ฝ่ายค้านฟันน้ำนม-ผักกาดหอม

ผสมโรง

ผักกาดหอม

“หมอพร้อม” เขารายงาน

                จำนวนการฉีดวัคซีนของคนไทย ณ วันที่ ๒๖ สิงหาคม

     ฉีดสะสมไปแล้ว ๒๙,๓๔๑,๗๕๙ โดส

                มาเงียบๆ จะทะลุ ๓๐ ล้านโดสแล้ว

                แต่เป็นจำนวนโดสนะครับ ไม่ใช่จำนวนคน

                ถ้าจะดูว่าฉีดไปกี่คนแล้ว ให้ดูที่การฉีดเข็มแรกว่ากี่โดสแล้ว

                เหตุผลง่ายๆ ก่อนฉีดเข็ม ๒ เข็ม ๓ เข็ม ๔ ต้องผ่านเข็มแรกก่อน

                ตัวเลขการฉีดสะสมเข็มแรกคือ ๒๑,๙๕๙,๔๖๓ โดส

                ก็เท่ากับว่าคนไทยฉีดวัคซีนไปแล้ว   ๒๑,๙๕๙,๔๖๓ คน

                ตามเป้าหมาย จะฉีดวัคซีนให้ครบ ๑๐๐ ล้านโดส คิดตามอัตราส่วนประชากรที่ ๕๐ ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้  ขณะที่อัตราการฉีดขณะนี้อยู่ที่ ๕ แสนโดสต่อวัน

                ๑๕ ล้านโดสต่อเดือน

                จบเดือนตุลาคมฉีดได้ ๖๐ ล้านโดส

                ก็น่าจะเป็นไปตามแผน

                ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อแม้จะยังสูงอยู่ แต่ก็มีแนวโน้มลดลง

                ต่ำกว่า ๒ หมื่นราย มา ๔-๕ วัน

                น่าจะเรียกได้ว่าสถานการณ์เลยจุดสูงสุดไปแล้ว

                แต่…เศรษฐกิจถือว่าแย่ครับ

                ถ้ายังล็อกดาวน์ยังปิดอยู่แบบนี้ เดือนหน้าปัญหาจะถาโถมมาอีกเยอะ

                ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก วานนี้ (๒๖ สิงหาคม) มีมติเสนอมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม เข้าที่ประชุมใหญ่ ศบค.วันนี้ (๒๗ สิงหาคม)

                จะผ่อนปรนให้ร้านอาหารนั่งรับประทานอาหารในร้านได้ รวมทั้งลดระยะเวลาเคอร์ฟิว

                หลักๆ คือ ผ่อนปรนร้านอาหารให้นั่งรับประทานในร้านได้นั้น จะมี ๒ ส่วน

                ร้านอาหารที่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือเปิดแอร์ อนุญาตให้นั่งรับประทานในร้านได้คิดเป็น ๕๐% ของจำนวนที่นั่งในร้าน

                ร้านอาหารที่ไม่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือไม่เปิดแอร์ ให้นั่งได้ ๗๕% ของจำนวนที่นั่งในร้าน

                แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการสาธารณสุขเข้มงวด อาทิ พนักงานสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ห้ามตะโกนสั่งอาหาร ห้ามรวมกลุ่ม ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์

                สำหรับการลดเวลาเคอร์ฟิวก็ตามนี้ 

                ห้ามประชาชนในพื้นที่สีแดงเข้มออกนอกเคหสถาน โดยลดเวลาลงจากเดิม ๑ ชั่วโมง

                จากเดิม ๓ ทุ่มถึงตี ๔

                ของใหม่เปลี่ยนเป็น ๔ ทุ่ม ถึงตี ๔

                ก็พอหายใจคล่องขึ้น สำหรับคนทำงานเป็นกะ

                แต่ถ้าไปดูคำแถลงของ นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข การคลายล็อกจะซับซ้อนขึ้นมาอีกนิด

                กระทรวงสาธารณสุขเตรียมมาตรการเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ให้กิจการที่มีความเสี่ยงน้อยและมีความสำคัญ ยังสามารถดำเนินกิจการต่อได้

                เช่น การนั่งรับประทานในร้านอาหาร กิจการกลางแจ้ง

                และการเดินทางข้ามจังหวัด โดยเฉพาะเครื่องบิน

                จะมีการเพิ่มมาตรการไม่ให้ติดเชื้อและแพร่เชื้อ คือ COVID Free Program โดยสถานประกอบการต้องจัดสิ่งแวดล้อม เว้นระยะห่าง และระบบระบายอากาศ

                ส่วนพนักงานและลูกค้าจะต้องเป็น “โควิดฟรี”

                ฉีดวัคซีนครบ ๒ เข็ม

                เคยติดเชื้อมาแล้ว ๑-๓ เดือนถือว่ามีภูมิ

                หรือมีผลตรวจโดยชุดตรวจ ATK ว่าไม่มีโควิด

                ผู้รับบริการจะต้องแสดงเอกสารรับรองข้างต้นเพื่อเข้ารับบริการ

                หากไม่สามารถแสดงเอกสารรับรองได้ กรณีร้านอาหารยังสามารถใช้บริการสั่งกลับบ้านได้

                และทุกคนยังต้องเข้มมาตรการป้องกันติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) ตลอดเวลา

                ทีนี้…คำถามคือคลายล็อกแล้วไม่กลัวตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันจะพุ่งขึ้นอีกหรือ?

