ผู้พิพากษา “พิพากษา” รัฐบาล

“เป็นกำลังใจให้จีน สู้..สู้”

สำหรับพวกเราคนไทย…….
ยามนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าช่วยกันส่งแรงใจไปให้พี่น้องจีนที่กำลังเผชิญไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ค่อนข้างเดียวดายขณะนี้โดยเฉพาะที่ “อู่ฮั่น”
ในความที่ “ไทย-จีน พี่น้องกัน” ก็ต้องบอกว่า “อู่ฮั่น..เธอต้องผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้นะ”
ยามบ้านเมืองไทยมีปัญหา ไม่ว่าศึกบ้าน-สถานการณ์ประเทศ หลายครั้ง-หลายครา
เมื่อไปเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากจีน เราก็ได้รับความช่วยเหลือทุกครั้ง



ผมไม่ได้พูดเรื่อยเปื่อย………
หากแต่ผมเคยตามคณะ “นายกฯคึกฤทธิ์” ไปเปิดสัมพันธไมตรีกับจีน สมัยท่านประธานเหมา เจ๋อ ตุง เมื่อปี ๒๕๑๘

ได้พบ ได้เห็น ได้สัมผัส “มิตรภาพ-จริงใจ” ที่พี่น้องจีน นับตั้งแต่ตัวท่านประธานเหมา ท่านเติ้ง เสี่ยว ผิง ที่มีให้กับคณะรัฐบาลไทยเป็นพิเศษมาแล้ว

รับรู้ได้ถึง “จริงใจลึกซึ้ง” ของจีน และประชาชนคนจีนที่มีต่อคนไทย ไม่ว่าชาวคณะย่างเหยียบไปเมืองไหน จะแห่แหนกันมาต้อนรับและมาฟัง “นายกฯ คึกฤทธิ์” พูดกันเป็นหมื่นๆ

ครานี้ จีนประสบภัยพิบัติด้วยโรคระบาด แม้รับมือได้ ไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากใครก็จริง



แต่ก็นั่นแหละ………
“กำลังใจ” เป็นเยื่อใยทางจิตวิญญาน มันไม่มีราคา แต่มากคุณค่าในความหมาย ยามเป็น-ยามตาย ยังมีน้อง-มีพี่  “มีใจ” ให้ต่อกัน

มัน “ระอุอุ่น” ทั้งผู้รับและผู้ให้นะ ผมคิดอย่างนั้น!

๕-๖ ปีมานี้ ท่องเที่ยวไทยเราเฟื่องฟู ขึ้นหน้า-ขึ้นตา อันดับต้นๆ ของโลก ก็ไม่เพราะพี่น้องจีนยัดทะนานกันเข้ามาดอกหรือ?

ดังนั้น ยามนี้ เราอย่าตั้งแง่กับพี่น้องจีนที่เดินทางเข้ามาด้วยกริยาการรังเกียจเดียดฉันท์ หวาดผวา ว่าจะนำโรคมาเลย

อย่างน้อย เราก็ต้องมั่นใจในมาตรการ ตรวจตรา ป้องกัน ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
ที่ตั้งด่านสแกน สกัด คัดกรอง ตั้งแต่ปากประตูเครื่องบินก่อนปล่อยเข้าเมืองแล้ว

ก็แปลกนะ ไทยนอกจากชอบหยามไทยด้วยกันแล้ว ยังไม่เชื่อไทยด้วยกันอีก



ตรงกันข้าม ทั่วโลกเขากลับเชื่อและให้เครดิตไทย ว่ารับมือโรคระบาดได้ยอดเยี่ยม อันดับ ๖ ของโลก

ก็ขอให้เราทำความเข้าใจกับตัวเองว่า บ้านเมืองเป็นของเราทุกคน ฉะนั้น ปัญหาชาติ คือปัญหาเรา เห็นปัญหาตรงไหน อย่าทอดเฉย

จำไว้เลย HOT LINE สายด่วน 1422
โทรบอก “กรมควบคุมโรค” ทันที
ตอนนี้ นายกฯ ตั้งวอร์รูม “ศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์ฉุกเฉินทางการแพทย์” ขึ้นแล้ว ฝ่ายปฏิบัติการพร้อม ๒๔ ชั่วโมง

พบใคร ที่ไหน น่าสงสัย หรือสงสัยใคร จุดไหน ว่าน่าจะเสี่ยงต่อเชื้อไวรัส โทรแจ้งทันที

หรือจะสอบถามข้อสงสัยในทุกเรื่อง เกี่ยวกับไวรัสนี้ ก็อย่าได้รีรอ
อ่านข่าว ฟังข่าว เสพสื่อออนไลน์ ทะแม่งข่าวไหน อย่าเพิ่งเชื่อ ให้โทรไป 1422 สอบถามให้แน่ใจก่อน แล้วค่อยเชื่อ



แต่เมื่อวาน (๒๗ มค.๖๓) ผมอ่านข่าว ……..
“นายศรีอัมพร ศาลิคุปต์”ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ แสดงความเห็นส่วนตัว เรื่องการรับมือไวรัส
อ่านแล้ว…อึ้ง!

