เสียงร้องทารกก่อน “ถูกยุบ”

ผมก็เป็น “นกไซบีเรีย”………..

บินหนีหนาวไปซะ ๒-๓ วัน พออุ่นๆ ก็บินกลับรัง แต่พอได้ยิน “นายปิยบุตร” พล่าม

ที่อุ่น อุณหภูมิพุ่งปรี๊ด ร้อนจรดส้นเท้าเลย!

นึกว่าเป็นตี๋อยู่ฮ่องกงหรือไง ถึงได้กร่างกระโหลกกลวงสำนึกใน ผิด, ถูก, ชั่ว, ดี ขนาดนั้น?


ด่ากกต. ด่านายกฯ ด่าระบบ ด่าฟ้า ด่าดิน ด่าทั้งหมดที่ไม่เห็นดี-เห็นงามไปกับ “แก๊งหลงอนาคต”

เอาเถอะ เพื่อจะได้รู้ตัวในคืนที่ ๓ ว่า เป็น “ผี” ไปแล้ว จะสดับปกรณ์ให้ ดังนี้

๑๑ ธค.๖๒ ที่ประชุมกกต.เห็นว่าการที่พรรคอนาคตใหม่ กู้ยืมเงินจากนายธนาธร ๑๙๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท เป็นการกระทำเป็นการฝ่าฝืน มาตรา ๗๒ แห่งพรป.พรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐
จึงมีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมาก
ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ตามมาตรา ๙๒ วรรคหนึ่ง (๓) ประกอบมาตรา ๙๓ พรป.พรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐

ปิยบุตรก็พล่ามเป็นต่อยหอย ไม่เห็นด้วยกับมตินั้น

ตั้งข้อเคลือบแคลงสงสัยต่อการทำงานของกกต.ว่ามีวัตถุประสงค์เป็นเครื่องมือทางการเมืองที่บิดผันโดยมิชอบหรือไม่?

อยากให้ กกต.ลองออกมาเจอสังคม เจอประชาชนบ้าง ลองมาฟังว่าสังคมเขาพูดอะไรกัน?

ก็อีกมากมาย ทำให้สงสัย นี่น่ะหรือ ดอกเตอร์ตูลุส

นี่น่ะหรือ อดีตอาจารย์สอนกฎหมายสำนักธรรมศาสตร์?

มันโง่จริง หรือแกล้งโง่ สงสัยจริงๆ!

ปิยบุตรท้าให้ถามสังคม นี่ไง คำตอบจากสังคม

Warat Karuchit
สรุป คดี อนค. “กู้เงิน” ธนาธร ตามความเข้าใจของผม (ที่ไม่ใช่นักกฎหมาย)

Facts:
1. อนค.ได้เงินจากธนาธรมา 191 ล้าน โดยอ้างว่าเป็นการกู้เงิน

2. กกต.มีความเห็นว่าอนค.ทำผิดมาตรา 72 ของพรป.เลือกตั้ง ที่ห้ามพรรคการเมืองรับบริจาคเงินอย่างไม่ถูกต้อง

ประเด็นที่ 1:อนค.บอกว่าเป็นการ “กู้เงิน” ไม่ใช่การบริจาค

สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ

1.1 พรรคการเมือง กู้เงิน ได้หรือไม่?
ซึ่งในกฎหมายไม่ได้ระบุไว้ว่า “ห้ามกู้เงิน” หรือ “สามารถกู้เงินได้” แต่ในมาตรา 62 ระบุว่า พรรคการเมืองสามารถมี “รายได้” เพียง 7 ประเภทเท่านั้น ซึ่งไม่มีการ “กู้เงิน” อยู่ในนั้น

