ปลายทาง ‘เลิก’ ม.๑๑๒-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ไม่มีกฎหมายอะไรที่แก้ไขไม่ได้

แม้กระทั่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒

แต่คำถามคือ แก้เพื่ออะไร?

พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล หรือพรรคการเมืองอื่นๆ ต้องตอบคำถามนี้ให้ชัดเจนเสียก่อน

ข้ออ้างของพรรคเพื่อไทย ยังฟังไม่ขึ้น

เท่าที่ฟัง พรรคเพื่อไทยโยงเรื่อง ให้นักโทษทางความคิดได้รับการปล่อยตัว และไม่ให้เกิดนักโทษทางความคิดเพิ่มขึ้นอีก

หลายคนพูดจา ปราศรัยต่อสาธารณะ ใส่ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์

บางคนเผาพระบรมฉายาลักษณ์

บางคนแสดงออกด้วยพฤติกรรม หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์

เกือบทุกคนทำผิดในฐานความผิดเดิมซ้ำซาก

บางคนท้าทายสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้ขณะอยู่ในคุก

พรรคเพื่อไทยอย่าบอกว่าไม่เคยรับรู้ถึงพฤติกรรมดังกล่าวนี้

ส่วนพรรคก้าวไกล ไม่ได้รับรู้เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีส่วนร่วมให้ ผู้ต้องหาคดี ม.๑๑๒ ทำผิดซ้ำ

และประกันตัวออกมาเพื่อให้ทำผิดซ้ำ

การแก้ ม.๑๑๒ จึงต้องตอบคำถามสังคมให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ผมเห็นด้วยกับ “อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” เลขาธิการพรรคกล้า

หากยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ จะเร่งความขัดแย้งในชาติให้รุนแรงขึ้นอีก เช่น

๑.) เกิดการดูหมิ่นต่อสถาบันมากขึ้น

๒.) เกิดความขัดแย้งสองฝ่าย และจะนำไปสู่การปะทะกันบนท้องถนน

๓.) เกิดวิกฤตการเมืองรอบใหม่ เป็นช่องว่างทำให้เกิดการแทรกแซงทางการเมือง เข้ายึดอำนาจหรือรัฐประหารอีก

ฉะนั้น ขอเตือน พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล หากประเมินเอาตามเสียงเชียร์ จากโซเชียล จากคนรุ่นใหม่ ให้ระวัง คนรุ่นเก่า ชาวบ้านที่ยังยึดโยงอยู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์ คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เล่นโซเชียล แต่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ระวังจะกลายเป็นการจุดเชื้อนำไปสู่การฆ่าฟันกันของประชาชนได้

หรือไม่ก็ลองถาม ส.ส.เขตแต่ละคนดูว่า เห็นดีเห็นงามกับคำสั่งนายใหญ่ ให้แก้ ม.๑๑๒ หรือไม่

พร้อมเป็นศัตรูกับประชาชนในพื้นที่แล้วหรือยัง

คงเข้าใจนะครับแนวคิด การแก้ ม.๑๑๒ ในปัจจุบัน ไม่ใช่กลัวติดคุก

เพราะไอ้พวกที่ติดคุกอยู่ ไม่เห็นมีใครกลัว

เพนกวิน อานนท์ ฯลฯ เข้าออกคุกมากี่รอบแล้ว

ออกมาก็จะเข้าอีก

แต่การแก้ ม.๑๑๒ คือการเปิดประตูสู่อีกภารกิจ

ถ้าไปถาม “ปิยบุตร แสงกนกกุล” จะได้คำตอบว่า ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์

แต่ถ้าไปดูอารมณ์ร่วมในโซเชียลของคนพันธุ์สามนิ้ว คำตอบคือ ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็น สาธารณรัฐ

อย่าเพิ่งหัวเราะว่าเขียนเพ้อเจ้อ

ความคิดนี้มีอยู่จริง มีการปลุกเร้าด้วยชุดความเชื่อนี้จริง

ขบวนการล้มล้างสถาบันฯ มีอยู่จริง

ทีนี้มาดูว่า หากจะแก้กันจริง จะแก้อย่างไร?

เพื่อไม่ให้มีการฟ้องร้องแบบเหวี่ยงแห

 ให้มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่แทนสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นผู้ฟ้อง

ไม่ให้นำไปเป็นเครื่องมือทางการเมือง

คำถามง่ายๆ ครับ ถ้าประชาชนฟ้องไม่ได้ จะให้ใครฟ้อง

ต้องเป็นหน่วยงานไหน?

