“ปฎิรูปตำรวจ” ถึงไหน? – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

กรณี “ผู้กำกับโจ้” นครสวรรค์
เป็นตัวอย่างสะท้อนถึง “ระบบตำรวจ” ปัจจุบัน
คือแหล่ง “อำนาจอุปถัมภ์”
ประเภท “รวยแบบชั่วๆ” เอามาแบ่งกัน จะก้าวหน้า “ยศ-ชั้น” พรวดพราด!
ผู้กำกับโจ้ “พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล” ทายซิ อายุเท่าไหร่ ผลงานในราชการตำรวจที่เป็นคุณสังคมชาติ มีอะไรบ้าง?
คนทั่วไป ร้อยละ ๙๙.๙๙ ไม่เคยรู้
ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า นายตำรวจผู้นี้ มีผลงานอะไร?

ได้ยิน-ได้เห็นแต่ข่าวน้ำล้างเท้า เป็นตำรวจหนุ่มไฮโซ มีแฟนดารา มีข่าวดังสวีทสวะกับดารา เดี๋ยวได้คนโน้น-เลิกคนนี้ มีพ่อตาเป็นตำรวจใหญ่

จู่ๆ โผล่พรวดไปเป็น “ผู้กำกับ” นครสวรรค์ ปี-สองปีมานี้!
แล้วก่อนหน้า อยู่ไหน ฝีไม้ลายมือสร้างผลงานโดดเด่นอะไร พื้นฐานมาจากสถาบันศึกษาไหน จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หรือไม่ใช่?

ไม่มีใครทราบ ทั้งต้นปลาย-หัวหางที่เรียกประวัติก็ไม่มีให้ค้นหา เหมือนนายตำรวจทั่วไป
รู้กันคร่าวๆ เพียงว่า เคยอยู่ภาคใต้ ถนัดจัดเจนด้านจับยาเสพติด มีรสนิยม “เล่นรถหรู” ใช้เทคนิคตำรวจ นำเข้าจากชายแดนเป็นอาจิณ!

ผู้กำกับ ต้องระดับยศ “พันตำรวจเอก”
อีกขั้น ก็ขึ้นพล.ต.ต.ในแหน่งผู้บังคับการ
แล้วตอนนี้ ผู้กำกับโจ้อายุเท่าไหร่?
๓๙-๔๐ ปีเท่านั้น!

แสดงว่า ต้องฝีมือดีมาก ผลงานดีมาก เป็นตำรวจใจซื่อ มือสะอาด มีคุณธรรม ไม่รีด ไม่ไถ เป็นตำรวจน้ำดี-ศรีสง่า เชิดหน้า-ชูตาสถาบันผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

รับราชการ ๑๐ กว่าปี อายุ ๓๙-๔๐ เป็นถึงนายพันตำรวจเอก อีก ๒-๓ ปี “นายพลตำรวจ” แค่เอื้อม แล้วอายุราชการอีกตั้ง ๒๐ ปี

ผู้กำกับโจ้ วันนี้ เก้าอี้ “ผบ.ตร.” จะหนีไปไหน!?
ในเมื่อสถาบันตำรวจ ยังเป็นระบบ “อำนาจอุปถัมภ์” ชั่วได้ดี รีดไถมาแบ่งกัน แล้วเบ่งบานพรวดๆ อย่างที่เป็นขณะนี้
มันสะท้อนถึงอะไร?

สะท้อน ๒ อย่างเท่านั้น คือ ถ้าไม่ประวัติงานงามเลิศ ก็ต้อง “เส้นใหญ่” อยู่ใน “อำนาจอุปถัมภ์” สายแข็ง
ก็อย่างที่บอก ประวัติมีแต่ด้าน ตำรวจไฮโซ คั่วดารา ร่ำรวย ชนิดแจงที่มาไม่ได้

แต่ผลงานด้าน “ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์” ที่โดดเด่น พรวดเดียวดังทะลุฟ้า ก็มีอย่างที่เห็นตอนนี้ไง
จับพ่อค้ายาเสพติดเอาถุงคลุมหัว รีดเงิน ๒ ล้าน จนขาดอากาศหายใจตายคาที่ นี่แหละ!

