จากปรับครม.ถึงดรามาไวรัส

เฮ้อ….

จะเลอะเทอะกันไปถึงไหน…หือ เจ้าพวกขบวนการสร้างข่าวปล่อยให้สับสนรายวัน?

ที่ว่าจะปรับ “บิ๊กป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ “พ้นจากเก้ารองนายกฯ
แล้วจะให้ “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” มาเป็นแทนน่ะ!?

ถ้ารัฐบาลจะปรับครม.กันจริงๆ น่ะนะ
บิ๊กป้อมไม่ต้องปรับหรอก ให้อยู่ที่เดิม ให้อยู่เป็นพยัคฆ์หนังเหนียวคอยรับหน้า เย่อกับนักข่าว เห็นอ้อๆ แอ้ๆ อย่างนั้นเถอะ



เขี้ยวนักข่าวว่าโง้ง แล้วเคี้ยวท่านลงซะที่ไหนล่ะ!

ปรับเอารองนายกฯ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการคมนาคม นั่นแหละ “ลงตัว”
ส่วน “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” โปรโมท จากรัฐมนตรีว่าการคมนาคม ขึ้นไปดำรงตำแหน่งสูงขึ้น ในเก้าอี้ “รองนายกฯ” แทน

เออ…
ปล่อยข่าวแบบนี้ ยังจะเข้าแก๊ปด้วยมีความลงตัวมากกว่าข่าวเฮงๆ ซวยๆ จะปรับบิ๊กป้อมออกเป็นไหนๆ

ต้องดูกันให้ทะลุและตีราคากันให้ชัด
ใน “พรรคภูมิใจไทย” นั้น ถ้าเปรียบเป็นทอง เสี่ยหนู “อนุทิน ชาญวีรกูล” ก็แค่ทอง ๑๘ K

ถ้าจะ ๒๔ K ยี่ห้อ “ชิดชอบ” รับประกันทองแท้ ๑๐๐% ก็ต้อง “นายศักดิ์สยาม”

เลือกตั้งหนนี้ พรวดเดียว ภูมิใจไทย “พรรคเพิ่งเกิด” เหยียบประชาธิปัตย์ “พรรคเก่ากะลา” อายุร่วมร้อยปี จมแทบมิดดิน!

จมตรงไหน ก็ไม่แสบทรวงเท่า “ประชาธิปัตย์” ถูกภูมิใจไทย “เหยียบแทบจม” ตรงภาคใต้”

มัน “เยี่ยวรดหัวใจ” กันชัดๆ!



ถามว่า เพราะบารมี-ฝีมือ “หัวหน้าพรรค” ที่ชื่ออนุทิน หรือเพราะบารมี-ฝีมือ “เลขาฯพรรค” ที่ชื่อศักดิ์สยาม?

ผิวๆ อาจตอบ อนุทิน เพ่งพิศ ก็จะต้องตอบ ศักดิ์สยาม

เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะคนที่เหนือหัวหน้า เหนือเลขาฯ และเหนือพรรค
ชื่อ “เนวิน ชิดชอบ”!

เนี่ย…
ด้วยภูมิใจไทย มาแรง แซงทุกโค้ง ยิ่งกว่าความเร็วผีพุ่งใต้ ทำให้ใครๆทึกทัก ตีราคา ว่า อนุทิน เต็ง ๑ เตรียมนายกฯ

มันไม่ง่ายเหมือน “หงายไพ่น็อก” อย่างนั้นหรอก

เอางี้ซี…..
สมมุติตัวเป็นเนวินนะ เลือกตั้งอีกรอบ ถ้าภูมิใจไทยกวาดสส.ขึ้นมาอันดับ ๑ อันดับ ๒

เราจะให้ ๑๘ K “นอกไส้” หรือให้ ๒๔ K “ในไส้” ขึ้นนั่งสัปคับช้างล่ะ?

เพราะฉะนั้น ให้นายศักดิ์สยาม ที่ผลงานหอมฟุ้งจรุงประเทศ อยู่บนเก้าอี้รัฐมนตรีคมนาคม ปีเดียวก็ซับทรวงแล้ว



ฤกษ์งามยามดี เมื่อมีปรับครม.ก็ควรต้องให้ท่านพาสชั้นขึ้นนั่งเก้าอี้ “รองนายกฯ”
เหมาะเหม็ง งามพร้อมที่สุด!

