กระทรวง พม. โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน เร่งช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือโควิด-19 พบมีเด็กหรือครอบครัวได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวจำนวนมาก มีเด็กติดเชื้อรายวันเฉลี่ยกว่า 2,000 รายต่อวัน โดยมียอดเด็กติดเชื้อสะสมนับตั้งแต่ 1 มกราคม –  20 สิงหาคม 2564 รวม 109,961 ราย คิดเป็นร้อยละ 11.21 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด (980,847 ราย)

Shopee Supermarket ซูเปอร์มาร์เก็ตในมือคุณ โค้ดลดเพิ่ม 60.- และ รับคะแนนทุกการช้อป

กรมกิจการเด็กและเยาวชนได้ลงพื้นที่ทำงานเชิงรุก เร่งให้การช่วยเหลือเด็กและเยาวชนตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มเติมเจ้าหน้าที่รองรับจำนวนการแจ้งเหตุโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร มีการผนึกกำลังระหว่างกรมกิจการเด็กและเยาวชน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กรมสุขภาพจิต และองค์การยูนิเซฟ จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 เปิดช่องทางการแจ้งเหตุผ่านสายด่วน 1300 หรือ Mobile App คุ้มครองเด็ก หรือที่บ้านพักเด็กและครอบครัวทุกจังหวัด หรือแจ้งผ่านอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ทั่วประเทศ และที่ไลน์ @savekidscovid19 มีเจ้าหน้าที่รับเรื่องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อส่งต่อเคสสู่ระบบการช่วยเหลือทันที

นางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่า ข้อมูลการช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฯ โดยช่วงวันที่ 1 มกราคม – 26 กรกฎาคม 2564 ได้ช่วยเหลือผู้ประสบปัญหา ยากจน และได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฯ จำนวน 5,343 ราย และในช่วงตั้งแต่ 27 กรกฎาคม – 20 สิงหาคม 2564 ซึ่งมีเด็กติดเชื้อรายวันเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและส่งผลกระทบรุนแรง ได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบฯ รวม 3,083 ราย โดยประสานส่งตรวจเชื้อ 66 ราย ส่งต่อเข้ารักษา 136 ราย ประสานที่พักชั่วคราวหรือเข้าศูนย์พักคอย 106 ราย และช่วยเหลือด้านสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์ทั้งให้คำแนะนำปรึกษา 1,801 ราย ช่วยเหลือเงินสงเคราะห์ 881 ราย มอบเครื่องอุปโภคบริโภค 889 ราย รับเข้าคุ้มครองชั่วคราว 4 ราย มอบชุดเวชภัณฑ์ 11 ราย ประสานกลับภูมิลำเนา 11 ราย และประสานส่งต่อหน่วยที่เกี่ยวข้อง 277 ราย

ในส่วนของเด็กกำพร้า ณ 20 สิงหาคม 2564 มีจำนวน 210 ราย โดย 5 จังหวัดที่มีเด็กกำพร้าจากสถานการณ์โควิด-19 สูงสุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา 16 ราย กาฬสินธุ์ 15 ราย ปทุมธานีและร้อยเอ็ด 13 ราย กำแพงเพชรและสมุทรปราการ 10 ราย และชัยภูมิ 9 ราย กรมกิจการเด็กและเยาวชนมุ่งเน้นการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องและครอบคลุมทุกมิติปัญหา โดยได้ให้คำปรึกษา 117 ราย มอบเครื่องอุปโภคบริโภค 75 ราย มอบเงินสงเคราะห์ 66 ราย ประสานขอรับทุนและขอความช่วยเหลือหน่วยงานอื่น 52 ราย มอบเงินช่วยเหลือจากกองทุนคุ้มครองเด็ก 16 ราย จัดหาครอบครัวอุปถัมภ์ 3 ราย ประสานหาพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง 2 ราย รับเข้าอุปการะชั่วคราว 2 ราย ช่วยเหลืออื่น ๆ 1 ราย และอีก 49 ราย อยู่ในระหว่างติดตามเยี่ยมบ้านเพื่อกำหนดแนวทางการดูแล ที่สำคัญมีการส่งต่อข้อมูลให้กรมสุขภาพจิตเพื่อให้คำปรึกษาและดูแลสภาพจิตใจให้กับเด็ก

นอกจากนี้ กรมกิจการเด็กและเยาวชนได้ประสานความร่วมมือทีมสหวิชาชีพ อาสาสมัคร และภาคส่วนต่าง ๆ ในการให้คำแนะนำปรึกษา การดูแลสภาพจิตใจแก่เด็กและครอบครัว จัดเตรียมสถานที่รองรับเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเด็กกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงได้ประสานส่งเข้ารับการดูแลและกักตัว 14 วัน ในสถานที่กักตัว (State Quarantine) เด็กที่พ้นระยะกักตัว 14 วันที่พ่อแม่ ผู้ปกครองยังไม่มีความพร้อมในการรับเด็กกลับไปเลี้ยงดู จะประสานญาติรับเด็กไปดูแล หรือรับเด็กเข้าดูแลชั่วคราวในสถานรองรับเด็กที่จัดเตรียมไว้   4 แห่ง รองรับเด็กได้ 160 ราย แต่หากพ่อแม่ หรือผู้ดูแลเสียชีวิต จะดำเนินการให้เด็กเข้าสู่ระบบการเลี้ยงดูทดแทนในรูปแบบของครอบครัวเครือญาติ ครอบครัวอุปถัมภ์ ครอบครัวบุญธรรม หรือสถานสงเคราะห์ซึ่งจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ตลอดจนมีการติดตามให้ความช่วยเหลือแก่เด็กอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เด็กได้รับการปกป้องดูแล และมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป นางสุภัชชา กล่าวทิ้งท้าย



Written By
More from pp
ETDA ผนึก “3 กูรูดิจิทัล” เปิดกลยุทธ์ ปั้นสุดยอดโมเดลธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้ปัง! พิชิตเงินแสนกับ “CRAFT IDEA พาชุมชน โกออนไลน์”
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) (Electronic Transactions Development Agency) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จับมือ 3 กูรูด้านดิจิทัล ได้แก่ นายทรงพล  เนรกัณฐี  ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การตลาดเพื่อการสร้างแบรนด์, อาจารย์ณัฐวรรธณ์ ศรีสุข...
Read More
0 replies on “กระทรวง พม. โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน เร่งช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19”