“การเมืองหน้ากาก” ไทย-สหรัฐ

เนี่ย……….

ด้วยตำแหน่ง “โฆษกรัฐบาล”!
ถ้าจะตำหนิ “นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ก็ต้องตำหนิกันในเรื่องนี้แหละ
คือเรื่องการใช้มาตรการควบคุมโควิดกับบุคคลต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศช่วงนี้
๙-๑๐ กค.ที่จะถึง…….
ผบ.ทบ.สหรัฐฯ และคณะ “แขกของกองทัพบก” จะเดินทางเข้ามา ตามหมายกำหนด เข้าพบนายกฯ ด้วย
ก็อย่างที่รู้กันอยู่ บ้านเมืองเรา มีขบวนการชังชาติ คอยบั่นทอนชอนไชทุกย่างก้าว
อะไรที่ถูก “ชาติได้-ประชาชนได้” ขบวนการชังชาติ ต้องรีบสาดสี เพราะกลัวจะรัฐบาลจะได้ด้วย

โดยอาศัยช่องว่างทางพฤติกรรมเสพข่าวสารของสังคมไทย ในความ “ใส-ซื่อ” แต่ชอบสีสันสาดใส่
ดังนั้น ข่าวดี ไม่ค่อยสนใจกัน แต่ข่าวใส่สีตีไข่ จะตาลุกวาว!
นั่นคือ ตอนเลขาฯสมช. “พลเอกสมศักดิ์ รุ่งสิตา” แถลงขั้นตอนการมาเยือนไทยของผบ.ทบ.สหรัฐฯ ฟังแล้วก็ผ่านหูกันไป
ขบวนการชังชาติ รีบฉวยประเด็นเปราะบางทางมาตรการป้องกันโควิด ยกเรื่อง “ชาติข่มชาติ” ขึ้นมาบิดประเด็น แต่งสีเป็นเฟกนิวส์ลงโซเชียลทันที

พวกนี้ ทำกันเป็นทีม เมื่อหัวนำ หางก็ออกมาส่าย เล่นบทดรามา “อเมริกันหยามไทย-ไทยหงออเมริกัน” ปั่นโซเชียล ตั้งประเด็นศักดิ์ศรี …….
เสี้ยม “สหรัฐ-ไทย” ชนกัน ทำนองไทยสองมาตรฐาน กับคนอื่น-ชาติอื่น เคร่งครัดมาตรการ กักตัว ๑๔ วัน

แต่ผบ.ทบ.สหรัฐฯ กับคณะ
ทำตัวเหนือไทย-เหนือมาตรการป้องกันโควิด ไม่ยอมให้กักตัว ไทยก็ต้องโอนอ่อน ประมาณนั้น
เรื่องอื่น คนไทยพอยอมได้……….
แต่เรื่องศักดิ์ศรี “ตายเป็นตาย” ซึ่งเรื่องนี้ก็เช่นกัน!
มันเป็นเช่นนั้นเสียด้วย ข่าวจริง ที่เลขาฯสมช.แถลง ผ่านหู ก็ผ่านเลย ไม่ใคร่ครวญอะไร

แต่พอข่าวเฟกนิวส์ลงจอ โห……
อ่านกันตาถลน เชื่อเป็นตุ-เป็นตะ เลือดไทยพลุ่งพล่าน อเมริกันหยามไทย นักรบไซเบอร์ถล่มยับ ตั้งแต่กองทัพไปถึงรัฐบาล!

แม้วันต่อมา ทางการออกบอกว่า นั่น…เฟกนิวส์ อย่าไปเชื่อ
แต่โลกไอที แค่ ๕ นาที ๑๐ นาที เท็จก็แพร่ว่าจริงไปทั้งโลกแล้ว การ “แก้ข่าว” แทบไม่มีความหมาย