“รองนายกฯ” สำหรับคนอื่นๆ ดูเหมือนทางตัน-ขั้นเต็ม แต่สำหรับนายศักดิ์สยาม มันคนละนัย คนละความหมายกันเลย

สำหรับนายศักดิ์สยาม นั้น ตำแหน่ง “รองนายกฯ” หมายถึงการเข้าอบรมสถาบัน “เตรียมนายกฯ”

สู่นายกฯ ของพรรคภูมิใจไทยและของตระกูลชิดชอบ นี่ละเป้าหมายอันพึงประสงค์!

คุยเรื่องไวรัสค้างคาวกันดีกว่า เพราะยังแรงในกระแสดรามาและเฟกนิวส์

สมัยก่อน มีนักการเมืองอยู่คน เขาล้อเลียนกันว่า “รักชาติจนน้ำตาไหล”

ตอนนี้ ก็มีพวกอกหักทางการเมืองอยู่แก๊ง “รัก ๖๔ คนไทย” ที่ติดอยู่เมืองอู่ฮั่น จนแตกฟองฟ่อด ทั้งน้ำหู-น้ำตา และน้ำลาย

ทั้งพูด ทั้งโพสต์ โขลก ตำ ขยำ ด่า นายกฯ ประยุทธ์ ว่าไม่เอาเรือบินไปรับคนไทยกลับ บริหารไม่เป็น สู้ทักษิณไม่ได้ หวัดนก หวัดซาร์ มา……
เล่นบท “สมภารกินไก่” ฟัดทั้งสุก ทั้งดิบ โชว์กลางสนามหลวง!



มิใยที่รัฐบาลและข่าวสารโลก เขาก็บอกอยู่โจ้งๆ ว่า จีนเขาปิดเมือง ต้องคัดกรองก่อน ยังไม่ให้เครื่องบินประเทศไหน บินเข้าไปรับคนกลับออกมาทั้งนั้น

และรัฐบาลไทย นายกฯ เองก็พูดจนปากฉีกถึงรูตูดแล้วมั้ง ว่าเรือบินเราพร้อม นักบินพร้อม แพทย์-พยาบาลที่จะไปกับเครื่องก็พร้อม

เพียงรอคิว รอไฟเขียวทางจีนให้บินไปรับได้วันไหน เวลาไหน เราก็จะบินไปรับคนไทยที่เมืองอู่ฮั่้นกลับวันนั้น

ทั้งไอ้นายนั่น-อีนางนี่ ……..
ก็ตะแบงตะแคงหอน ทำเป็นห่วงจนน้ำหู-น้ำตาเล็ดแว่น ติดแฮชแท็กรัฐบาลเฮงซวยอยู่นั่นแหละ

พูดง่ายๆ ว่า หาเรื่องด่ารัฐบาล ไล่ประยุทธ์ลง พวกกูจะขึ้นมั่ง เพราะทนนั่งแห้งเพราะลมโกรกไม่ไหว จนหมดอาย หมดทน รวมถึง “สิ้นความเป็นคน” แล้ว



จะพูดว่าทุเรศ ทุรัง กับผีอีนังเม่ย มันก็เท่านั้น

เพราะนางกระสันอำนาจ ด้านและสั่น จนไม่รู้สึก-รู้สา กับภาษาคนแล้ว

วันก่อน อ่านข่าว “นายชาตรี อรรจนานันท์” อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ บอกว่า

ทาง “สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง”…..ได้เปิดกลุ่มสนทนาใน “แอพพลิเคชันวีแชท” ให้คนไทยในเมืองอู่ฮั่น ที่มีอยู่ ๖๔ คน ใช้ติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่สถานทูตฯ แบบเรียลไทม์ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทั้งบาร์โค้ด เบอร์สายด่วนฉุกเฉิน พร้อมสรรพ

“ท่านรัฐมนตรีดอน” เอางี้ซีครับ……
ระหว่างรอคิวทางจีน ว่าจะให้เครื่องลงสนามบินที่อู่ฮั่นเมื่อไหร่

ท่านก็ให้เจ้าหน้าที่สถานทูตปักกิ่ง อัดเสียงวีแชทกับนักศึกษาไทย หรือคนไทยที่ติดอยู่นั่น ส่งกลับมา
ให้เขาบอกเล่าสารทุกข์สุขดิบมาถึงคนไทยและญาติพี่น้องเขาในไทย
ว่าพวกเขาปลอดภัยดี หรืออกไหม้ไส้ขม สุดจะทนทานขนาดไหน หรือยังพอไปไหว ไม่ต้องห่วง