ดังนั้น จึงน่าจะสามารถตีความได้ว่า พรรคการเมืองไม่สามารถมีรายได้จากการกู้เงินได้

(นอกจากนั้น ในพรป.ปี 50 เคยมีกำหนดไว้ว่า รายได้ประเภทหนึ่ง คือ “รายได้อื่นๆ” ซึ่งสามารถรวมถึงเงินกู้ได้ และมีพรรคการเมืองที่เคยกู้เงินโดยใช้ข้อนี้มาแล้ว แต่กฎหมายปี 60 ตัดข้อนี้ออกไปแล้ว จึงยิ่งค่อนข้างชัดเจนว่า จะปิดช่องการกู้เงิน)

และถ้าคิดกันตามหลักตรรกะ เจตนารมย์ของรธน.คือป้องกันไม่ให้มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งมาครอบงำพรรคการเมือง ขนาดการบริจาคยังไม่เกิน 10 ล้าน แล้วเหตุใด จึงจะอนุญาตให้พรรคการเมืองกู้เงินบุคคลหนึ่ง โดยไม่จำกัดจำนวน (ในกรณีนี้คือ 191 ล้าน) ได้?

เมื่อพรรคการเมืองไม่สามารถมีรายได้จากการกู้เงินได้ แต่ อนค.อ้างว่าเงิน 191 ล้าน เป็น “เงินกู้”

ดังนั้น ต้องพิจารณาว่า “เงินกู้” เป็นรายได้หรือไม่

1.2 “เงินกู้” นับเป็นรายได้หรือไม่?

นักกฎหมายและนักบัญชีก็จะยืนยันว่า ในทางบัญชี เงินกู้ ถือเป็นหนี้สิน
แต่กรณีของรัฐธรรมนูญ ควรจะตีความตามหลักการบัญชีหรือหลักรัฐศาสตร์ หรืออะไร หรืออาจจะต้องตีความเจตนารมณ์ของกฎหมาย ว่า  “รายได้” ในที่นี้คือเงินที่นำมาจัดกิจกรรมทางการเมืองใช่หรือไม่ ไม่ใช่รายได้ในความหมายทางบัญชีที่เป็นต้นทุน ซึ่งอันนี้อาจจะขึ้นอยู่กับการตีความของศาล

ดังนั้น หากศาลพิจารณาว่า “เงินกู้” เป็นรายได้ อนค.ก็จะทำผิดกฎหมายตามมาตรา 62

แต่ถ้าศาลพิจารณาว่า “เงินกู้” ไม่ใช่รายได้ อนค.ก็จะไม่ทำผิดมาตรา 62
แต่เงิน 191 ล้านที่ได้มา จะถือว่าเป็นอะไร?

ประเด็นที่ 2: เงิน 191 ล้านที่ อนค.ได้มาจากธนาธร เป็นเงินกู้จริงหรือไม่?
สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ หลักฐานการทำเรื่องกู้เงิน ได้กระทำถูกต้องหรือไม่ หรือมีการกระทำในภายหลัง เป็นการกู้เงินแต่ในนามหรือไม่

การที่ อนค.อ้างว่าคืนเงินแล้ว เงินที่คืนนั้นมาจากแหล่งใด หรือเข้าข่ายการบริจาคมากกว่าเป็นการกู้เงิน ซึ่งกฎหมายกำหนดว่าห้ามเกิน 10 ล้าน (นั่นคือ คำว่า “ไม่ถูกต้อง” ของ กกต.ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเงินสกปรก เงินผิดกฎหมายจากที่ไหน) จากแต่ละคน

หรือเงินบริจาคของอนค.ที่ได้มา อาจจะมาจากนอมินีของบุคคลเดียวกันหรือไม่

ดังนั้น สรุปว่า หากศาลพิจารณาว่า

1. เงินกู้เป็นรายได้ของพรรคการเมือง หรือ

2. เงินกู้ไม่เป็นรายได้ของพรรคการเมือง แต่เงินที่ อนค.ได้มา ไม่ใช่เงินกู้แต่เป็นเงินบริจาค

