ย…
น้ำหนักที่ถ่วงโลกใบนี้ให้โคจรอยู่ในวงรอบมันได้
ก็คือน้ำหนักของ “เหตุและผล” นั่นเอง!

 

Written By
More from plew
จอมพลป. “จอมโหด ๒๔๗๕”
เปลว สีเงิน อ้าว…..แล้วกัน! ผบ.ปราบโควิดพื้นที่ “นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี” ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ติดเชื้อโควิดเองซะแล้ว ก็เป็นกำลังใจให้ท่านนะ จะเกษียณปีหน้าพร้อมปลัดฯ มหาดไทย “ฉัตรชัย...
Read More
0 replies on “คิดแม่ชม “คิดต้นแบบ”-เปลว สีเงิน”