การสื่อสาร ๒ ทาง จะดับความห่วงหาอาทรระหว่างคนไทยยามมีภัยด้วยกันได้ระดับหนึ่ง

และนั่น จะช่วยให้นักการเมืองประเภทสิ้นคิด เปลี่ยนมุมไปหาเรื่องอื่นไล่นายกฯประยุทธ์ใหม่

เพราะมุมรัฐบาลเฮงซวย ฟังจนเบื่อ และเสียงสะท้อนกลับเป็นว่าอีหน้าขาวเฮงซวยไปแล้ว

และด้วยเทคโนโลยี ปี ๒๐๒๐ ยุค ๕ จี ขณะนี้ ให้วีแชทสด จากอู่ฮั่นมาที่ทำเนียบ แล้วออกลำโพงขยายไป ๔ มุมประเทศ ให้ได้ยินกันจะจะก็ได้ว่า
อยู่กินกันยังไง สถานทูตไทยในปักกิ่ง ดูแลจริงตามที่พูดมั้ย ?

ให้ได้ยินกันกะหู ทุกคนจะได้สบายใจ รอไฟเขียวจากจีนให้เรือบินไปรับได้ โดยไม่ต้องด่ารัฐบาลเอามันแบบโง่ๆ
คนพูดกับคนทำ คนแก้ปัญหากับคนสร้างปัญหา มันจะแบบนี้ตลอด ในสังคมประชาธิปไตยของพวกใต้ตีนทักษิณ



ดังนั้น ต้องเข้าใจ ว่าข่าวสารโซเชียล มันคือขยะที่คลื่นขยอกให้ไหลมารวม
เราจะขยำเอามันมาเป็นอารมณ์ทั้งหมดไม่ได้

บริโภคข่าวสารไอทีก็เหมือนกินปลาตะเพียน เนื้ออยู่ในก้างและก้างก็อยู่ในเนื้อ
ลิ้นต้องดุนให้ละเมียดก่อนกลืน แล้วจะอร่อย!

พวกข่าวดรามา เฟกนิวส์ ถ้าทำพอดีๆ รัฐบาลจะจุก แต่ถ้าทำมันทุกเรื่อง และโยงทั้งหมดทุกเรื่องเป็นเหตุด่ารัฐบาล

ดรามา-เฟกนิวส์ ………
มันจะกลายเป็นสากกระเบือ สะท้อนกลับไปทิ่มตำและตีกบาลพวกมันเอง!

อย่างตอนนี้ เห็นชัด ยิ่งเอาเรื่องไวรัส เรื่องคนไทยในอู่ฮั่นมาปั่นเพื่อโยงด่ารัฐบาล

ด้วยความจริงทนโท่ และด้วยพื้นฐานจิตใจเป็นธรรมของมนุษย์
คนสงสาร ด้วยเห็นใจและเข้าใจรัฐบาลนายกฯ ประยุทธ์
และหันไปด่า พวกดรามา-เฟกนิวส์แทน!



อีเม่ย…ซวยละ ตานี้

ต่อให้สยายผมพรางหน้า ก็อย่านึกว่า จะหลบเร้นฝ่ามือคนที่เขาหมั่นไส้ จนเหลืออด-เหลือทน ไล่ตามจิกตอบ
เท่านี้ะละมัง……..

ว่าจะคุยเรื่อง “ศาลรัฐธรรมนูญ” รับคำร้อง “ประเด็นเสียบบัตรแทนกัน” ก็คงไม่ต้องคุย

เพราะศาลฯให้ผู้ร้องและผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง เขต ๒ พรรคภูมิใจไทย น.ส.ภิม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ เขต ๓ พรรคพลังประชารัฐ และนายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ เขต ๓ พรรคภูมิใจไทย ยื่นคำชี้แจงเป็นหนังสือ “พร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง” ต่อศาลฯภายในวันที่ ๔ ก.พ.นี้แล้ว

ฉะนั้น ทุกอย่างจะ “จบเร็ว” ด้วยข้อเท็จจริง ตามข้อกฎหมายโต้งๆ
พูดมากไปก็ “เจ็บคอ” เปล่าๆ..นิ!



Written By
More from plew
ผู้นำโง่ “พากันตายหมด” – เปลว สีเงิน
คลิกฟังบทความ..⬇️ เปลว สีเงิน “ผู้นำ” เนี่ย จะบ่มิไก๋ หรือ มีกึ๋น การแก้ปัญหาวิกฤติเฉพาะหน้า คือ “บททดสอบ! อย่างกรณี...
Read More
0 replies on “จากปรับครม.ถึงดรามาไวรัส”