ผักกาดหอม
เห็นด้วยกับคุณรสนา โตสิตระกูล นะ…
“ศักดิ์ศรีของพรรคใหญ่ต้องส่งผู้สมัครเลือกตั้งสนามผู้ว่าฯ กทม.อย่างเปิดเผย ไม่ใช่แก้เกี้ยวด้วยคำสวยหรูว่าจะสนับสนุนผู้สมัครฝ่ายประชาธิปไตย
ดิฉันก็เคยเป็น ส.ว.กทม.ประชาธิปไตยจากการเลือกตั้ง ประกาศลงสนามแข่งขันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แบบอิสระ ไม่มีพรรคอีแอบหรือกลุ่มธุรกิจการเมืองใดที่เป็นไอ้โม่งอยู่เบื้องหลัง
ขอถามว่าผู้สมัครคนไหนที่ท่านอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย!?”
ถ้าพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ไม่กล้าส่งผู้สมัครในนามพรรค ถือว่าภายในพรรคนั้นมีปัญหา
ไม่จำเป็นต้องมาอ้าง เผด็จการ ประชาธิปไตย เพราะมันเป็นมุกเก่า
ฝืดไปแล้ว!
ลีลาการเมืองอย่างหนึ่ง นิสัยดั้งเดิมก็อีกอย่างหนึ่ง
คำถามที่พรรคเพื่อไทยตอบไม่ได้มาตลอด ก็คือ การบริหารพรรค ในพรรคเพื่อไทยเป็นประชาธิปไตยหรือเปล่า
“หมอชลน่าน ศรีแก้ว” ได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเพราะใคร
เพราะสมาชิกพรรคเลือก
หรือ คนแดนไกลจิ้ม
แล้วทำไมต้องมีชื่อ “แพทองธาร ชินวัตร” มาบดบังรัศมีด้วย
พรรคเพื่อไทยตอบไม่ได้ตั้งแต่วันที่ เลือก “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” เป็นหัวหน้าพรรค แต่ชู “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี
ในวันที่ ตระกูล “ชินวัตร” ไม่ถูกส่งเข้าสู่การเมือง คือช่วงเวลาที่เพื่อไทยเข้ารูปเข้ารอยพรรคการเมืองที่สุด ก็คือการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
เมื่อไม่มีลูกหลานนายใหญ่ เล่นการเมือง แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยจึงส่งเต็มพิกัด ๓ คน
“สุดารัตน์-ชัชชาติ-ชัยเกษม”
มาถึงวันที่ คนตระกูลชินวัตร พร้อมใช้งานอีกครั้ง “แพทองธาร ชินวัตร” ก็เดินตามรอย “อาปู”
“หมอชลน่าน” เป็นหุ่นเชิด เหมือน “ยงยุทธ”
แล้วมันประชาธิปไตยตรงไหน
อ้างเสียจนน่าสะอิดสะเอียน จนไม่รู้ว่าความหมายของคำว่า “ประชาธิปไตย” ในมุมมองพรรคการเมืองที่รอรับคำสั่งนายใหญ่มาต่อเนื่องยาวนานตลอดระยะเวลาการกำเนิดพรรคนั้น
มันหมายถึงอะไรกันแน่?
คัดลอกมาจากตำรา ก็ตามนี้ครับ…
ประชาธิปไตย (democracy) เป็นระบอบการปกครองแบบหนึ่งซึ่งการบริหารอำนาจรัฐมาจากเสียงข้างมากของพลเมืองผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย โดยพลเมืองอาจใช้อำนาจของตนด้วยตนเองหรือผ่านผู้แทนที่เลือกไปใช้อำนาจแทนก็ได้ ประชาธิปไตยยังเป็นอุดมคติที่ว่าพลเมืองทุกคนในชาติร่วมกันพิจารณากฎหมายและการปฏิบัติของรัฐ และกำหนดให้พลเมืองทุกคนมีโอกาสแสดงความยินยอมและเจตนาของตนเท่าเทียมกัน
หลักการสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตยประกอบด้วย
หลักความเสมอภาค
ความเสมอภาคทางการเมือง ประชาชนทุกคนสามารถมีส่วนร่วมทางการเมืองได้อย่างเท่าเทียมกัน – ความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ ประชาชนทุกคนต้องไม่ถูกกีดกันในการประกอบอาชีพ การประกอบการต้องเป็นไปอย่างเสรี เป็นธรรม ไม่มีการผูกขาดทางการค้ารูปแบบการจัดแสดง
ความเสมอภาคทางโอกาส บุคคลสามารถจะได้รับการศึกษา การรักษาพยาบาลและการให้บริการจากรัฐอย่างเท่าเทียมกัน
หลักสิทธิ เสรีภาพและหน้าที่