จะใช่-ไม่ใช่ เป็นเรื่องหนึ่ง แต่เกิดคำถามในใจผมว่า มันจำเป็นนักหรือ ที่บุคคลในสถานะนี้ จะออกมาแสดงความคิดเห็นเช่นนี้?

เมื่อครั้งนายกฯ ถวายสัตย์ปฏิญาน ก็ครั้งหนึ่งแล้ว ที่ท่านนี้ ออกมาแสดงความเห็น และครั้งนี้ เป็นครั้งที่ ๒
ความเห็นเรื่องไวรัสต่อรัฐบาล ค่อนข้างยาว ขออนุญาตหยิบเฉพาะ “ความสำคัญ” ในบางตอน เพื่อกล่าวถึงก็แล้วกัน

ท่านกล่าวว่า…
“รู้สึกผิดหวังและหมดศรัทธาในวิธีการทำงานของรัฐบาลไทย ที่ไม่เคยเห็นหัวคนไทยว่าเป็นคน
หรือเห็นว่าคนไทยเป็นชนชั้น 2 ที่ไม่เคยใส่ใจในสุขภาพอนามัยของคนไทยแต่อย่างใด

ตั้งแต่เดือนธันวาคมได้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยของคนไทย คือการมีฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง รัฐบาลก็ไร้น้ำยาในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ



ไม่มีแผน ไม่มีโครงการระยะสั้น และระยะยาว ในการแก้ไขปรับปรุงคุณภาพของอากาศให้ดีขึ้น มีแต่การแก้ปัญหาไปวันๆ ให้พ้นตัว …..ฯลฯ……

อย่างรัฐบาลจีนเองโดยประธานาธิบดีสีจิ้นผิง รู้ว่าโรคนี้เป็นโรคที่ร้ายแรง ระบาดที่มณฑลปู่ฝั้น ซึ่งเป็นต้นตอของจุดเกิดโรค แล้วยังแพร่ระบาดไปยังมณฑลต่างๆ โดยรวดเร็ว

จึงตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการปิดเมืองสำคัญที่มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก เพื่อไม่ให้เดินทางออกไปแพร่ระบาดโรคร้ายให้แก่ผู้อื่น

รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างรุนแรง หากใครขัดขวางหรือไม่เชื่อฟังให้ใช้มาตรการเด็ดขาดด้วยการดำเนินคดี เพื่อควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัด….ฯลฯ……

แต่เหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสมรณะนี้ยังลุกลามอยู่ จึงมีคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวและบริษัทท่องเที่ยวดำเนินการขายตั๋ว เพื่อพานักท่องเที่ยวไปยังต่างประเทศ



เนื่องจากรัฐบาลจีนเป็นห่วงประชาชนทั่วโลกว่าอาจจะติดเชื้อโรคไวรัสมรณะนี้

แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและประชาชนในประเทศและประชาชนนอกประเทศ

จึงน่ายกย่องรัฐบาลจีนเป็นอย่างยิ่ง ที่เห็นคุณค่าของความปลอดภัยและชีวิตของคนในประเทศและคนต่างประเทศ อันเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้นำระดับโลกให้เห็นและน่ายกย่อง เป็นบุคคลที่มีคุณธรรมเป็นอย่างยิ่ง

ซึ่งเมื่อดูประเทศอื่นๆ เช่นไต้หวัน สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ก็รู้ถึงภัยของไวรัสมรณะนี้

ว่านักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางจากประเทศจีน จะนำโรคร้ายดังกล่าวมาแพร่เชื้อแก่ประชาชนในประเทศของเขา

ก็ใช้มาตรการเด็ดขาดด้วยการกักชาวจีนที่เดินทางมาถึงท่าอากาศยานไม่ให้เข้าประเทศ

จัดหาเครื่องบินส่งนักท่องเที่ยวจีนและผู้เดินทางชาวจีนให้กลับประเทศไป

เพื่อเป็นมาตรการเด็ดขาดในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมรณะดังกล่าว



โดยประเทศเหล่านี้ ไม่สนใจว่าจะสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนไปเป็นจำนวนเท่าใด

เขาเห็นว่าชีวิตและสุขภาพของประชาชนในประเทศของเขามีความสำคัญเสียยิ่งกว่าเงินรายได้ที่จะได้จากการท่องเที่ยวจีน ซึ่งน่ายกย่อง…..ฯลฯ….