อนค.ก็จะทำผิดกฎหมาย และอาจจะถูกยุบพรรค

แต่ถ้านอกเหนือจากนี้ ก็ไม่ผิด ไม่ถูกยุบพรรค ก็แค่นั้น

ไม่ว่าศาลจะพิจารณาอย่างไร เรามีหน้าที่เคารพต่อคำวินิจฉัย ไม่หาข้ออ้างด้วยเหตุผลและอคติส่วนตัว

ประเทศชาติจึงจะเดินหน้าต่อไปได้
สื่อมวลชน ควรที่จะนำเสนอข้อเท็จจริงและเหตุผล ไม่ชี้นำด้วยอคติและเน้นการสร้างดราม่าให้เกิดอารมณ์ความขัดแย้งขึ้นในสังคม
—————————–

อัษฎางค์ ยมนาค

ปัญหาอยู่ที่กฏหมายที่จ้องกำจัดศัตรูทางการเมืองจริงหรือ?

หรือเพราะความไม่รอบคอบของตนเอง?
………………………..

ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงในฐานะตัวแทนพรรค ยืนยัน ไม่เห็นด้วยมติ กกต.ที่ส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค
…………………………..
ปิยบุตร ถาม

•โดยตั้งข้อสังเกตว่า กกต.เร่งรัดคดีกู้เงินผิดสังเกต ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาไม่มีการสอบสวน มีเพียงการเรียกให้ชี้แจงเพียง 3 ครั้ง ในชั้นของกรรมการไต่สวน

• ตอบ เรื่องนี้ไม่มีปัญหาข้อเท็จจริงเหมือนกรณีธนาธร ถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย ว่า โอนหุ้นเมื่อไรกันแน่
แต่กรณีเรื่องเงินกู้นี้ นายธนาธร ยอมรับเองว่าให้พรรคอนาคตใหม่กู้เงิน

และการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.ว่า มีรายการให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน 2 รายการรวม 191 ล้าน 2 แสนบาท

เพราะฉะนั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องสอบสวน สืบสวน หรือต้องตั้งกรรมการไต่สวนใดๆ อีก

นี่ ร.ศ.ดร.ปิยบุตร เป็นรองศาสตราจารย์ทางด้านกฎหมายไม่ใช่หรือ?
……………………………..
ปิยบุตร ถาม

•เงินจากการกู้เงินจากหัวหน้าพรรค ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร?

•ตอบ กฎหมายรัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องรายได้ ค่าใช้จ่ายของพรรคการเมือง มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันมิให้พรรคการเมืองถูกครอบงำจากนายทุน

จึงจำกัดวงเงินที่พรรคการเมืองจะรับบริจาคจากผู้ให้บริจาคแต่ละรายไว้ไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อปี

นี่ ร.ศ.ดร.ปิยบุตร เป็นรองศาสตราจารย์ทางด้านกฎหมายไม่ใช่หรือ?
…………………………….
การที่หัวหน้าพรรคบริจาคเงินหรือให้เงินกู้กับพรรค เข้าข่ายที่จะมีอิทธิพลครอบงำ

เข้าใจมั้ย ใครก็ตามที่เป็นเจ้าของเงิน มักมีผลหรือมีอิทธิพล ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ต่อองค์กร

เช่น คุณไปกู้เงินใครมาสักคน แล้ววันดีคืนดี เขาขอให้คุณช่วยเหลือเขา เช่น ฝากลูกเข้าเรียน เข้างาน หรือเขามีโครงการประมูลกับรัฐ อยากให้คุณช่วย เอาแค่เรื่องง่ายๆ ไม่ต้องโฉงฉ่าง แค่ช่วยพิจารณาโครงการของเขาด้วย