นี่คือ ประเด็นที่ผมบอกแต่ต้น……
คนเป็นโฆษกรัฐบาล คือ “นางนฤมล” สมควรได้รับคำติหนิจากสังคมในกรณีนี้
เพราะวิสัยทัศน์ระดับโฆษกรัฐบาล อย่างแรก ต้องรู้ว่า แต่ละข่าวสารที่รัฐสื่อถึงประชาชน ข่าวไหนอ่อนไหว ซับซ้อน เปราะบาง ในการรับรู้หรือไม่ ขนาดไหน?
และต้องเข้าใจ ในเรื่องข่าวสารยุคโลกาภิวัฒน์ นั้น
“เท็จ-จริง” เป็นเรื่องรอง
“เร็ว-ก่อน” สนองอยากทันการณ์-ทันใจ เป็นเรื่องหลัก

การชิงพื้นที่ด้วยการป้อนข้อมูลเข้าไปฝังอยู่ในแผ่นดิสก์สมองผู้เสพข่าวก่อน นั่นคือความสำคัญสูงสุด
ข้อมูลที่ถึงก่อน คือ “วัคซีน” ป้องกันเฟกนิวส์!


แต่……..
วันก็แล้ว สองวันก็แล้ว ล่อกันจนเละก็แล้ว จะหน้าที่โดยตรงหรือโดยอ้อมก็ตาม เหมือนนางนฤมล ไม่รู้สึก-ไม่สำนึกเลย ว่า
กรณีอย่างนี้ คนเป็นโฆษกรัฐบาล ต้องทำหน้าที่ “คัดหัว-คัดท้าย” เป็นหลักให้ประชาชนได้ยึด ว่าไหนจริง-ไหนเท็จ?

ไม่ใช่ปล่อยให้ไวรัสเฟกนิวส์ระบาดไปทั่ว ก็ยังไม่หือหันอะไรอย่างนี้
เรื่องอย่างนี้ ด้วยวิสัยโฆษก จะไม่รู้สึก ไม่วิตกทุกข์ร้อน มันก็ผิดวิสัย อะไรที่ถนัด ก็ควรไปทำอย่างนั้นมากกว่า
ไม่ต้องวิสัยโฆษกหรอก ด้วยเซนส์การเมือง ก็ต้องรู้แล้ว ถ้าเฉยแฉะ เสร็จมัน
แล้วก็เสร็จมันจริงๆ!

น่าจะตื่นตัว ใช้ข่าวสารทางราชการเป็น “ข่าวสารนำ” ไล่ข่าวเฟกส์ แต่ภาคข่าวสารรัฐ “เหมือนสาก”

เมื่อวาน (๖ กค.) เห็น “นพ.ทวีศิลป์” ออกมาขจัดความสับสนในทิศทางต่อการมาเยือนไทยของผบ.ทบ.สหรัฐ

“……………….เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ ผอ.ศบค.ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการสอบถามไปว่า จะสามารถเลื่อนการดินทางมาได้หรือไม่
แต่การเดินทางดังกล่าว มีการกำหนดไว้ล่วงหน้าไปยังหลายประเทศ จึงมีความละเอียดด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เราได้แลกเปลี่ยนข้อห่วงใยกับทีมงานที่จะเดินทางเข้ามา เขาเข้าใจ พร้อมปฎิบัติตามหลักเกณฑ์ ๖ ข้อ

๑.มาเป็นคณะเล็กไม่เกิน ๑๐ คน
๒.เป็นการเดินทางระยะสั้น
๓.ตรวจโควิดประเทศต้นทาง ถึงไทยตรวจอีกครั้ง ผลต้องเป็นลบทั้งสองครั้ง
๔.ให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพ จัดเจ้าหน้าที่ประจำคณะ
๕.มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานสาธารณสุขและความมั่นคงติดตามประจำคณะ
๖.ต้องจำกัดการเดินทางเฉพาะกำหนดการที่ตกลงไว้ล่วงหน้า ห้ามเดินทางไปในที่สาธารณะ ห้ามใช้ขนส่งมวลชน

การเข้าพบนายกรัฐมนตรี ผู้มาเยือนเป็นบุคคลสำคัญของเรา เราก็มีความเป็นห่วง
จึงขอให้ใส่หน้ากากตลอดเวลา เชื่อมั่นว่าจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี”

อ่านแล้ว ก็เหมือนที่เลขาฯ สมช.เคยแถลง แสดงว่า ไม่ใช่โวยวายกันขึ้นมา รัฐบาล-กองทัพก็ปรับเปลี่ยนมาตรการ
จะยกที่พลเอกสมศักดิ์แถลงเมื่อวันเสาร์มาเปรียบเทียบก็ได้