สำนักพระราชวัง หน่วยราชการในพระองค์ หรือ สำนักงานองคมนตรี

ถ้าเอาตามนี้ก็เท่ากับยกระดับให้สถาบันพระมหากษัตริย์ขัดแย้งกับประชาชนโดยตรง

หนักกว่าเก่า!

และอยากถามพรรคเพื่อไทย ว่า ประมวลกฎหมายอาญา ยังมีบทบัญญัติที่มีกลุ่มความผิดใกล้เคียงกันนี้ ทำไมถึงไม่เสนอแก้ไขด้วย

อาทิ

ม.๑๓๓ ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๑ ปีถึง ๗ ปี หรือปรับตั้งแต่ ๒ หมื่นบาทถึง ๑.๔ แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ม.๑๓๕ ว่าด้วยการดูหมิ่นธง หรือตราสัญลักษณ์ของรัฐต่างประเทศ  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๒ ปี หรือปรับไม่เกิน ๔ หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แล้วลองเทียบกับโทษ ม.๑๑๒ มีบทลงโทษขั้นต่ำจำคุก ๓ ปี โทษขั้นสูงคือ ๑๕  ปี

ลองชั่งน้ำหนักระหว่าง พระมหากษัตริย์ไทย ประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ ดูหมิ่นธง หรือตราสัญลักษณ์ของรัฐต่างประเทศ กับโทษจำคุก มีความเหมาะสมแล้วหรือไม่

และในทางกลับกัน เมื่อแก้ ม.๑๑๒ ให้โทษเบาลง หรือมีแต่โทษปรับ สิ่งที่จะตามมาในอนาคตคือ จะมีคนลองดี ฟ้องพระมหากษัตริย์ด้วยหรือไม่

รัฐธรรมนูญมาตรา ๖ บัญญัติว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้

แล้วจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยหรือไม่

แต่พรรคก้าวไกล ไปไกลกว่า เพราะผู้คุมนโยบายพรรคจริงๆ อยู่ที่คณะก้าวหน้า

“ปิยบุตร แสงกนกกุล” ชัดเจนมานานแล้ว ไม่ใช่แก้ ม.๑๑๒

แต่ให้ยกเลิก!

“ปิยบุตร” พูดเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นปี

 “…ผมจึงมีความเห็นว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งเป็น ‘ผู้แทน’  ของ ‘ราษฎร’ ต้องผลักดันร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา  เพื่อยกเลิกมาตรา ๑๑๒ โดยเร็วที่สุด

ในการนี้ อาจใช้โอกาสยกเลิกความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น ทั้งระบบไปในคราวเดียวกัน ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ พระราชินี  รัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ประมุขรัฐต่างประเทศ เอกอัครราชทูต ศาล เจ้าพนักงาน ไปจนถึงบุคคลธรรมดา ให้ไปว่ากล่าวกันทางแพ่ง และควรแก้ไขกฎหมายหมิ่นประมาททางแพ่ง ให้มีเหตุยกเว้นความผิดในกรณีวิจารณ์โดยสุจริต เป็นประโยชน์สาธารณะ ด้วย

การยกเลิกความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น เป็นทิศทางที่สอดคล้องกับหลักสากล และนานาอารยประเทศ ในศตวรรษที่ ๒๑ ไม่ควรมีใครถูกจำคุกเพียงเพราะการใช้เสรีภาพในการแสดงออก…”

ครับ….สรุป แก้ ม.๑๑๒ แค่เป้าหมายรอง

เป้าหมายหลักคือ สั่นคลอนสถาบันพระมหากษัตริย์

โลกยุคใหม่ไม่ได้กลัวการแสดงออกครับ

เพราะปัจจุบันก็แสดงออกกันจนรกโซเชียลไปหมด

ส่วนใหญ่เป็นข่าวปลอม

แต่ที่น่ากลัวและต้องยับยั้งคือ การใช้ข่าวปลอมเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์

และเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง

ฉะนั้นพรรคไหนกล้าเลิก ม.๑๑๒ ก็ประกาศออกมา

จะได้ฟ้องยุบพรรคถูกตัว


Written By
More from pp
“ดร.สุทิน คลังแสง” ยืนยัน แก้รัฐธรรมนูญตามความต้องการประชาชน ชี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่างชาติ-แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้
24 กันยายน 2563 ดร.สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาญัตติร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ....
Read More
0 replies on “ปลายทาง ‘เลิก’ ม.๑๑๒-ผักกาดหอม”