คุณจะกล้าปฏิเสธผู้ให้การสนับสนุนพรรคมั้ย

เห็นมั้ยว่า เจ้าของเงิน คือผู้มีอุปการะคุณ มีคุณมีโทษกับองค์กร คุณกล้าปฏิเสธหรือว่าเมืองไทยไม่มีสังคมอุปถัมภ์ คุณกล้าปฏิเสธมั้ยว่าอเมริกาก็มีระบบอุปถัมภ์
……………………….
ทรัมป์แบนความช่วยเหลือไทยเราล่าสุด ด้วยเหตุผลอะไร เรารู้กันดี เพราะช่วยปกป้องผลประโยชน์ของผู้ที่ออกเงินเป็นผู้อุปถัมภ์ค้ำชูให้ทรัมป์
คุณว่าธนาธร กับทรัมป์ ใครรวยกว่ากัน

แล้วทรัมป์รวยมหาศาลกว่าธนาธรไม่รู้เท่าไหร่ ทำไมยังต้องมีผู้อุปถัมภ์
ต่อให้เจ้าของเงินกู้ร้อยกว่าล้านไม่ใช่ธนาธร เจ้าของเงินกู้คนนั้นย่อมมีอิทธิพลไม่ทางตรงก็ทางอ้อมต่อพรรคแน่นอน

กฎหมายถึงได้กำหนดขึ้นมาเป็นข้อปฏิบัติ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นและยากที่มองเห็นนี้
……………………………….
กฎหมายข้อนี้ไม่ได้กำหนดขึ้นมาเพื่อใช้กำจัดคู่ต่อสู้ทางการเมือง ไม่ได้มีไว้เพื่อกำจัดพรรคอนาคตใหม่ของคุณ

แต่คุณไม่รอบคอบ ถึงได้ทำผิดกฎหมาย ด้วยตัวของคุณเอง
…………………………………..
ปัญหานี้จัดการง่ายมาก “แค่คุณทำตามกฎหมาย”

กฎหมายไม่ได้เขียนขึ้นมาเพื่อฆ่าคุณโดยเฉพาะ เขาเขียนขึ้นมาก่อนคุณจะนำพรรคลงสมัครรับเลือกตั้ง เขาเขียนขึ้นมาเพื่อเป็นข้อบังคับสำหรับทุกพรรคและทุกคน

ในขณะที่ทุกพรรคทำตามกฎหมาย แต่คุณไม่ทำตามกฏหมาย

พอถูกกฎหมายเล่นงาน คุณก็ง่องแง่งเป็นเด็กๆ อ้างว่าถูกการเมืองเล่นง่าย อ้างว่า 2 มาตราฐาน

แล้วทำไมพรรคอื่นไม่โดน เพื่อไทยก็อยู่ฝ่ายเดียวกับคุณเขายังไม่โดน จะ 2 มาตราฐานได้ยังไง คุณไม่รอบคอบเอง
………………………………….
ตั้งแต่ธนาธร หัวหน้าพรรคคุณ ลืมโอนหุ้นแล้ว ก็เกิดจากความไม่รอบคอบ

กฎหมายเขียนไว้ชัดเจนก่อนหัวหน้าพรรคคุณสมัครรับเลือกตั้ง แต่เขากลับเป็นคนที่ไม่รอบคอบเอง ที่ลืมโอนหุ้นให้เรียบร้อย

พอศาลเรียกไปชี้แจง กลับตอบว่าจำไม่ได้ ซึ่งมันคือการที่ไม่สามารถชี้แจงอะไรได้เลย

พอศาลตัดสินว่าผิด หัวหน้าพรรคคุณกลับออกมาพูดนอกศาลว่า ศาลตัดสินด้วยการมโนไปเอง ไม่ได้พิจารณาตัดสินจากหลักฐาน
คุณเห็นอะไรมั้ย?
…………………………………
คุณเห็นมั้ยว่าพรรคคุณมันมั่ว ไม่รอบคอบ ทำผิดกฏหมายจากความไม่รอบคอบ

ผมไม่ได้บอกว่าคุณตั้งใจโกง คุณ (ยัง) ไม่ได้โกง

แต่ผมบอกว่า คุณไม่รอบคอบ
……………………………..
กฎหมายเขียนไว้ว่าอย่างไร?
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 66 ที่ระบุว่า บุคคลใดจะบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแห่งพรรคการเมือง มีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทต่อพรรคการเมืองต่อปีมิได้

และพรรคการเมืองจะรับบริจาคเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดซึ่งมีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาทมิได้
………………………………….
เรื่องนี้มันแดงมาได้ยังไง
มันแดงจากปากของธนาธรเอง ไม่มีใครไปตามล่ามา

แต่มันแดงมาจากนายธนาธร ไปพูดในวงประชุมสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ หลังการเลือกตั้งไม่นานว่า “พรรคอนาคตใหม่เป็นหนี้ตนอยู่ 100 กว่าล้านบาท เป็นเงินที่กู้มาใช้จ่าย สำหรับหาเสียงเลือกตั้ง”
…………………………………..
คุณเห็นมั้ยว่า ไม่มีใครแกล้งคุณ
คุณไม่รอบคอบ และคุณไม่รู้ตัวว่าทำผิดกฎหมาย ทั้งๆ ที่คุณเป็นพรรคการเมือง มีนักกฎหมายเต็มพรรค

ไม่มีใครทำคุณ คุณมันไม่รอบคอบ
ไม่ตรวจสอบ ตรวจทาน ว่าข้อกฎหมายกำหนดอะไรไว้บ้าง คุณแหกกฏ ทำผิดกฎหมาย เพราะไม่รอบคอบ

เรื่องเข้าใจง่ายแค่นี้เอง
…………………………….
ผิดพลาดเอง อย่าโยงไปเรื่องอื่นๆ
หยุดง่องแง่งเป็นเด็กๆ
หยุดปลุกระดมคนเข้ามาช่วยคนที่ไม่รอบคอบอย่างคุณเลย แค่คุณรอบคอบกว่านี้ ใครก็ทำอะไรคุณไม่ได้

กฎหมายกำหนดว่า ห้ามถือหุ้นสื่อ ถ้าคุณไม่ถือหุ้นสื่อ ใครจะทำอะไรคุณได้

กฎหมายห้ามรับเงินเกิน 10 ล้าน ถ้าคุณไม่ได้รับเงินใครเกิน 10 ล้าน ใครก็ทำอะไรคุณไม่ได้

จริงมั้ย

พรรคคุณ (ยัง) ไม่ได้โกง ไม่มีทุจริตคอรัปชั่น อภิปรายในสภาอย่างเป็นระบบน่าเลื่อมใส

แต่หัวหน้าพรรคและพรรคของคุณ ไม่รอบคอบ

สะดุดขาตัวเองด้วยการทำผิ

กฎหมายที่เขียนไว้ชัดเจน เสียเอง

ตายเพราะตกม้าตาย ไม่ได้ตายเพราะออกไปรบ

แต่ยังอ้างว่าตายในสนามรบ
………………………………….
เป็นไง…ปิยบุตร

สังคมร่วมรุ่น-ร่วมวัยในแวดวงวิชาการด้วยกัน เขายังมีความเห็นอย่างนี้
ฉะนั้น ตื่นจากโลกหมกมุ่นด้านหลัง มาอยู่กับโลกเป็นจริงด้านหน้าเหอะ

ดึงจุกนมออกจากปากซะด้วย

แล้วอย่าแหกปากร้องหนวกหู เดี๋ยวจะถูกขี้เถ้ายัดปาก!

Written By
More from plew
ประชาธิปัตย์ “ก่อนศตวรรษ”?
อืมมม….. จะใช้คำว่า “ดิสรัปท์” หรือ “ก้าวใหม่” ก็น่าจะได้ ในหนทางแก้ปัญหา ๓ จังหวัดใต้ ผมคิดอย่างนั้น เมื่อเห็นภาพและข่าว ผบ.ทบ.อินโดนีเซีย...
Read More
0 replies on “เสียงร้องทารกก่อน “ถูกยุบ””