สิทธิ คือ อำนาจอันชอบธรรม หรือประโยชน์ที่กฎหมายรับรองและคุ้มครอง
เสรีภาพ คือ การมีอิสระที่จะกระทำสิ่งใดๆ โดยต้องไม่ละเมิดเสรีภาพของผู้อื่น
หน้าที่ คือ สิ่งที่บุคคลต้องปฏิบัติหรืองดเว้นจากการปฏิบัติ บุคคลย่อมมีสิทธิ เสรีภาพและหน้าที่ ซึ่งการใช้สิทธิ เสรีภาพต้องไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น และต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนภายใต้กฎหมาย
หลักนิติธรรม
การใช้กฎหมายเป็นหลักในการบริหารประเทศ บุคคลทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องใช้กฎหมายต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ
หลักการใช้เหตุผล
คือ การใช้หลักเหตุผลมาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจ และหากมีการตัดสินปัญหาด้วยการออกเสียงต้องยอมรับมติของเสียงข้างมาก แต่ต้องเคารพสิทธิของเสียงส่วนน้อย
หลักการมีส่วนร่วมทางการเมือง
การปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้น ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางตรง เช่น การออกเสียงประชามติ การเสนอถอดถอน ฯลฯ ทางอ้อม เช่น การเลือกตัวแทนเข้าไปทำหน้าที่บริหารประเทศแทนตน
ทางตรง คือ การใช้สิทธิ เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เช่น การแสดงความคิดเห็น การออกเสียงประชามติ การขอรับรู้ข้อมูลข่าวสารราชการ การชุมนุม การร้องทุกข์ส่วนราชการ
ทางอ้อม คือ การเลือกตั้งตัวแทน เช่น ส.ส., ส.ว. ไปทำหน้าที่ในการออกกฎหมายและบริหารประเทศ
ฉะนั้น…ถามหน่อยอีกขั้วการเมืองที่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยนั้น ไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน
มันก็อยู่บนพื้นฐานหลักการนี้ทั้งนั้น
เลือกตั้งมาแล้วรอบหนึ่ง มีเสียงข้างมาก ข้างน้อยในสภา ด่ากันในสภาได้ นอกสภาก็ด่าไฟแลบ ในโซเชียลยิ่งแล้วใหญ่ ด่าขุดโคตร
บังเอิญมีคนตั้งคำถามกันหลายคนว่า เพื่อไทย-ทักษิณ อยู่ฝ่ายไหนกันแน่
“รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์” อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
————–
จนป่านนี้แล้วยังมาอ้าง “ฉันยอมถอย เป็นผู้เสียสละ เราฝ่าย ปชต.ด้วยกัน อย่าตัดคะแนนกัน”!?!
ฝ่ายเดียวกันที่แทงข้างหลังกี่ครั้งกี่หน ต่อหน้าพูดอย่าง ลับหลังทำอีกอย่าง
แอบเกี้ยเซี้ยฝ่ายตรงข้ามสารพัดเรื่อง
แกนนำแอบตั้งหน่วยไอโอ หนุนหลังให้ท้ายพวกแบกมาทำสงครามโซเชียล ไล่ด่าทั้งพรรคและแกนนำ รุมด่าคนที่สนับสนุนพรรค
ทำคลับเฮาส์ป่วนห้อง ด่าว่าเป็น “ปชป. กปปส. พธม.” “ตกปลาในบ่อเพื่อน” แก้กฎเกณฑ์เลือกตั้งเข้าหาตัวเอง เวลาแพ้เลือกตั้งก็ด่าว่า “ตัดคะแนนกัน”
ฝ่ายไหนกันแน่? ปชต.หรือเกี้ยเซี้ยเผด็จการเพื่อ ปย.คนตระกูลเดียว?
—————
มิใช่คนที่อยู่คนละขั้วการเมืองกับเพื่อไทยสงสัย นักวิชาการที่บอกว่าเขาอยู่ฝั่งประชาธิปไตยก็สงสัย
ที่สงสัยเพราะพฤติกรรมมันไม่ใช่
“สันดาน” เป็นภาษาที่ใช้ในกฎหมาย
แปลตามพจนานุกรมก็คือ “นิสัยใจคอที่มีมาแต่กำเนิด”
มักใช้ในทางไม่ดี
ก็เพราะสันดานทางการเมืองนายสั่งข้ารับใช้มาตลอด
ประชาธิปไตยจากปากคนถูกสนตะพาย
ต่างอะไรธรรมะจากปากโจร
เลิกได้แล้วมุก ฝ่ายประชาธิปไตย
เพราะมันยิ่งทำให้ประชาธิปไตยไทยดูแย่ลงไปเรื่อยๆ