อย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ก็เช่าเหมาลำเครื่องบิน เพื่อนำประชาชน นักการทูตและครอบครัวชาวอเมริกันกลับประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ประชาชนสหรัฐติดเชื้อไวรัสดังกล่าว อันเป็นการแสดงความรับผิดชอบและห่วงใยของรัฐบาลอเมริกาที่สนใจในสุขภาพอนามัยของประชาชนของเขาเช่นกัน

แต่เมื่อหันกลับมาดูที่เมืองไทย จากข่าว (เชิดสิงโตรับนักท่องเที่ยวจีน) กลับเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวจีนให้เข้าประเทศ โดยไม่จำกัด
หรือมีมาตรการใดๆ ที่จะคัดกรอง หรือพยายามจำกัดนักท่องเที่ยวประเทศจีน

ลักษณะการดำเนินนโยบายของรัฐบาลไทยเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่ามีวิสัยทัศน์เพียงต้องการ ได้รายได้จากนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน
นั่นเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลไทยว่า การได้รายได้ของนักท่องเที่ยวนั้นมีความสำคัญกว่าชีวิต สุขภาพอนามัยของประชาชนชาวไทย โดยไม่คิดหรือให้ความสนใจว่านักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเมืองไทยในระยะนี้ อาจนำเชื้อไวรัสมรณะดังกล่าวมาติดต่อแก่คนไทยได้



การที่ประเทศจีนสั่งไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศ ถ้าจะพูดเป็นภาษาชาวบ้าน แสดงว่ารัฐบาลไทยก็ดี ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยก็ดี ไม่เคยเห็นหัวคนไทยว่าเป็นคน ไม่สนใจว่าคนไทยจะเจ็บป่วยจากไวรัสมรณะนี้กี่คน

ไม่เคยเห็นคุณค่าความเป็นคนของคนไทยเลย หากจะตายเพราะโรคไวรัสมรณะนี้ ก็เป็นเรื่องของความซวย
เราจะดูรายได้จากนักท่องเที่ยว จนละเลยความปลอดภัยและชีวิตของคนไทยที่จะป่วยด้วยโรคไวรัสมรณะเเบบนี้หรือ

น่าชื่นชมและขอขอบคุณ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของประเทศจีน ที่ยังมีวุฒิภาวะและห่วงใยประชาชนทุกชาติของโลก จึงสั่งห้ามประชาชนชาวจีน มิให้เดินทางออกไปท่องเที่ยวนอกประเทศจีน……ฯลฯ…..

ขณะนี้ ก็มีผู้ป่วยชาวจีนที่เป็นนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางเข้าประเทศไทย มีอาการป่วยอยู่ถึง 6 คน
คนไทยก็คงต้องช่วยตัวเองด้วยการระมัดระวังและป้องกันการติดเชื้อ…..ฯลฯ…..

“โดยต้องถือสุภาษิตว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน และหากมีอาการไข้สูง ไอในลักษณะเป็นหวัด เจ็บคอเป็นระยะเวลานานกว่า 3 วันต้องรีบไปหาแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัย



เนื่องจากขณะนี้ ยังไม่รู้ว่า เชื้อไวรัสที่มาจากนักท่องเที่ยวจีนก่อนมีการห้ามเดินทางมาประเทศไทยจะแพร่ระบาดไปติดคนไทยเข้ากี่คนก็ยังไม่ทราบ น่าอนาถใจแท้ที่เกิดเป็นคนไทย”

รมต.สาธารณสุขของจีนเองยังออกมายอมรับว่า โคโรน่าไวรัสนี้สามารถติดต่อไปยังผู้อื่นได้ ในขณะที่ผู้ได้รับเชื้อยังไม่มีอาการป่วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก…ฯลฯ….

