“ผีบุญ” แนวทางศึกษา “ทอน”

เวรกรรมของผมอย่างหนึ่งก็คือ “คร้านจะคุย” แต่ก็ต้องคุยนี่แหละ!

อย่างวันนี้ เป็นต้น
ใช่ว่าไม่มีเรื่องจะคุย มันมี…มีเยอะซะด้วย จะเป็นเพราะฝนตกเช้ามืดวาน ขี้หมู-ขี้หมาไหล อย่างนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู็นะ
เลยพานขี้เกียจซะงั้น!?
พูดถึง “การบ้าน-การเมือง” ที่เจ้า “สึ่งตึง” แก๊งกางเกงในเก่าเมื่อไม่สมหวัง มันคลั่งทุกบท กระทั่งบท “วิ่งสวนรถไฟ”
ก็ให้เวทนามัน!
คึกในร่มผ้าว่า เมื่อขึ้นเวทีประชาธิปไตย ชิงชัยกับพลเอกประยุทธ์ในสนามเลือกตั้งแล้ว
ด้วย “แดงในส้ม-ส้มในแดง”
เป็นมวลชนระบอบทักษิณผลัดกันใช้ ผนวกพวกเอ็นจีโอที่ตีขลุมเป็นคนรุ่นใหม่ร่วมขบวนการ
ยังไงๆ “ทอน-สึ่งตึง” ก็ชนะ
เข้าสู่กระบวนการอำนาจคุมกลไก “เปลี่ยนประเทศ” ได้แน่!
แต่พอแพ้ “พลเอกประยุทธ์” ทั้งในเวทีเลือกตั้ง และทั้งในสภาเท่านั้น
เจ้าสึ่งตึงเล่นบทกุ๊ยข้างถนนทันที!



ออกมาตะโกน….
โน่น ประยุทธ์ “นายกฯเลือกตั้ง” ที่นั่งอยู่ในสภา
มันเป็นเผด็จการ!?
แต่กู…ไอ้ตี๋เลี้ยงแกะ “นายกฯ โซเดียม” ที่ไม่ได้แล้วพาล ต้องออกมาเล่นว่าวข้างถนน ตะโกนชวนคนลงไปตะลุมบอนเล่นกันอีก
เป็นประชาธิไตย!?
แบบนี้ พวกมึงบ้าหรือดี หือ…ไอ้ตี๋สึ่งตึง มันไม่มีแต้ม-มีคูการเมืองใดๆ เลย ไม่ว่าจะรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่
มันลีลา “รุ่นจัญไร” ชัดๆ!



นึกว่าชาวบ้านเขาโง่เหมือนพวกงั่งส้มอมแดงจนแยกแยะไหนประชาธิไตย ไหนเผด็จการ ไม่ได้เชียวหรือ?
มันพาลนี่…….
พอแพ้เขาในสภา ก็ออกมาเล่นบทเผด็จการนอกสภา ปั่นกระแสให้คน ๒ ขั้วลงถนน เพื่อให้ชนกัน
พอชนกัน เจ้าหน้าที่ออกมาสกัดกั้น ก็อาศัยสถานการณ์นั้น พลิกลิ้น ปลิ้นปล้อนไปอีก
เป็นว่ารัฐบาลใช้อำนาจปราบประชาชนบ้างละ คุกคามสิทธิเสรีภาพบ้างละ



เพื่ออะไร……..
ก็เพื่อสร้างเงื่อนไข “ถอดกลอนประตูเมือง” ให้ “อำนาจนอกชาติ” เข้ามา แล้วใช้กลไก “สื่อสารครองโลก” ตีข่าวเป็นความชอบธรรมกันยกใหญ่
ผสมผสานเอ็นจีโอเจือสมแก๊งอาจารย์ล่มชาติที่ซุกหัวตามมหา’ลัย ทั้งกลาง-เหนือ-ใต้-อีสาน
ปั้นข่าวขย่ม ประยุทธ์  “เผด็จการเริงเมือง”
ขัดหลัก “เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ” เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิไตย อยู่ต่อไป ฝุ่นเยอะ นังกาลีก็เยอะ
ปั้นเท็จทุกวัน……..



