ละครไทยเปลี่ยนไปแล้ว?-สันต์ สะตอแมน

ผสมโรง

สันต์ สะตอแมน

ใจชื้นขึ้นมาหน่อย.

พลันอ่านที่คุณพี่ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ แห่งคอลัมน์ทัศนะในไทยโพสต์ได้เขียน.. “รู้สึกขึ้นมาว่าโทรทัศน์-ทีวี ยุคนี้ มีช่อง มีแชนเนล เพิ่มขึ้นมาไม่รู้จะซักกี่ช่องต่อกี่ช่อง

ยิ่งถ้าหากบวกกับช่องของ เคเบิลทีวี นับไม่รู้กี่สิบต่อกี่สิบช่องด้วยแล้ว แต่ก็แปลก!!!…

ที่แทบหาอะไรดู หาอะไรที่มันตรงตาม รสนิยม ของตัวเอง แทบหาไม่ได้เอาเลย พอๆ กับหาหนวดเต่า-เขากระต่าย อะไรทำนองนั้น”

คือ..ผมเองก็รู้สึกมานานแล้ว แต่คิดเอาว่าเป็นเพราะเข้าสู่วัยทองกระมังจึงทำให้มอง-ดูอะไรไม่ค่อยจะถูกตา-ถูกใจและรำคาญไปเสียหมด

เมื่อรู้คุณพี่ชัชรินทร์ที่เลยวัยทองมานานแล้วก็รู้สึก อย่างงี้ก็ใจชื้น-หายห่วง มันไม่เกี่ยวกับวัยทง-วัยทองแล้วล่ะ แต่คงจะเกี่ยวกับ..

มันแทบหาอะไรในจอโทรทัศน์ให้ตรงตามรสนิยมตัวเองดูไม่ได้เอาเลยจริงๆ นั่นแหละ!

แต่แม้จะรู้สึกอย่างนี้ ผมก็ยังจะต้องกดดูทีวีช่องนู้นช่องนี้อยู่ต่อไป เพราะผมจำได้ว่าเคยอ่านบทความของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ในคอลัมน์ “ซอยสวนพลู” หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

ซึ่งก็ให้ข้อคิด-แง่คิดถึงการดูโทรทัศน์โดยเฉพาะละครไทยอยู่ไม่น้อย อาจารย์บอกว่าตัวท่านนั้นจะวางใจเป็นอุเบกขา มัธยัสถ์ในค่านิยมของตัวเอง ไม่เรียกร้องอะไรเกินกว่าที่จะเป็นไปได้

สำรวมอัตตาของตนเองไว้ไม่ให้ฟุ้งซ่าน กดให้อยู่ในระดับเดียวกับผู้สร้างละครโทรทัศน์และผู้ดูโทรทัศน์อื่นๆ ความสบายใจก็เกิดขึ้นได้มาก

อาจารย์คึกฤทธิ์บอกต่อว่า..ละครโทรทัศน์ไทยที่มีอยู่ในมาตรฐานนั้น ขึ้นต้นจะต้องให้นางเอกกับพระเอกเกลียดกันก่อน

แล้วก็ดำเนินเรื่องไปด้วยการเสียดสีกระทบกระทั่งกัน ระหว่างพระเอกและนางเอกเป็นตอนๆ ไป

ซึ่งถ้าเป็นคนจริงๆ พระเอกกับนางเอกก็คงจะไม่ดูผีกันตั้งแต่หมดตอนที่สาม หรือตอนที่สี่

แต่ในละครโทรทัศน์ไทยนั้น พระเอกกับนางเอกคงพบปะกันไปโดยเจตนาบ้าง หรือโดยบังเอิญบ้างเพื่อได้พูดจากัน หรือแสดงท่าทีต่อกันให้โกรธกันยิ่งขึ้นไปอีกจนละครเล่นไปมิรู้ว่ากี่ตอน

จนจะหมดแรงเล่นแล้ว พระเอกและนางเอกจะเกิดรักกันขึ้นมาเฉยๆ ทำนองนั้น หรือเข้าใจกันหรืออะไร แล้วก็จบ

ที่ผมติดละครหลักหรือคลาสสิกแบบนี้ เพราะรู้เรื่องตลอดว่าจะไปจบตรงไหนอย่างไร ความสุขกายสบายใจก็เกิดขึ้นเพราะไม่ต้องคิดให้เปลืองสมอง

ไม่ต้องคิดแก้ปัญหาอย่างไร หรือมองปัญหาที่คนอื่นเขาไม่แก้หรือไม่มีปัญญาแก้ ซึ่งต้องรู้ต้องเห็นอยู่ทุกวัน ทำให้เกิดสมาธิเถื่อนๆของผมเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องถือศีล

เพราะละครนั้น กินเหล้าไปก็ดูได้ และสิ่งที่ดูนั้นก็เป็นมุสาทั้งสิ้น จะเอาอะไรกันแค่ไหน?”

ครับ..เป็นบทความนมนานมาแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าสิ่งที่อาจารย์คึกฤทธิ์เขียนนั้นยังเห็นอยู่ในละครยุคปัจจุบัน จะเปลี่ยน-เพิ่มเติมบ้างก็..

พระเอก-นางเอกใช้ลิ้นดุนลิ้นกันแล้วเท่านั้นแหละ!



Written By
More from pp
“สถาบันปิดทองหลังพระฯ” จับมือ “ราชการ-เอกชน” ลงพื้นที่แนะนำเกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อย แทนการทำนาปรัง พร้อมรับรองราคาขั้นต่ำในการซื้อผลผลิตโดยเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ
สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ นำร่องพื้นที่ 3 จังหวัด “ปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์แทนการทำนาปรัง” ช่วยลดการใช้น้ำมากกว่า 2 เท่า เพื่อเป็นทางเลือกในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร โดยมีเกษตรกรกว่า 2,296 ราย...
Read More
0 replies on “ละครไทยเปลี่ยนไปแล้ว?-สันต์ สะตอแมน”