ขณะที่รัฐบาลไทยยังไม่ตื่นตัวในการเฝ้าระวัง หรือหาทางป้องกันมิให้มีผู้เป็นพาหะนำเชื้อโรคนี้เข้ามาระบาดในประเทศไทยแต่อย่างใด

ครับ ในเรื่อง PM 2.5 ท่านตำหนิรัฐบาลด้วยคำเช่นนี้
ผิดหวัง, หมดศรัทธา, ไม่เคยเห็นหัวคนไทยว่าเป็นคน, รัฐบาลไร้น้ำยา
ไม่มีแผน ไม่มีโครงการระยะสั้น ระยะยาว, แก้ปัญหาไปวันๆ ให้พ้นตัว
กับเรื่องการรับมือไวรัส ในความเห็นท่าน เจตนาต้องการให้ “ปิดประเทศ” ไม่ให้คนจีนเข้ามา

ว่านโยบายที่ทำอยู่ขณะนี้ เห็นรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนสำคัญกว่าสุขภาพ อนามัยคนไทย



รัฐบาลไม่เคยเห็นหัวคนไทยว่าเป็นคน ไม่สนใจว่าคนไทยจะเจ็บป่วยจากไวรัสมรณะนี้กี่คน

รัฐบาลไม่สนใจว่านักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาระยะนี้ อาจนำเชื้อไวรัสมาติดต่อคนไทย

แล้วท่านก็ “อนาถใจแท้ที่เกิดเป็นคนไทย”

ผมยกมาบางคำ-บางประโยค ท่านหาอ่านรายละเอียดได้จากข่าวเว็บไทยโพสต์

การแสดงความเห็น “เป็นสิทธิ” ของท่าน ไม่ก้าวล่วง

แต่ผมก็อยากแสดงเห็นบ้างว่า
ผมแปลกใจ เพราะไม่เคยปรากฏ บุคคลในสถานะนี้ จะใช้คำที่พวก “รับจ้างโพสต์” เขาใช้กันต่อรัฐบาล
แรงในคำ ก็เรื่องของจิตคน แต่หลายประเด็นที่ท่านใช้มันสะท้อนถึงทัศนคติที่ไม่อยู่บนฐานข้อเท็จจริงสักเท่าไร

ที่ยกตัวอย่างบางประเทศ ว่าไม่ให้คนจีนเข้า ส่งกลับไปเลย ก็ดี บางประเทศเอาเรือบินไปขนคนเขากลับก็ดี

ผมว่าขยุ้มหัว-ขยุ้มหางสรุป ไม่ตรงข้อเท็จจริงนัก



รัฐบาลหิวเงินนักท่องเที่ยวจีนจนไม่เห็นหัวคนไทย นี่เหมือนกัน พูดเช่นนี้ ไม่หยามแคลนประเทศตัวเองเกินไปดอกหรือ?

ท่านคิดว่า “ปิดประเทศ” ดีที่สุด
และการทำอย่างนั้น ประกอบด้วยคุณธรรมล้ำเลิศอย่างนั้นหรือ?

เรื่องปิดประเทศ……..
แค่พูดก็น่ารังเกียจ และทำลายประเทศ ทำลายมิตร ทำลายน้ำใจ โรคระบาดแค่คนตาย แต่น้ำคำท่านระบาด

ตายทั้งประเทศ “ระยะยาว” ได้นะครับ!

ไม่คิดเลยว่า จะได้ยินเช่นนี้จากคนระดับท่าน

ปิด-ไม่ปิด มันมีขั้นตอนตามกติกาสากลอยู่ ไวรัสขณะนี้องค์การอนามัยโลก บอกอยู่ในขั้น ๕

ระบาดเฉพาะภายในจีนเท่านั้น ยังไม่ปรากฏคนทวีปอื่น ที่ไม่ได้ไปจีนจะป่วยด้วยไวรัสสายพันธุ์นี้ ฉะนั้น ป้องกันได้

ความเห็นท่านน่ากลัวนะครับ
ถ้าออกจากผู้พิพากษามาเป็นรัฐบาลวันไหน ผมคงต้องปลงอย่างที่ท่านปลงบ้างละ ว่า……

“อนาถใจแท้ที่เกิดเป็นคนไทย”!



Written By
More from plew
ไม่ไว้วางใจที่ไร้ “กาลเทศะ”
กลับถึงไทยค่ำนี้แหละ (๔ กพ.๖๓)! “แอร์เอเชีย” บินไปรับ คนไทย ๑๔๔ คน ในอู่ฮั่น-หูเป่ย กลับมา ก็คงยังไม่ได้กลับบ้านทันที เขาต้องเก็บตัวไว้เฝ้าดูอาการก่อน...
Read More
0 replies on “ผู้พิพากษา “พิพากษา” รัฐบาล”