เพราะระเบียบราชการ “ย้ายตั้งกรรมการสอบก่อน” มันเป็น “ความเป็นธรรม” ที่เอื้อให้ผู้กำกับโจ้ หลบหนีไปแต่ตอนนั้นแล้ว

วานซืน ศาลออกหมายจับ จึงได้แค่ “จับลม-ชมเงา”!
ผบ.ตร.สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ก็มีแต่ลมออก ส่วนตัวคน ล่องหนไปไหนก่อนแล้วก็ไม่รู้

แก๊งคลุมโปงรีดทรัพย์ ทั้งหมด ๗ คน หนีไปตอนนี้ ๓ รวมทั้งผู้กำกับโจ้ จับได้ ๔
ดูตำแหน่งทั้ง ๗ ตำรวจโจร ถ้าผมเป็นผบ.ตร.ก็ปวดใจ เพราะมัน “โจรยกโรงพัก” ขนาดนั้นจริงๆ

ร่วมเป็นโจรแก๊งกากี ทั้งผู้กำกับ นายพัน นายร้อย นายดาบ นายสิบ คือ ตั้งแต่ผู้กำกับ สารวัตร รองสารวัตร ยันผบ.หมู่

ต่อจากนี้ เห็นป้าย “โรงพักเพื่อประชาชน” ชาวบ้านคงแหยง ขึ้นไปจะได้พึ่ง หรือจะได้ถุงคลุมหัว?
เจอโจร ยังรู้ว่าโจร พอหนีได้

แต่เจอตำรวจในคราบโจร จะต่าง “คนตาบอดไม่กลัวเสือ” ตามนิยามทักษิณตรงไหน

เมื่อวาน ตำรวจไปค้นบ้านผู้กำกับโจ้ที่ย่านรามอินทรา
โอ้โฮ…

บ้านเนื้อที่ ๕ ไร่ รถหรูเต็มบ้านรวมราคาไม่เป็นร้อยล้านหรือนั่น ร่วม ๓๐ คัน
PORSCHE ๔ คัน BENZ ๖ คัน AUDI ๓ คัน MINI COOPER ๓ คัน TOYOTA ๕ คัน
HONDA CIVIC,FORD ESCAPE,VOLKSWAGEN CARAVELL อย่างละ ๑ คัน
LAMBORGHINI AVENTADOR LP720-4 ๑ คัน
FERRARI 488 GTB ๑ คัน
BENTLEY CONTIENTAL GT ๑ คัน

ถามว่า เงินเดือนตำรวจ ระดับผู้กำกับ เดือนละเท่าไหร่?
ต่อให้หยอดกระปุกออมสินตั้งแต่เป็นนายร้อยตำรวจตรี เดือนละ ๑ หมื่น เป็นเวลา ๒๐ ปี อย่างเก่งซื้อเบนซ์เก่าๆได้ซักคัน

แต่นี่ เฉพาะบ้านย่านรามอินทราแห่งเดียว เนื้อที่ ๕ ไร่ มีพอช มีเบนซ์ มีลัมเบอกินี มีเฟอรารี มีเบนซ์เลย์ เต็มบ้าน
มันเป็นตอบโจทย์คำว่า “ตำรวจ” อยู่ในตัวมันเอง โดยไม่ต้องอธิบายอะไรอีก!

จึงเห็นว่าการปฏิรูปชนิด “รื้อ-ล้าง” โครงสร้างตำรวจทั้งระบบ มันเป็นเหตุ-เป็นผล ที่นายกฯ ต้องเร่ง และบอกให้ประชาชนได้คลายใจ

ที่ผมบอกว่า”เร่ง”
เพราะจะบอกว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรที่เป็นการปฏิรูประบบตำรวจเลย มันก็จะ “เฟกนิวส์” ไปนิด

คือ แผนปฏิรูปตำรวจ รัฐบาลทำเสร็จแล้ว ส่งเป็นร่าง “พรบ.ตำรวจแห่งชาติ” เข้าสภาไปแล้วแต่กุมภา.๖๔

เท่าที่ผมจำได้….
สภาพิจาณาให้ความเห็นชอบวาระแรกไปแล้ว สภาตั้งคณะกรรมาธิการฯตั้ง ๔๐ กว่าคน ศึกษารายละเอียด สู่ขั้นแปรญัตติ ในวาระ ๒ วาระ ๓

แต่ตั้ง ๖-๗ เดือน เพราะเหตุใด สภาจึงดองไว้ ไม่บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุม วาระ ๒-๓ ผมก็ไม่ทราบ?