“………..ขอประชาชนคลายความกังวล ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ และคณะ ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าราชอาณาจักรตามข้อตกลงพิเศษ หรือ Special Arrangement ในฐานะแขกทางการ ที่เข้าเงื่อนไขไม่ต้องกักตัว ๑๔ วัน แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการ ๖ ข้อ ของศบค.อย่างเคร่งครัด ซึ่งทุกคนยินดีและพร้อมปฎิบัติตาม

ทั้งนี้ คณะของผบ.ทบ.สหรัฐฯ จะเดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัวมาจากสิงคโปร์ ไม่ได้บินตรงจากสหรัฐฯ
เป็นคณะเล็ก ผู้ร่วมเดินทางไม่เกิน ๑๐ คน อยู่ในไทย ๒ วัน คือ เดินมา ๙ ก.ค.และกลับ ๑๐ ก.ค

จะตรวจเชื้อจากประเทศต้นทางและตรวจซ้ำเมื่อเดินทางถึง มีเจ้าหน้าที่ไทยติดตาม และเดินทางตามเส้นทางที่กำหนดไว้เท่านั้น”

สรุปชัดๆ ก็คือ…….
ในความเป็น “แขกบ้าน-แขกเมือง” การให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องสำคัญมาก
และข้อเท็จจริง ตามมาตรการที่ไทยประกาศก่อนเปิดเฟส ๕ “แขกรัฐบาล” อยู่ใน” เงื่อนไขอนุโลม” อยู่แล้ว
ในทางปฏิบัติ ทางสหรัฐฯ เขาก็ยินดีปฏิบัติตาม ๖ ข้อนั้น จึงมองไม่เห็นในทางอภิสิทธิ์ชน

นอกจากหาเหตุ ตั้งแง่เพื่อ ด่ารัฐบาล ด่าสหรัฐฯ ปั่นชาติให้หมางกัน ตามสันดาน “กูอยู่ไม่สุข ใครก็อย่าหวังจะเป็นสุข”!
การเมือง “ระหว่างประเทศ” ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์ยุคจักรวรรดินิยมอำนาจตะวันตก เช่น ฝรั่งเศส-อังกฤษ เข้ามาล่าเมืองขึ้น

จะเห็นชัด อย่าง “พม่า” อาณาจักรยิ่งใหญ่ กว่า ๓,๐๐๐ ปี ไม่เคยเห็นอังกฤษอยู่ในสายตา แต่ต้องกลายเป็นเมืองขึ้นของพม่า เพราะอะไร?

ทั้งภูมิภาค เหลือเพียงไทย “กะจิ๊ดริด” ประเทศเดียว ในขณะที่ อังกฤษ-ฝรั่งเศส เล่นบท “หมาป่ากับลูกแกะ” พยายามขย้ำไทยเราทุกวิถีทาง
แต่ไทยเรา “รอด” เพราะอะไร?
ว่างๆ ควรศึกษาประวัติศาสตร์ “เรียนรู้เขา-เรียนรู้เรา” เชิงประวัติศาสตร์เปรียบเทียบดูกันบ้าง แล้วจะเห็นว่า

“พระมหากษัตริย์” แต่ละพระองค์ ในแต่ละยุค ทรงเดินวิเทโศบาย รับมือการรุกรานของฝรั่งเศส-อังกฤษ อย่างไร ถึงรอด?
และทั้งภูมภาคที่ไม่รอด……
เพราะ “เชิดหยิ่ง “ชนิด” ไม่รู้จักเขา-ไม่รู้จักเรา” กระทั่ง “เงาตัวเอง”
อย่างนั้นใช่หรือไม่?

LineID:plewseengern.com


Written By
More from plew
ทักษิณกับ “คำหลวงตา” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน วันนี้ เป็นรายการ “คุณขอมา” วานซืน ผมพูดไปเรื่อย ว่าว่างๆ จะนำภาษาธรรมที่หลวงตาพระมหาบัว “สอนลูกศิษย์” ชื่อทักษิณ มาให้อ่าน...
Read More
0 replies on ““การเมืองหน้ากาก” ไทย-สหรัฐ”