                ว่าไปแล้วการรับมือโควิด-๑๙ ไม่มีสูตรสำเร็จ หลายประเทศทั่วโลกปรับเปลี่ยนวิธีการไปตามสถานการณ์แทบทั้งสิ้น

                ปีที่แล้วติดเชื้อหลักร้อย ล็อกดาวน์ทั้งประเทศ

                มาปีนี้ มนุษย์รู้จักโควิด-๑๙ มากขึ้น

                รู้ว่าไม่ได้จบง่ายๆ

                การล็อกดาวน์แบบไม่มีที่สิ้นสุดจึงเป็นไปไม่ได้

                การชั่งน้ำหนักระหว่างการแก้ปัญหาโควิด-๑๙ กับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ จึงต้องสร้างสมดุลให้ได้

                คุมโควิด-๑๙ อยู่ เพราะล็อกดาวน์เข้มข้นยาวนาน แต่เศรษฐกิจพังพินาศ ก็ไม่ต่างขี่ช้างไล่จับตั๊กแตนสักเท่าไหร่

                บางคนอาจคิดว่าเจ็บแต่จบ

                แต่หลายคนการเจ็บคือความเสี่ยงหมดลมหายใจ และเสียชีวิตในที่สุด

                ฉะนั้นต้องเดินทางสายกลางครับ

                วกไปที่ประเด็นการเมือง สิ้นเดือนนี้ร้อนฉ่า ต่อให้ฝนตกขี้หมูไหล ก็ไม่เย็นขึ้นแน่นอน

                เคาะแล้วครับ เปิดเวทีซักฟอกรัฐบาล วันที่ ๓๑ สิงหาคม ถึง ๓ กันยายน และลงมติในวันรุ่งขึ้น

                อภิปรายเที่ยวนี้แปลกกว่าคราวก่อน

                ไม่มีประเด็นเรียกน้ำย่อย

                แต่หนักไปทางเล่นนอกสภาฯ

                ประเด็นหลักที่ฝ่ายค้านจะอภิปราย หนีไม่พ้นโควิด-๑๙

                บริหารผิดพลาด

                คนตายเยอะ

                วัคซีนไม่พอ

                วัคซีนไม่มีคุณภาพ

                เศรษฐกิจพัง

                น่าจะวนอยู่แค่นี้

                ทางเพื่อไทย เขาท่องคาถาทุกวัน  ทนเห็นชีวิตผู้คนต้องเจ็บป่วยล้มตายรายวันไม่ได้ รัฐบาลยิ่งอยู่นาน จึงตัดสินใจยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

                สถานการณ์แบบนี้ไม่ได้มีเฉพาะที่ไทย แต่เป็นกันทั่วโลก

                หากฝ่ายค้านอภิปรายแล้วไม่มีหลักฐานมาแสดงว่า มีการงาบวัคซีน มีคนได้เงินก้อนโตจากการซื้อวัคซีนจีน เหมือนที่พยายามประโคมกันก่อนหน้านี้ เสียเวลาครับ

                เปลืองน้ำ เปลืองไฟสภาฯ เปล่าๆ

                หรือหากเกิดคลัสเตอร์รัฐสภาขึ้นมา ก็ช่วยแสดงความรับผิดชอบด้วย

                แต่ก็มีประเด็นที่ต้องพูดถึง คือการเล่นนอกสภาฯ

                เท่าที่ฟังการ แถ-ลง ของโฆษกพรรคเพื่อไทย จับใจความได้ว่า นอกจากให้ประชาชนลงชื่อโหวตไม่วางใจรัฐบาล ผ่าน https://www.change.org/prayutgetout แล้ว ยังมีกิจกรรมระดับอนุบาลหมีน้อยด้วย

                แต่งกายด้วยชุดดำ

                ผูกริบบิ้นสีดำที่รถ

                เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ด้วยเฟรม “ไล่ประยุทธ์” ในโซเชียลมีเดียของ ส.ส. และสมาชิกพรรค

                เจตนาคือจุดม็อบไล่รัฐบาล

                ยากครับ…

                ม็อบดินแดงตอนนี้เข็นไม่ไหว เพราะกลายเป็นม็อบเด็กแว้น และช่างกลเอามัน อยากตีกับตำรวจ

                การประเมินว่ารัฐบาลจะถึงทางตัน เพราะมีม็อบกดดันรัฐบาล ก็ให้หลับตานึกถึง กปปส.เรือนล้านชุมนุมไล่ยิ่งลักษณ์ 

                เพื่อไทยจะไปหาคนเป็นล้านมาชุมนุมในสถานการณ์แบบนี้ได้หรือ?

                สรุป…หลังซักฟอก รัฐบาลทำงานต่อไป

                ส่วนฝ่ายค้านก็เป็นฝ่ายค้านต่อไป

                รอเลือกตั้งอีก ๒ ปี.

 

Written By
More from pp
เปิด​ 8​ ขั้นตอนการฉีดวัคซีน”โควิด-19″ ไม่เกิน​ 37​ นาที​ ตั้งแต่คัดกรองถึงกลับบ้าน
สถาบันบำราศนราดูร จัดระบบการให้บริการวัคซีน “โควิด-19” เพื่อเป็นต้นแบบให้กับสถานพยาบาลทั่วประเทศ โดยมี 8 ขั้นตอน ใช้เวลารวม 35-37 นาที ตั้งแต่คัดกรองถึงกลับบ้าน
Read More
0 replies on “ฝ่ายค้านฟันน้ำนม-ผักกาดหอม”