สส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ไม่เห็นขมีขมันเหมือนแก้รัฐธรรมนูญเพื่อ “ประโยชน์ตัว” อย่างที่ทำกันอยู่บ้างเลย!

ที่แก้รัฐธรรมนูญเอากัน เห็นมั้ย….
รวมหัว “หามรุ่ง-หามค่ำ” ถึงขั้นทึกทัก “ระเบียบสภา” เหนือกว่ารัฐธรรมนูญ แล้ว “เหาะเกินลงกา”

เขาให้แก้ได้ ๒ มาตรา แต่นี่ ตะกราม ทั้งแก้เกิน ทั้งเขียนเติม อยากกันจนเก็บอาการกระสันไม่อยู่
แต่กับ “พรบ.ตำรวจแห่งชาติ” ไม่ใช่ประโยชน์พวกกู ว่างั้นเถอะ!

“ดองแห้ง-ดองเค็ม” คาป่าช้าสภา เหมือน “ผีไม่มีญาติ” ก็ปานนั้น
มันไปถึงไหน หรือติดขั้นตอนไหน หรือสภาปลุกเสกพรบ.ตำรวจ วาระ ๒-๓ เสร็จไปแล้ว แค่ผมงมโข่งไปเอง เลขาท่านประธานรัฐสภา ก็ช่วยบอกผมเอาบุญด้วยก็จะดี

คือถ้าผิดพลาดจะได้แก้ไข แต่ถ้ายังดองเค็มคาไว้ ผมจะได้รู้เหตุผล จะได้บอกต่อกับชาวบ้านเขา

ความจริง “พรบ.ตำรวจ” รัฐบาลเป็นเจ้าภาพ
พรรคพลังประชารัฐ เอาซักครึ่งกระสันแก้รัฐธรรมนูญ มาเป็นธุระบ้าง ให้กฎหมายผ่านออกมาใช้ คนเขาก็จะไม่นินทา “พปชร.-เพื่อไทย” ต่างพรรค แต่นิสัย-สันดาน ไม่ต่าง

แม้ “พรบ.ตำรวจแห่งชาติ” ที่คาสภา ไม่ใช่ยาวิเศษที่จะมาล้างวงการตำรวจให้ดีกว่าปัจจุบันได้ก็จริง
แต่ถ้าสภาทำคลอดออกมาใช้ได้เร็ว มันจะเป็นตัวนำร่องในโครงสร้างใหม่ของระบบตำรวจ

เหมือนเรือบนคาน เสร็จแล้ว “เข็นลงน้ำ” จะได้รู้ว่า มันเอียง มันรั่ว ตรงไหน หรือไม่อย่างไร จะได้ปรับแต่ง-แก้ไขกันไป ในแต่ละจุด สู่ความลงตัว

คือตอนนี้ พอมีเรื่อง จะตั้งหน้า-ตั้งตา ด่านายกฯ ว่าไม่ปฏิรูป ด่าผบ.ตร.ว่าไม่ปฏิรูป มันก็ได้ ได้แค่สะใจ แต่ไม่ตรงสภาพเป็นจริง

สภาพจริงคือ พรบ.ปฎิรูปตำรวจ มีแล้ว-เสร็จแล้ว แต่ติดอยู่ในสภาผู้แทน ในวาระ ๒-๓

สภาเขายังไม่ว่างเพื่อ “ผลประโยชน์ประชาชน” หากแต่เขากำลัง “แก้รัฐธรรมนูญ” เอากันอยู่เพื่อ “ผลประโยชน์เลือกตั้ง” พวกเขากันเอง

จบนะ!



Written By
More from plew
สกุลธร “สู้เพื่อแม่” หน่อยนะ
เปลว สีเงิน ผมแคะหูรอมา ๓-๔ วัน ตั้งแต่มีข่าวว่า “นายสกุลธร” น้องนายธนาธร” จะตั้งโต๊ะเคลียร์เรื่อง “สินบน ๒๐ ล้าน”...
Read More
0 replies on ““ปฎิรูปตำรวจ” ถึงไหน? – เปลว สีเงิน”