กรอกหูทั้งคนรู้-ไม่รู้ทุกวัน นานๆ ไป คนก็พลอยหลงคล้อยตาม ว่ารัฐบาลประยุทธ์ ไม่ดีอย่างนั้น-อย่างนี้
ทั้งฝุ่นพีเอ็ม ทั้งกาลีใน-นอกสภา เยอะไปหมด
ต้องไอ้ทอนสึ่งตึงเป็นนายกฯ นั่นแหละ
ทุกอย่างดีหมด แค่ผ้าเตี่ยวพันคอ ก็เป็นประชาธิปไตยหยำฉ่า โสภี-โสภา สมหน้า-สมตา พรรคกางเกงในเก่า
นี่………
แล้วไอ้ขบวนการรัฐบาลเดียวครองโลก มันก็จะเข้ามา ความจริง มันซึมเข้ามาแทรกอยู่ในแก๊งล่มชาตินานแล้ว แต่ถ้ามีเหตุวุ่นวาย………
มันก็จะอ้างเป็นเงื่อนไข โผล่ขึ้นบนดิน
เป็นผู้อภิบาลประชาธิปไตย ตามคำร้องขอและร้องขาย “ประเทศไทยร้อนๆ แม่เอ้ย”
ด้วยอำนาจ “จักรวรรดิ์นิยม” จะบีบรัฐบาลประชาธิปไตยลงไป
แล้วหนุนขบวนการร่างทรงให้สปริงขึ้นเป็น “รัฐบาลหุ่นเชิด”!



มันก็เป็นในแนวนี้แหละ……..
ก็เมื่อปลายปี เห็นอยู่มิใช่หรือ ที่ไอ้-อีสองตัว ไปตะกายตีนถึงในบ้านเขา
ให้เข้ามาช่วยทำประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตย!
เนี่ย………
ที่พฤติการณ์ริยำบ้าน-ริยำเมือง ผ่านกลเกม “สื่อสารไอทีครองโลก” ที่มันทำกันทุกวันนี้ ไม่มีอะไรใหม่
ที่แหกปากตะโกนว่า “รัฐบาลประยุทธ์เผด็จการ” สารพัดจะหยาบหยามร้อยแปดกันนั้น
ถ้าเผด็จการจริงๆ อย่างที่กล่าวหา พวกนี้ “ตายเรียบ” ไปนานแล้ว
เพราะระบบเผด็จการจริงๆ เขาไม่ปล่อยให้คนพรรค์นี้ลอยหน้าอ้อนบาทาอย่างที่ทำกันขณะนี้หรอก



เผด็จการจริงๆ ต้องอย่าง “จอมพลสฤษดิ์”
แต่คนก็ยังนับถือ……..
ว่าแบบนั้นแหละเป็น “เผด็จการคุณธรรม” และเป็น “เผด็จการสร้างชาติ” ที่ต้องการ
จะเอาตัวอย่างเผด็จการสร้างชาติ จากหนังสือที่เพื่อนผม “สิทธิเดช จันทรศิริ” เขียนไว้ในหนังสือกรุข่าวมาให้อ่านเมื่อปลายธันวา.เพื่อนเพิ่งมาเยี่ยมเยียน
พวกเหิมเกริม จะแยกชาติ เปลี่ยนระบบ เคยได้ยินเรื่อง “ผีบุญ” เมื่อปี ๒๕๐๒ กันบ้างหรือเปล่าล่ะ?
ถ้าไม่เคย ก็อ่านกันซะ……
จะได้รู้ว่า “คนคิดแยกชาติ” ถ้าเจอนายกฯ เผด็จการจริงๆ ผลจะเป็นยังไง อ่านเป็นมรณานุสติไว้นะ



“ฉากสุดท้ายของผีบุญ”
ผีบุญ หรือ ศิลา วงศ์สิน หรือหัวหน้าจลาจลแห่งโคราชนั้น ได้ถูกนำเข้ากรุงเทพฯ มาทำการสอบสวนที่กองปราบปรามสามยอด
เขาได้ปฏิเสธตลอดข้อหาที่กล่าวว่า ได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์ ก่อตั้งอาณาจักรอย่างเป็นอิสระของตนเอง มิได้เป็นกบฏหรือคิดแบ่งแยกดินแดนอย่างที่กล่าวกัน
นอกจากนั้น เขารับสารภาพความจริง และบอกว่า เขาได้ร่ำเรียนทางวิชาไสยศาสตร์มา
ได้ประสิทธิ์ประสาทเกี่ยวกับวิชาทางนี้ จนมีลูกศิษย์ลูกหาและมีคนนิยมนับถือเลื่อมใส
ต่อไปนี้ เป็นบันทึกจากหนังสือเล่มหนึ่ง เมื่อเขาพบกับจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีที่กองปราบสามยอด



“ลื้อก็เลยกำแหง คิดแบ่งแยกดินแดนละซี”
เขาก้มลงกราบจอมพลสฤษดิ์ด้วยใบหน้าอันซีดสลด
“ผมไม่เคยคิดเลยครับ” เสียงของเขาสั่นเครือ
“ถ้าลื้อเป็นผู้วิเศษจริง อมกระโถนหรือวิทยุให้อั๊วดูหน่อยได้ไหม ถ้าลื้อทำได้ อั๊วจะยอมเป็นลูกน้องลื้อ”
และ………
“ลื้อมีอะไรจะพูดอีกไหม” นั่นคือคำถามสุดท้าย
ในเย็นวันเดียวกัน วันที่เขาได้พบกับนายกรัฐมนตรี “ผีบุญ” ก็ถูกส่งกลับนครราชสีมา
วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๐๒ คณะรัฐมนตรีมีมติให้นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามมาตรา ๑๗ ได้
วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๐๒ เวลา ๑๗.๓๐ น.นายศิลา วงศ์สิน หรือ “ผีบุญ” ก็จบชีวิตอันประหลาดล้ำลง ณ แดนประหารที่ป่าช้าจีน จ.นครราชสีมา



ในฐานะ………..
“ผู้กระทำครั้งนี้ กระทำไปโดยเจตนา
หาได้กระทำไปโดยโง่เขลาเบาปัญญาแต่ประการใดไม่”
นี่คือตัวอย่าง
ยกมาให้ทอนและแก๊งกางเกงในเก่าสังวรณ์ ว่า
รัฐบาลเผด็จการจริงๆ น่ะ ต้องเป็นอย่างนี้ อย่างที่ผีบุญเจอ และถูกจอมพลสฤษดิ์ปราบ
อย่างนายกฯ ประยุทธ์นี่ ไม่ใช่ และเป็นเผด็จการอย่างที่จอมพลสฤษดิ์เป็นไม่ได้หรอก
แต่ผมก็อยากให้เป็นนะ ซักครึ่งสฤษดิ์ก็พอ
ไม่ใช่อะไร……
อยากเห็น “ทอน-ปิยบุตร-ช่อ” อมกระโถนปากแตรน่ะ!



ที่ออกฤทธิ์-ออกเดช ชนิดสุดสวิงริงโก้กันขณะนี้ ก็คงเข้าใจกันว่า ถึงตอนนี้ ไม่มีอะไรจะเสียมากไปกว่านี้ใช่มั้ย?
คือ “ยุบพรรค”
และกก.บห.ต้องหมดอนาคตทางการเมือง!
๒๑ มกรา.มิใช่หรือ ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย
ผมดูปฏิทินแล้ว ๒๑ มกรา. “วันอังคาร”
วันอังคารสุทธิโชคโฉลกดี เอาผ้าผีพันองค์เป็นมงคล
ไม่ใช่วันพุธ “หัวกุด-ท้ายเน่า”!
ฉะนั้น ทอนอย่าด่วนเกหมดหน้าตัก ขยักตาเดินไว้บ้าง เผื่อไม่ถึงที่ตาย ไม่วายชีวาตม์ จะได้ไม่ต้องไปอมกระโถนไงล่ะ
คดีนี้ ๕๐/๕๐
แต่คดีหน้า ว่าด้วยการหากินทางปล่อยกู้พรรคนั่นน่ะ
“อมตุ่ม” ยังลุ้นง่ายกว่า!



Written By
More from plew
ไร้ร่องรอย-แต่มีตัวตน – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน หมอหนู “อนุทิน ชาญวีรกูล” นี่ ถ้าเป็น “นักมวย” ละก็ ขึ้นปก “เดอะ ริง”...
Read More
0 replies on ““ผีบุญ” แนวทางศึกษา “ทอน””